ดาวใจ ไพจิตร เจอพิษโควิด ประกาศขายกิจการ พร้อมที่ดินย่านสุขุมวิท 240 ล้าน


ให้คะแนน


แชร์

ดาวใจ ไพจิตร เจอพิษโควิดเล่นงาน ประกาศขายโรงเเรม-สปาหรู-โรงละครโอเปร่าเฮาส์ พร้อมที่ดินย่านสุขุมวิท ราคา 240 ล้านบาท แพลนเกษียณมุ่งทางธรรมเป็นหลัก

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ดร.ดาวใจ ไพจิตร ตัวแม่วงการเพลงลูกกรุงไทย เปิดใจหมดเปลือกโดนพิษโควิดเล่นงานจนต้องประกาศขายกิจการโรงแรม สปาหรู และโรงละครโอเปร่าเฮาส์ ย่านสุขุมวิท เอาชีวิตตัวเองให้รอดรวมมูลค่า 240 ล้าน ในรายการ “คุยแซ่บSHOW” ที่มี พีเค-ปิยะวัฒน์ และบูม-สุภาพร เป็นพิธีกร

คนในวงการกำลังช็อกที่เห็นข่าวประกาศขายกิจการ? “ก็มีประกาศขายโอเปร่าเฮาส์ เรามีกิจการอยู่ 3 อย่าง คือโอเปร่าเฮาส์ โรงแรม และสปา ซึ่งอยู่ในที่เดียวกันคือ สุขุมวิท 71 ซอยปรีดีพนมยงค์ 14 ติดทางด่วน ใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งเราก็ทำมา 10 กว่าปีแล้ว ตอนนี้อยากรีไทร์ตัวเอง”

ทีมงานบอกว่ารักที่นี่มาก ทำไมถึงขาย? “ตอนที่เราทำขึ้นมา เรามีความรักในงานนี้มาก เราอยากให้เป็นที่ยืนของศิลปินรุ่นเก่าที่แทบจะไม่มีเวทียืนแล้ว ที่นี่ก็น่าจะเป็นที่ยืนของพวกเขาได้ ก็เลยตั้งชื่อวงไว้ว่า ดาวค้างฟ้า ขึ้นมา แล้วก็เป็นที่พึ่งของศิลปินที่ป่วยไข้ เราก็ไปเยี่ยมไข้ ภายใต้หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ท่านเป็นคนบอกให้แม่ทำและช่วยสนับสนุนมาตลอด ก็ทำกันมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว ก็ตั้งใจว่าจะทำสัก 10 ปี แล้วจะหาคนที่ใจบุญแบบเรามาช่วยทำงานกันต่อหรือว่าจะให้เราช่วยบริหารก็ได้ ซึ่งโดยปกติแม่ดาวใจเป็นโยมอุปัฎฐาก เป็นอุบาสิกาอยู่หลายวัด เช่น วัดพระบาทน้ำพุ วัดสังฆทาน และเราก็ไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานที่อุดรเป็นประจำทุกวันเสาร์
อย่างปีที่แล้วเราได้ทอดกฐินไป 35 วัด ที่ทำไม่ใช่เราร่ำรวยกว่าใครแต่เป็นเพราะเขาตกค้าง คือไม่มีใครไปทอด ปีที่แล้วมีโควิดซึ่งมันก็ไม่เท่านี้ ปีนี้เราก็เลยเหมามาเลย แล้วก็ไปบอกพรรคพวก ทั้งหมด 35 วัด ซึ่งเราก็เอาบุญไปบอกเพื่อน ๆ คือถ้าเรามัวแต่มาบริหารที่นี่ การทำบุญต่าง ๆ ก็จะไม่สะดวก”

ที่ขายธุรกิจเพราะอยากรีไทร์ตัวเอง? “ใช่ เพราะเราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เราอายุ 70 แล้ว บางครั้งยังนึกว่าตัวเอง 40 ไปไหนมาไหนใคร ๆ ก็บอกว่าแข็งแรงมาก ถ้ามีคนมาซื้อไปหรือมารับบริหารหรือมาจับมือกันทำ เราก็จะเบาลง เพราะถ้าเราอายุมากกว่านี้เราก็จะไปไหนไม่ค่อยไหวแล้ว”

แต่คนในวงการส่วนใหญ่จะขายอะไร เขาจะปากต่อปาก เขาจะไม่ค่อยออกสื่อ ที่ตัดสินใจออกสื่อเพราะอะไร? “เพราะแม่คิดว่าเป็นสิทธิของแม่ และเราก็มีเจตนาบริสุทธิ์ เราทำเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด ใคร ๆ ก็จะรู้ว่าแม่นึกถึงคนอื่นเสมอ เพื่อนในวงการรู้ว่าเราเป็นผู้เสียสละ โอเปร่าเฮาส์ ถือว่าเป็นต้นโพธิ์เป็นที่พักพิกที่หนึ่งของเหล่าศิลปิน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำมาตลอดทุกคนก็ภูมิใจ ทุกวันนี้ก็ยังดูแลกันอยู่ ถ้าแม่จะออกมาขายหรือเปลี่ยนมือ มันมีอยู่ 3 ส่วน มีโอเปร่าเฮาส์ โรงแรม และสปา ก็อาจจะซื้อไปบางส่วนก็ได้ หรือจะซื้อหมดก็ได้ก็แล้วแต่ ตอนนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น”

มาบอกที่นี่เป็นที่แรก? “ใช่ค่ะ เพราะเราเคยมาออกรายการนี้และเราก็ดูเป็นประจำ แต่กว่าจะประกาศขายก็ทำใจอยู่นานเพราะมีศิลปินที่เป็นเจ้าของโอเปร่าเฮาส์ แม่คิดว่าไม่น่าจะมีเกิน 3 คน และแม่ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะไม่ยิ่งใหญ่แต่เราก็ตั้งใจปั้นด้วยความรู้สึกที่ดีงามมีครบทุกอย่าง จุคนได้ 500 คน ทุกอย่างสะอาดและพร้อมหมด เราทำงานด้านนี้ เราทำการแสดงมาเป็นร้อย ๆ เรื่องแล้ว เราอยู่ที่นี่มาเป็น 10 ปีแล้ว เราก็ทำเต็มที่เพียงแต่เราตั้งเข็มกับตัวเองไว้แล้วว่า ถ้าเราอายุเท่านี้เราจะรีไทร์ เราก็เลยออกมาประกาศให้ผู้ใจบุญที่มีสตางค์ มีพลัง มีศรัทธาต่อศิลปิน ถ้าพูดถึงเรื่องธุรกิจที่นี่ก็ทำธุรกิจได้ดี เพราะในซอยนี้หลังบ้านมีคอนโด 7 แห่ง ขายหมดแล้ว และก็อยู่ใกล้รถไฟฟ้า อยู่ใกล้เซเว่น”

ถ้าเป็นคนอื่นออกมาประกาศขายแบบนี้ต้องมีแอบเขิน ทำไมแม่ดาวใจ ถึงไม่อาย? “เราไม่ได้ทำเสียหายอะไร คนเราจะอับอายก็ต่อเมื่อเราทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราทำสิ่งที่ถูกต้องเราจะอายทำไม แต่เราก็วิเคราะห์ดูแล้ว เราบอกประชาชนไปเลยดีกว่า ถ้าได้คนที่มีศักยภาพมารับไม้ต่อจากเราไป เราก็มีความสุข เราก็สามารถทำบุญได้มากขึ้น ยิ่งคนที่มามีวัตถุประสงค์เดียวกับเราก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะปัจจุบันนี้ดาวใจก็ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องที่เป็นนักบุญคนหนึ่งไปไหนก็มีแต่คนยกยอเป็นอุบาสิกาชั้นยอดเลย แล้วตระกูลของเราก็เป็นตระกูลนักบุญ ทั้งปู่ย่าตายาย”

กิจการตอนนี้ยังเปิดอยู่ไหม? “ช่วงนี้ปิดเพราะเราต้องปิดตามระบบของกฏหมาย แต่เดิมเรามีทั้งร้านอาหารที่อร่อยที่สุด เรามีโรงละคร มีสปา และโรงแรมเรามีพร้อมหมด”

ในกิจการทั้งหมดเสียดายอะไรมากที่สุด? “เสียดายโอเปร่าเฮาส์ เพราะว่าเป็นตัวตนของเรา เราสร้างมากับมือ เราคาดหวังว่าเราจะส่งเสริมศิลปินทั้งเก่าและใหม่ ทั้งคนเก่าที่ยังไม่ป่วย เขาก็หายป่วยเพราะได้มาแสดงที่เราหลายคน เด็ก ๆ ศิลปินรุ่นใหม่ก็ได้เกิดตรงนี้ ศิลปินรุ่นเดอะก็ได้ถ่ายทอดวิชาตรงนี้ ที่เราทำมาโดยตลอด เราก็เสียดายเพราะเราก็ทำเต็มที่แต่เมื่อถึงเวลาที่เราตั้งเป้าว่าจะรีไทร์เราก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นเราจะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก จะห่วงใยกังวล”

แค่พูดถึงยังน้ำตาคลอ กลางคืนมีนอนร้องไห้ไหม? “เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เราก็ต้องรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เมื่อถึงเวลาที่เราสมควรที่จะวางมือเราก็วางก่อนที่เราจะทำไม่ไหว ตอนนี้เราบริหารจัดการได้ทั้งหมด ในสถานการณ์แบบนี้ยังมีคนใจบุญอีกมากที่เขารอที่จะช่วยเหลือศิลปินอยู่”

ถ้าเขาซื้อแล้วเอาไปทำอย่างอื่น? “ได้หมด เราก็ต้องไม่มีข้อแม้อะไร เพียงแต่เราก็แค่คาดหวังว่าจะเจอคนที่มีอุดมการณ์แบบเราก็ได้ หรืออาจจะเจอศิลปินรุ่นน้องที่ซื้อไว้ก็ได้ คือเขาซื้อไปแล้วจะนำไปแก้ไขอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะเขาซื้อไปแล้ว วันนี้เราก็แค่มาเล่าสู่กันฟังว่า ดาวใจมีความปราถนาแบบนี้ก็ขอบอกผ่านรายการเพื่อให้เขาไปบอกต่อ เรื่องใครจะว่าอย่างไร เราไม่มายด์เลย ชีวิตคนเราก็แค่นี้ มาก็มือเปล่า กลับไปก็มือเปล่า แต่ถ้าเราสามารถเอาเวลาที่เหลืออยู่นี้ ไปบำเพ็ญบุญได้มากขึ้นก็เป็นบุญกับตัวเรา”

ในแต่ละเดือนเราต้องแบกภาระเดือนละเท่าไหร่? “รวมทั้ง 3 ธุรกิจเดือนหนึ่งประมาณล้านกว่าบาท เพราะเราทำทุกอย่างเต็มที่ที่สุดแม้ว่าของเราจะไม่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ตาม เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเราก็ย่อลงไปบ้าง แต่ทุกวันนี้ถ้าไม่มีโควิดเราก็มีงานแสดงตลอดเวลา”

ค่าใช้จ่ายล้านกว่าบาทจ่ายค่าอะไรบ้าง? “มันก็มีค่าอุปกรณ์ ค่ากุ๊ก ค่าโน่นนี่ แค่ค่ากุ๊กอย่างเดียวเดือนหนึ่งก็เป็นแสนแล้ว ตอนที่เราทำก็มีทั้งงานแสดงและขายอาหาร ยุคหลัง ๆ เราก็มีการดัดแปลงตามสภาวะที่เกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเราต้องแยกร้านอาหารมาอยู่ข้างล่าง การแสดงอยู่ข้างบน รายการทุกรายในประเทศไทยไม่เคยมีรายไหนที่ไม่เคยมาถ่ายทำที่นี่ ทุกรายการเราออกมาหมดแล้ว”

ราคาประมาณเท่าไหร่? “หากใครสนใจติดต่อดาวใจได้ คือตอนนี้เรามีโปรโมชั่นจาก 300 ล้าน เหลือ 240 ล้านเท่านั้นเอง แถมสุนัข 6 ตัว”

แล้วช่วงโควิดที่ผ่านมาต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่? “ตอนนี้ก็เหลือแค่ 2-3 แสน”

ราคาที่ตั้งตอนนี้คือ 240 ล้าน แต่ถ้าเขามาต่อรองยอมขาดทุนไหม? “เรื่องนี้เราคุยกันได้ ขอให้ตั้งใจจริง แล้วตัวปลอมที่มาแหย่มาแกล้งแม่อย่าทำเลยมันบาป เราคุยกันด้วยเหตุผล คือถ้าได้ของดาวใจไปก็เท่ากับว่าได้ทำบุญใหญ่”

ลูกน้องที่เหลือตอนนี้เหลือกี่คน? “10 กว่าคน แต่ก่อนมีประมาณ 50 คน เพราะแค่ห้องนวดก็มีเป็นสิบสิบห้องแล้ว เราทำสปาเราก็ทำเป็นสปาบำบัดเป็นสูตรอย่างดีแช่น้ำว่าน รักษาโรคพาร์กินสันได้ อัมพฤกษ์ได้”

วันที่ต้องปลดพนักงาน บอกเขาอย่างไร? “ทุกคนรู้ทุกอย่างมันประจักษ์อยู่แล้ว เราไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น ไม่ใช่ว่าเราไม่ลำบากแล้วเราบอกว่าลำบาก คือทุกคนก็เห็นกันอยู่ว่าเราเป็นคนที่เสียสละ แม่เป็นคนไม่ติดยึดเรื่องลาภยศต่าง ๆ อยู่แล้ว คือถ้ามีเงินแล้วให้เลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมกับช่วยเหลือคน เราขอเอาเงินมาช่วยเหลือคนดีกว่า อันนี้จากใจเลยนะ คือพ่อแม่ปู่ย่าตายายสอนมาเสมอว่าเราไม่ควรอวดร่ำรวย มันอยู่ในหัวใจของเรา สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำคนให้เป็นคน ช่วยเหลือคน สร้างคน ไม่ว่าใครที่เข้ามาเราช่วยเหลือหมด ทำได้เราทำเสมอ เราขออวดความดี เราขอแข่งขันกับตัวเองทำความดี อะไรทำได้โดยเฉพาะเรื่องจรรโลงพระพุทธศาสนา เราทำมาตั้งแต่เราเป็นตัวเล็ก ๆ เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ปู่ย่าตายายเคร่งเรื่องศาสนามาก”

ตอนที่เราบอกเลิกจ้างมีคนมาพูดอะไรกับเราไหม หรือว่าเขาไปเลย? “คือทุกอย่างมีวาระของมัน อยู่แล้ว คนจะคัดตัวเองอยู่แล้ว บางคนไม่ทำงานจริงมาหลอกเราก็มี คนเหล่านั้นก็ต้องไปก่อน เราคิดว่าคนดีก็เหมือนทองคำ ความดีก็คือทองคำ ส่วนคนที่เหลืออยู่ 10 กว่าคนนั้นเราไปไหนก็ไปด้วยกัน คือเราจะไม่ปลดแล้ว ถ้าเราขายกิจการไปแล้วเขาอยากกลับบ้านนอกก็กลับ แต่ถ้าเขาไม่อยากกลับบ้านนอกเราไปไหนก็ไปด้วยกัน เพราะแต่ละคนอยู่กันมาเกินครึ่งชีวิต เพราะที่ตรงนี้เราอยู่มาตั้งแต่อายุ 20 ปี เป็นที่อยู่ดั้งเดิมของเราที่เราปรับพื้นที่มาทำเป็นธุรกิจ”

มีข่าวว่าเครียดเรื่องหนี้สินด้วย? “เรื่องหนี้สินไม่มีปัญหา มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ปัญหาใหญ่คือสุขภาพร่างกายของเรา โปรเจ็กต์แบบนี้ถ้าเราเจอคนที่เขาอยากได้ เราก็คงจะเบาขึ้นเยอะ”

ถ้ามีคนมาขอซื้อแต่ให้เราบริหารเหมือนเดิมจะติดอะไรไหม? “เราช่วยได้เต็มที่ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเราเป็นคนพูดจริงทำจริงและใจดีพอ รักษาคำพูดทุกอย่าง และแม้ว่าเขาจะไปทำอย่างอื่นก็เป็นสิทธิ์ของเขาแล้ว”

ขอย้ำช่องทางในการขายหน่อย? “ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-931-4775, 062-364-2445 ไม่ว่าจะเป็นทั้ง 3 โครงการ หรือซื้อแค่โครงการใดโครงการหนึ่งก็คุยกันได้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อกันง่าย ๆ ทุกอย่างก็ต้องมีการพูดคุย ก็มาเข้ามาดูพื้นที่มาดูเอกสารได้หมด”

เห็นว่าสิ่งหนึ่งที่กลัว คือกลัวคนวงในรอขย้ำเหรอ? “ไม่กลัวหรอก เพราะบุคคลไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก เรามั่นใจว่าเราทำถูกทางแล้ว ดีกว่าการที่เราจะไปติดป้ายหน้าบ้าน มาออกรายการนี้คนดูเยอะก็ต้องไปโดนใจคนดูบ้างแหละ อันนี้เราทำในสิ่งที่ถูกต้องเราไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น”

อยากจะบอกอะไรกับคนที่บอกว่าเราถังแตก? “อยากจะบอกว่า ให้ไปดูแลถังของคุณเถอะไม่ต้องดูถังของแม่ ถังใครก็ถังมัน เรามั่นใจว่าเรายืนหยัดในวงการมาได้กว่า 55 ปี ไม่เคยสร้างความเสียหายกับใคร เรื่องเงินเรื่องทองเราก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับใคร เรายืนหยัดได้อย่างสง่างาม คนเราทุกคนก็บ้านใครบ้านมัน ถ้าเขามีสติก็ต้องหันดูบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เพราะเราไม่เคยไปยุ่งของใคร การนินทาว่าร้ายใครเราก็ไม่เคยคิด การให้ร้ายคนมันบาปนะอย่าทำเลย”

ถ้าขายได้ 240 ล้าน จะเอาเงินไปทำอะไร? “ส่วนหนึ่งเราก็ต้องเอาไปพัฒนาที่อยู่ของเรา และอาจจะเอาเงินไปสร้างวัดสักวัดเป็นวัดส่วนตัว แล้วเด็กของเราที่เหลืออยู่ 40 กว่าคน ทุกคนต้องมีเงินเราก็ต้องแจก แล้วถ้าที่ไหนสร้างอะไรไม่เสร็จก็สร้างให้เสร็จไป”

คลิปสัมภาษณ์ ดร. ดาวใจ ไพจิตร

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6429817
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6429817