ชีวิตจริงไม่ตลก ชมพู่ ก่อนบ่าย เผยความลับครั้งอกหัก หวิดเป็นอัมพาต สามีแฉหนัก


ให้คะแนน


แชร์

ชีวิตจริงไม่ตลกเหมือนหน้าจอ ชมพู่ ก่อนบ่าย เปิดความลับเคยเกือบเป็นอัมพาต เพราะผิดหวังมากกับความรัก บอย สามีสุดที่รัก แฉยับเหมือนเก็บกดมานาน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

นักแสดงตลกสาว ธัณย์สิตา สุวัชราธนากิตติ์ หรือ ชมพู่ ก่อนบ่าย ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เผยว่าในชีวิตจริงที่ผ่านมาในอดีตตัวเองไม่ได้ตลกหรือมีรอยยิ้มเลยโดยเฉพาะในเรื่องของความที่โหยหา และตามหามาตลอด รัก ๆ เลิก ๆผิดหวังนับไม่ถ้วนจนเคยเกือบคิดสั้น ทำร้ายร่างกายจนเกือบเป็นอัมพาต แต่สุดท้ายก็ได้เจอรักแท้ คุณบอย พ่อของลูกคนนี้ ที่ได้มาเปิดใจผ่านรายการเหมือนเก็บกดมานานถึงภรรยา

ชมพู่เป็นคนโหยหาความรัก ขาดความรัก หรือเราเติบโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน ในคาแร็กเตอร์จริง ๆ มองย้อนกลับในวันนี้? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “ถ้ามองย้อนกลับไปหนูว่าหนูเป็นคนโหยหาความรัก ทั้งที่จริง ๆ ครอบครัวไม่ได้แบบว่าไม่อบอุ่นนะคะ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเรามาดีมากให้ความรักดีมาก แต่เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ หารายได้เสริมด้วยการร้องเพลง รับจ้างต่าง ๆ เรารู้สึกว่าเราหาเลี้ยงครอบครัว หาเลี้ยงตัวเองได้ สิ่งที่มันมาทดแทนในเรื่องของความเหนื่อยตรงนี้สำหรับเรานะคะ คือคนที่มาเติมความรัก เราก็เลยโหยหาคนที่ให้ความรัก ซึ่งจริง ๆ ณ ตอนนั้นเราไม่ได้ได้จากเขาหรอกเราเป็นคนวิ่งไปหาเอง ซึ่งมันก็เลยได้แบบทุลักทุเลหน่อยก่อนหน้านี้ค่ะ เพราะเราก็ได้ผ่านความเจ็บอะไรมาเยอะเหมือนกัน เป็นปกติของความรักเลย ถ้าย้อนกลับไปแล้วเรามานั่งมองตอนนี้นะคะ มันเป็นเรื่องอะไรที่เล็กมาก ๆ เลย สำหรับการใช้ชีวิตในเรื่องชีวิตคู่ แต่ ณ ตอนนั้นเรามีความโหยหา คาดหวังเยอะในเรื่องของความรักในเรื่องของชีวิตคู่ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างงี้ จริง ๆ แล้วที่ผ่านมาเราคอยแต่จะโทษเขาตลอดเลย เราไม่เคยโทษตัวเองเลยที่ผ่านมา ความรักทุกครั้งที่ผ่านมาจะโทษเขาว่าเขาไม่ดีทำให้เราไม่ได้ เขาทำผิดแต่บางทีเราลืมย้อนกลับมาดูตัวเราเองว่าตัวเองนี่แหละมันก็มีส่วนบกพร่องเราก็เป็นคนที่ทำไม่ดี เราก็เป็นคนที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านั้นเรานึกไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นกับความรักหนูจะรู้สึกตีโพยตีพายแล้วก็ฟูมฟายทำให้เราเลิกหรือจบทุกครั้งมันก็เจ็บ ถ้าเกิดมานั่งมองย้อนไปตอนนี้แล้วย้อนไปจะรู้สึกว่าเราก็ผิดเหมือนกันไม่ใช่แค่เขาที่ผิด ต้องบอกเลยว่าความรักที่ผ่านมาคือจบทุกครั้งและเจ็บทุกครั้ง แล้วก็เจ็บเพราะตัวเราเองนี่แหละค่ะ มันก็ทุกข์กับตัวเองนี่แหละค่ะ เพราะว่าเราคิดไม่ได้ว่าจริง ๆ แล้วความรักจริง ๆ มันคืออะไร เพราะตอนนั้นเราคิดได้แค่ว่าความรักคือการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อยากให้เขาเป็นแบบที่ตัวเราอยากให้เป็นการใส่ใจมาก ๆ ตัวต้องติดกันตลอดการไม่ได้ให้พื้นที่หรือให้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละคน แต่ทุกครั้งเราจะเป็นคนถอยมาเอง แต่ก็จะรู้สึกว่าเพราะคุณผิด ฉันดี ฉันไป แล้วก็ไปหาคนใหม่ แต่จริง ๆ แล้วเรานี่แหละก็มีข้อบกพร่องที่ทำให้เรากับเขาไปต่อไม่ได้ แต่ตอนนั้นคิดไม่ได้”

แต่สิ่งที่ชมพู่เจอมาก็ไม่เบาเลย เช่น คนของเราไปกิ๊กกั๊กอะไรกับคนที่เรารู้จัก? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “จับได้ว่าไปมีคนอื่นกับคนที่เรารู้จักคนรอบตัว ณ ตอนนั้นถามว่าเจ็บไหม มันก็ตีโพยตีพายอีกค่ะ ก็จะว่าเขาไม่ดีทำไมเขาถึงนอกใจแล้วทำไมคนใกล้ตัวเราถึงทำกับเราแบบนั้น ซึ่งมันเป็นช่วงจังหวะบังเอิญที่เราได้รู้จากเพื่อนเราอีกทีว่าไปเห็นภาพแล้วก็มารายงานเราอีกทีหนึ่ง วันที่รู้เราก็ค่อนข้างเจ็บแล้วก็โวยวายแล้วก็เลิกเลย แต่พอมานั่งย้อนวันนี้ อย่างที่เราบอกเราเองหรือเปล่าที่เราทำให้เขาอยากไปมีคนอื่นเองหรือเปล่า”

ทำไมถึงคิดว่าเราเป็นคนที่ทำให้เขาทำแบบนั้น? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “เพราะว่าเราเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง พอเราดูแลตัวเองเราก็จะรู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงมั่น เราทะนงในตัวเองเราจะรู้สึกว่าผู้ชายจะต้องฟังเราหรือตามเรา ดังนั้นในการคบกันเราอาจจะไปคุมชีวิตเขาทำให้เขาไม่มีความสุข ไปออกคำสั่งหรือว่าทำตัวเองประพฤติตัวเองที่มันไม่ได้น่ารัก หรือไม่ได้เป็นแบบที่ผู้ชายต้องการ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเราไม่ได้มองข้อเสียของเราตรงนี้เลย เราแค่รู้สึกว่าฉันทำดีแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงที่ดีแล้ว ฉันทำให้เธอทุกอย่างแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ เลยมาย้อนมองตัวเอง ข้อเสียก็อยู่ที่เราเยอะเหมือนกัน”

เห็นว่ามีจังหวะหนึ่งที่แอบคิดสั้น? มพู่ ก่อนบ่าย : “มีแว๊บ ๆ ค่ะ แต่มันก็ไปไม่ถึง เพราะจะมีเรื่องครอบครัวแว๊บขึ้นมาก่อนแล้วก็เรื่องของภาระหน้าที่ มันมีอะไรรอเราอยู่เยอะมากเลยค่ะ อยากตัดปัญหาให้มันจบไว ๆ เหมือนกัน แต่ว่าพอจะไปปุ๊บ .. อ้าว ไม่เอาดีกว่ายังมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะเลย”

เหมือนหลาย ๆ คน เวลาที่ทุกข์ถึงที่สุดทำไมไม่รู้ว่าถึงคิดว่าตายดีกว่า แต่สุดท้ายแล้วพอคนที่รอดชีวิตผ่านตรงนั้นมาได้ ทุกคนก็จะมองกลับไปว่าโอ้โห..ถ้าวันนั้นทำตัวอะไรไปเสียดายแย่เลย? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “มากค่ะ ถ้าวันนั้นหย่อนตัวเองลงมาจากตึก ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวหรือได้เห็นคุณค่าของความรักเหมือนทุกวันนี้เลย ก็โชคดีที่ไม่ได้พลั้งลงมา เราเป็นคนที่ใช้ชีวิตสุด เวลารักคือรักให้สุด จะเรียนรู้เรื่องการเจ็บก็เจ็บให้สุด สมมติว่ารู้ว่าไปกันไม่รอด เราจะทำให้เจ็บเยอะมากเราก็จะใช้เวลาก่อนที่จะแยกจากกันมีความสุขมากที่สุด แล้วเวลาอกหักแต่ละครั้งเราก็จะจมกับมันให้ลึกที่สุด ทิ้งตัวเองอยากจะแบบลางานอยู่กับตัวเองไม่ทำงานปล่อยชีวิตให้มันเป็นไปค่ะ แล้วพอมันสุดไปแล้ว พอมันสุดถึงแบบสุดซ้ำอยู่ที่เดิมไม่เห็นมันมีอะไรดีขึ้นมาเลย เงินทองก็ร่อยหรอลงไป พ่อแม่ก็ไม่ได้เจอหน้า ตัวเองร่างกายก็ไม่ดี มันเหมือนจุดที่คิดได้เอง มันอธิบายไม่ถูกว่ามันพลิกกลับมาได้อย่างไร แต่มันเหมือนมองกระจกแล้วคิดได้เอง นี่เราอายุเท่าไร เราจะเหลือเวลาใช้ชีวิตอีกเท่าไหร่ แล้วถ้าเราเปลี่ยนตอนนี้ ชีวิตที่เหลือของเราอาจจะใช้แบบมีความสุขก็ได้ค่ะ ก็โชคดีที่เราค่อย ๆ ดึงตัวเองออกมา”

เจอความรักผิดหวังซ้ำ ๆ เคยคิดไหมว่าเราไม่น่าจะมีความรักอีกแล้ว เข็ดกลัวไปเลย? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “ไม่มีค่ะ หนูเป็นคนแบบความรักมีไว้ให้พุ่งชน ณ ตอนนั้นแม้จะเจอเจ็บปวดขนาดไหน แต่เราก็ใช้เวลาน้อยมากในการเปิดใจและศึกษาคนใหม่แล้วพอเปิดใจก็เจ็บอีก อ้าว .. ก็ลุยอีก เป็นคนลุยค่ะ สมัยก่อนเป็นคนที่สู้กับความรักมาก ก็เลยไม่ค่อยปล่อยตัวเองให้พักหรือว่าเว้นหรือว่าเข็ด”

กับความรักครั้งหนึ่งที่เราพุ่งชนตลอด ทำให้เราเป็นอัมพาต เพราะอกหัก? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “อันนั้นจะบอกว่าเป็นผลพวงจากภาวะเครียดของเราด้วย แต่เวลาใครถามก็จะบอกว่าเฮิร์ตอกหัก แต่จริง ๆ แล้วมันก็มาจากการที่เราไม่ดูแลตัวเอง เราไม่มีความสุข เราร้องไห้มีความทุกข์มาก ๆ เราก็เลือกที่จะไประบายกับเพื่อนไม่พักผ่อนไม่ดูแลตัวเองไม่รักตัวเอง เลือกที่จะปาร์ตี้สังสรรค์ใช้ชีวิตไม่ได้เห็นคุณค่าของตัวเองค่ะ มันก็บวกกับเครียดอีก น่าจะเป็นเพราะระบบในร่างกายตีกันทุกอย่างทางการแพทย์เรียกว่า Stroke ค่ะ เหมือนเป็นอัมพาตชั่วคราว อยู่ ๆ ก็ชาซีกหนึ่งเราก็เริ่มรู้สึกว่าเอ๊ะ..ทำไมมือชาเริ่มไม่รู้สึก ทำไมมุมปากเริ่มตก ๆ นิด ๆ เราก็รู้เลยว่าอาการของเราไม่ปกติก็เลยรีบไปหาหมอ พอไปเจอหมอก็อธิบายว่า..มันเป็นอาการเหมือน Stroke ชั่วคราวพอเราได้ยาละลายลิ่มเลือดได้พักผ่อนแล้วก็ได้พักฟื้นสักพักหนึ่งอะไรอย่างนี้ค่ะ มันก็ดีขึ้น”

ความยากอย่างหนี่งด้วยไหม เพราะชมพู่เป็นสัญญลักษณ์ของความฮาและความสนุก คนที่มองเข้ามาจะมองว่าทุกข์อะไร เพราะเราดูเป็นคนที่มีความสุขตลอดเวลา แต่จริง ๆ มันเป็นความขัดแย้งในตัวเองเหมือนกันที่เราจะต้องพยายามสดใสร่าเริง ต้องทำให้คนอื่นมีความสุข ในขณะที่ต้องกดกับความทุกข์ของตัวเอง? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “ใช่ ช่วงนั้นเป็นจริง ๆ เลยค่ะ เวลา 5-4-3-2 เล่นได้ฮาเลย แต่พอคัตปุ๊บไม่มีเข้าฉากอะไร เราก็จะนั่งดูโทรศัพท์ ถ้าเจอข้อความอะไรจี๊ด ๆ ก็ร้องไห้ หรือใครมาพูดแตะนิดนึง (กับประโยคนี้ วางมือบนบ่าน้ำตาก็ไหลค่ะ) มันจริง ๆ เลยเวลาเจอเพื่อนอย่าแตะไหล่ พอแตะปุ๊บ น้ำตาไหลเป็นสายน้ำเลย แต่เวลาหน้าจอที่เราต้องแสดงเรารู้สึกว่ามันคือหน้าที่เป็นงานก็ต้องทำให้ได้”

ในช่วงนั้นมีคนใกล้ตัวเตือนไหม กับเรื่องของความรัก กับคนรักอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเหมาะสม เราเจ้ากี้เจ้าการ เราจัดแจง เรามั่นใจเกินไป? ชมพู่ ก่อนบ่าย : “ในเรื่องของวิธีการทำตัวคนรอบข้างจะเตือนในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วว่า ไปกันไม่ได้หรอกหรือว่ามันมีเรื่องนี้อยู่นะ ทุกคนรู้แต่เราไม่รู้อะไรอย่างนี้ มันก็จะมีการเตือนในแบบนี้มากกว่าว่าหยุดไหม จบไหม ทำให้หนูเข้าใจเลยทุกวันนี้เวลาใครพูดถึงเรื่องความรักนะ หนูจะไม่เข้าไปแทรกหรือเข้าไปแนะนำเลิกหรือคบเลย เพราะว่าตัวเราผ่านมาก่อนในฐานะที่แบบ..เลิกเถอะ แต่ถึงเวลาเราก็กลับไปรักเหมือนเดิม”

เจ็บกับความรักมาเยอะ จนมาเจอรักแท้ คือ คุณบอย ถึงตัวจะไม่ได้มารายการ Club Friday Show แต่เราก็ได้ VDO Call เพื่อได้คุยกัน ต้องถามว่า คุณบอย รู้สึกยังไงบ้างที่ภรรยาของเราเอาของเราไปทิ้ง? บอย : “ปกติถ้าเขาหยุดอยู่บ้านเขาจะพักผ่อน แต่วันดีคืนดีอยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาทำแบบเราก็ตกใจ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่ากลับกลายเป็นแจ๋วประจำบ้านไปเลยครับตอนนี้ แต่ผมก็ไม่ทะเลาะหรือโกรธอะไรกับเขาเรื่องนี้เลยครับ บางทีก็หาของไม่เจอครับพอรู้อีกทีเหมือนเขาทิ้งไปแล้วครับ”

คุณภรรยาขี้บ่นไหม? บอย : ใช่ครับหลัง ๆ ตั้งแต่แต่งงานกันมาเริ่มจะบ่นเยอะทุกเรื่องเลยครับ ตั้งแต่ตอนเป็นแฟนกันชมพู่ไม่เคยบ่นอะไรเลยครับ ก็อยู่ด้วยกันแบบสนุกสนานเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันคบกับสบายมาก ๆ แต่ตั้งแต่พอแต่งงานกันทุกอย่างที่เราทำกลับกลายเป็นว่าเขาบ่นทุกเรื่องเลยครับ”

ชมพู่ ก่อนบ่าย : อยู่บ้านไม่เคยพูดเลยนะเรา (หัวเราะ) อยู่ในโทรศัพท์เก่งจังเลยนะเรา”

เห็นว่ามีเหตุการณ์หนึ่งเรื่องไปซื้อของเข้าบ้านแล้วเราจะต้องสลับช่วยกันเลือกใช่ไหม แล้วทำไม คุณบอย ได้เลือกอย่างเดียวเลยคือ ที่ฉีดก้น? บอย : ใช่ ๆ ครับ คือวันนั้นลงไปเดินซื้อของกัน ส่วนตัวผมเป็นคนประหยัดก็พยายามบอกให้เขาเลือกจากยี่ห้อแพง ๆ ให้ลดเกรดลงมาหน่อยหรือว่าจากตัวท็อปลงมาหน่อยเพื่อเราจะได้ประหยัดเงินแล้วไปลงในเรื่องอื่น สุดท้ายเขาก็เดินไปชี้เอาตัวนี้ ๆ แล้วพาผมมาทำอะไรให้มาเดินด้วยเหรอ เราไม่มีสิทธิ์เลือกเลยเหรอ พอเลือกทุกอย่างจบเขาก็พอว่าโอเคเนี่ย ๆ บี๋ ๆ ไปเลือกที่ฉีดก้น ผมก็บอกว่าอ้าว ..สรุปบ้านนี้คือ ผมมีสิทธิ์ได้แค่สายฉีดก้นเหรอ ถามว่าเราซีเรียสไหมก็ในมุมนั้นก็ซีเรียสบ้างนะครับ เพราะเราคิดว่าเอ๊ะ ทำไมไม่เชื่อเราบ้างอย่าไปสิ้นเปลืองเรื่องที่มันไม่จำเป็นดีกว่าครับ”

ชมพู่ ก่อนบ่าย : บ้านนะมันต้องเลือกของที่ดีที่สุดที่รัก”

เห็นว่าเคยทะเลาะกันเรื่องปาร์ตี้จนเกือบจะเลิกกัน? บอย : ใช่ครับ ก่อนแต่งงานผมเป็นห่วงสุขภาพเขาไงครับ เพราะว่าเวลาเขาปาร์ตี้หนัก ๆ ผมนึกว่าอุ้มคนตาย 2-3 รอบแล้ว ก็เลยอยากให้เขาดูแลตัวเองด้วย มันก็กดดันตัวเราเองด้วยทำไมเราถึงห้ามเขาไม่ได้ ทำไมเราถึงพาเขาไปในทางที่ดีไม่ได้ก็เคยทะเลาะกันแรง ๆ จนแบบว่าถ้าอยู่แบบนี้แล้วมันอึดอัด เขาก็ยังอวดใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ แต่ว่าหลังจากที่มีลูกชมพูก็เปลี่ยนไปทุกอย่างเลยครับ ก็ดีครับ”

ณ วันนี้ กำลังจะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้วรู้สึกยังไงกับคุณภรรยาบ้างที่ยังคงทำงานหนักหน่วงมาก?บอย : ก็เป็นห่วงนะครับให้ดูแลสุขภาพ แล้วอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกว่าเวลาที่ตัวเองไม่ได้รับความรักแบบนี้ลองให้หันมามองดูบ้างว่าคนข้างหลังพยายามส่งความรักให้อยู่เสมอ ไม่ว่าเป็นตัวเขา แล้วก็พ่อแม่ คนรอบข้างแต่บางทีหนูคิดว่าหนูไม่ได้รับมันอยู่ที่ความเชื่อของตัวเองมากกว่านะก็เป็นห่วงและรักเสมอคอยดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็เหมือนเดิมทุกอย่างนะ”

ชมพู่ ก่อนบ่าย : รักแค่ไหนคะ รักหนูแค่ไหนคะ” บอย : เท่าฟ้าเจ็ดอันจ๊ะ” ชมพู่ ก่อนบ่าย : เป็นคำที่เขาพูดกับหนูตอนที่คบกันใหม่ ๆ เลยค่ะ”

ผ่านเรื่องราวความรักมาเยอะขนาดนี้ ได้บทเรียนมาเยอะมาก วันนี้คิดว่ามุมมองความรักของตัวเองเป็นยังไงบ้าง? ชมพู่ ก่อนบ่าย : มุมมองความรักในปัจจุบันของเรา คือการเริ่มจากรักตัวเองให้เป็นก่อนเพราะบางทีเราฟุ้งซ่าน เรามัวแต่ฟูมฟายไป ไม่เห็นค่าของตัวเองคนอื่นเขาก็จะไม่ได้เห็นค่าตามเราเหมือนกัน แต่ถ้าวันนึงเรากลับมามีสติ รักตัวเองให้เป็น รักครอบครัวให้เป็น เริ่มต้นวิธีคิดที่ไม่คาดหวัง ไม่ต้องแบกความทุกข์เอาไว้เยอะ ๆ แล้วมองโลกในแง่บวกให้มาก ๆ มันก็จะสอดคล้องแล้วเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ”

ในความเป็นคุณแม่ของน้องธารา คุณแม่อยากจะบอกอะไรกับลูก ต่อให้เราบอกว่าความรักไม่ต้องคาดหวังแต่เราก็หวังดี อยากจะบอกอะไรกับลูกบ้าง? ชมพู่ ก่อนบ่าย : บอกว่าขอบคุณมากที่เขาเกิดมาเป็นลูกค่ะ ขอบคุณที่เขามาในจังหวะที่ดีมากที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นคุณแม่คนได้แล้วก็มีวิธีคิดที่เปลี่ยนไปแล้วก็การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปมาก ๆ จะบอกว่ากับลูกก็จะใช้หลักการเดียวกัน ก็คือจะไม่คาดหวัง จะไม่บังคับหรือจะไม่ตีกรอบให้เขาเป็นอะไรเลย เขามีความสุขเราก็ดีใจ แล้วก็จะดูแลเลี้ยงเขาในฝั่งเราให้ดีที่สุด แต่วันนึงที่เขาตัดสินใจหรือว่าอยากจะเป็นอะไรอยากทำอะไร เราก็จะปล่อยอิสระเขาในการใช้ชีวิตมาก ๆ แล้วเราก็จะดูอยู่ห่าง ๆ แบบมีรอยยิ้มแล้วก็ภูมิใจในความสุขของเขาค่ะ”

จากคนที่พูดได้ว่าวันหนึ่งวิ่งไล่ตามหาความรัก วิ่งไล่ไขว่คว้าหาความสุข ในหลากหลายรูปแบบผิดถูกไม่รู้ แต่ ณ วันนี้เราผ่านพ้นรูปแบบของการไขว่คว้าหาความรัก ซึ่งเคยเป็นคนติดปาร์ตี้ ติดเพื่อนหนักมาก แล้วหลายคนอาจจะยังเป็นแบบนั้นอยู่ หลายคนอาจจะเป็นเหมือนเราในวันนั้นที่พูดอย่างไรก็ไม่ได้ยิน พูดอย่างไรก็ไม่ฟังทั้ง ๆ ที่มีคนส่งสัญญาณมาที่เราเยอะแยะเลย ลองส่งสัญญาณถึงคนเหล่านั้นในวันนี้อีกสักทีในฐานะที่เคยเป็นคนแบบนั้นมาก่อน? ชมพู่ ก่อนบ่าย : อยากบอกกับทุกคนที่มีความรักอยู่นะคะ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและมีค่ามาก ๆ แต่อยู่ที่สติในการใช้มันของเราด้วยนะคะ ชมพู่เคยเป็นคนหนึ่งที่หลายคนบอก เหตุผลต่าง ๆ นานามันเป็นข้อมูลที่ดีทั้งนั้นแหละค่ะ แต่พอเราเชื่อใจตัวเองเราก็จะไม่รับฟังอะไรรอบข้างเลย แต่ว่าวันนี้อยากให้ทุกคนมีสติมาก ๆ ถามใจตัวเองดูว่าสิ่งที่คุณอยู่ด้วยปัจจุบันสร้างความสุข หรือสร้างความทุกข์มากกว่า บางคนรู้ว่าทุกข์ก็กดดันอยู่แล้วไม่มีความสุขแต่ก็พยายามฝืน พยายามยื้อ พยายามจะรั้งเอาไว้ซึ่งมันไม่มีอะไรดีในบั้นปลายแน่นอนค่ะ ถ้าเกิดว่ารู้ใจตัวเองแล้ว พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แล้วอย่าลืมถ้ารักตัวเองปุ๊บ ก็จะมองเห็นหนทางแห่งความสุขง่ายยิ่งขึ้นค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6439080
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6439080