เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในวงการมานาน สำหรับนักล่าฝันจากเวที อะคาเดมี แฟนเทเชีย หรือ เอเอฟ อย่าง นัททิว-ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม (นัททิว AF5) หลังๆจะเห็นบทบาทการแสดงมากกว่าการจับไมค์ร้องเพลง แถมล่าสุดยังเปิดเพจเกี่ยวกับการดูแลรูปร่าง ที่มีชื่อว่า “Natthew Fit Diary”

เลยต้องอัปเดตชีวิต…เป็นยังไงกับงานในวงการบันเทิง?

ช่วงนี้มีผลงานอะไรให้แฟนๆได้ติดตาม

“ช่วงนี้ คนในวงการบันเทิงหลายๆ คนอาจจะต้องหยุดอยู่กับบ้านไปก่อนเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด แต่ของผมที่กำลังรอออกอากาศต่อคือ กระเช้าสีดา ทางช่องวัน คงต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ก่อน แล้วก็จะกลับไปถ่ายทำกันใหม่ อีกเรื่องที่รอกลับไปถ่าย ทายาทพันธุ์ ข้าวเหนียว ทางช่องวันเหมือนกัน ส่วนละครที่ถ่ายจบไปแล้ว เมื่อหอยทากมีรัก ทางแอป WETV (วีทีวี) และ Remember You ทางช่องทรู และเน็ตฟลิกซ์ แล้วก็กามเทพผิดคิว ทาง PPTV หลักๆจะเป็นงานทางด้านการแสดงมากกว่า แต่อย่างที่บอกพอช่วงนี้มันอยู่ในสถานการณ์โควิด ส่วนมากผมก็จะอยู่บ้าน ดูซีรีส์ ดูการ์ตูน เล่นเกม และที่สำคัญคือผมจะออกกำลังกาย เพราะเราใช้เวลาอยู่บ้านเยอะ ถ้าไม่ได้ออกกำลังกาย เลย หุ่นที่เราสร้างไว้มันจะไม่ต่อเนื่อง กล้ามจะฟีบ สุขภาพจะถดถอย ทุกครั้งที่ผมออกกำลังกายก็จะมีการถ่ายคลิปเพื่อแชร์ให้กับแฟนๆหรือคนที่รักการออกกำลังกายดู ทางอินสตาแกรม @nat_thew แต่ตอนหลังก็จะมีเพจแล้ว ชื่อ “Natthew Fit Diary”

ทำไมอยู่ดีๆถึงอยากทำเพจขึ้นมา

“มาจากปีที่ผ่านมาผมจริงจังกับการออกกำลังกายมาก ใส่ใจการดูแลหุ่น ดูแลรูปร่าง ซึ่งพอเราตั้งใจ มันก็เห็นผล ทุกอย่างมันดีขึ้น ก็เลยมีความคิดที่อยากจะแชร์ให้กับทุกคนได้ดูว่าเราทำอะไรบ้าง แต่ไปๆมาๆ ผมเริ่มจริงจังมากขึ้น ก็เลยจะทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจขึ้น”

เมื่อก่อนนัทไม่ได้มีกล้ามขนาดนี้?

“ใช่ครับ เมื่อก่อนก็ผอมๆ แต่แรงบันดาลใจมันเกิดมาจากผมดูพวกนักแสดง นักร้องเกาหลีนี่แหละ เวลาเขาขึ้นเวทีตอนโชว์แล้วมันมีซิกซ์แพ็ก มันก็ดูดี ดูเท่ แล้วในช่วงนั้นเราก็เป็นนักร้องด้วย ก็เลยมีความคิดว่าถ้าเรามีซิกซ์แพ็กเวลาโชว์บนเวทีก็จะเท่ดี แล้วซิกซ์แพ็กนี่นะ มันมาเริ่มมีตอนที่ผมไปอยู่เกาหลี เพราะมีโปรเจกต์กับเขา พอเราได้ผ่านกระบวนการฝึกการเทรนเนอร์เกาหลี และเขาก็สอนเรื่องการกินมาด้วย มันก็เลยเกิดซิกซ์แพ็ก พอกลับมาไทยผมก็พยายามดูแลให้มันดีขึ้น”

มีแพลนกลับไปทำงานที่เกาหลีอีกไหม?

“ก็อยากนะ แต่สิ่งที่อยากมันจะเปลี่ยนไป ไม่ได้อยากไปเป็นนักร้องสไตล์ไอดอล แต่อยากไปในรูปแบบของการแสดงมากกว่า หรือถ้าเป็นเพลง ก็ปล่อยในลักษณะของเพลงฟัง เป็นซิงเกิลไป ผมมองว่าด้วยอายุแล้วน่าจะเหมาะกับงานทางด้านซีรีส์ หรือรายการที่เป็นโปรเจกต์ระยะสั้นๆ เพราะเมื่อก่อนที่เราไปทำโปรเจกต์ที่โน่น ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีเลย มันรู้เลยว่าการคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร และยิ่งตอนนี้ด้วยอายุที่มากขึ้นเราก็จะรู้แล้วว่าเราอยากใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว มีความสุขกับครอบครัวให้มากที่สุด ฉะนั้นถ้ามีโอกาสที่ดีมาก็คงคว้าไว้ และบริหารจัดการเวลาให้ทุกอย่างมันลงตัวที่สุด”

พูดมาขนาดนี้ เรื่องความรักเป็นอย่างไรบ้าง?

“เรื่อยๆครับ คือโสดไปเรื่อยๆ ผมไม่ค่อยได้เน้นเรื่องความรักเป็นประเด็นหลัก ตอนนี้มุ่งไปที่งานมากกว่า มีความตั้งใจอยากจะมีความมั่นคงในชีวิต ทำให้ตัวเองกับครอบครัวโอเคที่สุด แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะ แต่ก็ไม่มีคนคุย ไม่มีนี่คือไม่มีเลยจริงๆนะ ทำงานเป็นปกติซะส่วนใหญ่ แล้วยิ่งบวกกับช่วงนี้อยู่บ้านตลอด ไม่รู้ว่าจะออกไปเจอใครเลย (หัวเราะ) ถามว่าเหงาไหม เมื่อก่อนก็เหงาบ้าง แต่ตอนนี้มันอยู่คนเดียวจนชิน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องความรักนะ พอเราโตขึ้น มุมมองความรักก็เปลี่ยน มันไม่ใช่ที่จะหาคนคุยที่เพื่อแค่กระชุ่มกระชวยหัวใจแล้ว แต่เราต้องมองคนที่มีทัศนคติไปทิศทางเดียวกับเรา ถ้าอยู่กันแล้วมัวแต่นั่งทะเลาะ หรือมีแต่ปัญหาให้กันและกัน ผมว่าการอยู่เป็นโสดแบบตอนนี้ก็โอเค อย่างที่บอกไม่เคยปิดกั้นตัวเอง แต่ผมมองว่า แต่ละช่วงเวลาของชีวิตเราจะให้ความสำคัญในแต่ละเรื่องมากน้อยต่างกันไป อย่างตอนนี้ผมมองความรักเป็นเรื่องรองไปเลย ครอบครัว และความมั่นคงในชีวิตมันต้องมาก่อนเลยนะในตอนนี้ และอะไรที่ทำแล้วมันสร้างพลังบวกให้กับชีวิต ผมก็จะทำ ไม่อยากไปเครียด เหมือนอย่างเพจ “Natthew Fit Diary” ผมมีความสุขที่ทำ ก็เต็มที่กับมันไปเลย สนใจอยากออกกำลังกายมากดติดตามกันได้ ฝากกดไลก์ กดแชร์กันด้วยนะ ขอบคุณมากๆครับ”.