“อาจจะเพราะว่าผมไม่ค่อยได้เล่นบทที่มันเท่ๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นดราม่า น่าสงสาร ครั้งนี้คนเลยชมว่าเท่ (ยิ้ม) ฟีดแบ็กดี ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีนะ อย่าว่าแต่คนอื่นตกใจเลยว่าผมบู๊ได้ขนาดนี้ผมเองก็ตกใจนะ”

มีบู๊ผิดคิวได้แผลมั้ย?

“ผมโชคดีที่มีทีมงานสตันต์ที่ดีและครูที่ดี อย่างพี่ตั๊ก-นภัสกร เค้าเปรียบเหมือนเป็นพี่เลี้ยงของผมในเรื่องนี้ รู้สึกขอบคุณพี่ตั๊กมากจริงๆ ผมแอบมองวิชาเค้าอยู่ อยากทำให้ได้อย่างเค้า เรื่องนี้ต้องห้ำหั่นกับเค้าได้เจอเค้าบ่อยเค้าก็จะสอนผมเยอะมาก พี่ตั๊กมีพลังทางการแสดงมาก ผมชื่นชมพี่เค้ามาก การได้มาแสดงด้วยกันก็กำไรชีวิตผม ต้องฟิตร่างกายเพราะมีฉากถอดเสื้อด้วย กับนางเอกปูเป้-เกศรินทร์ เค้าน่ารักครับ ตั้งใจ ทำงานมากน้องเค้ายังเด็กแต่รู้สึกเหมือนทำงานกับมืออาชีพ”

ความยากของเรื่องนี้ล่ะ?

“ความยากของเรื่องนี้คือ ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่กว่าเราจะเข้าใจมัน กว่าเราจะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ว่ามีจริง ด้วยความที่ผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ ตอนถ่ายมีซีจีที่เรามองไม่เห็น เราก็ต้องทำความเข้าใจกับบท เรื่องนี้ครบทั้งบู๊ ดราม่า ความรัก”

ประสบการณ์ทำให้เติบโตขึ้น วันนี้หลายคนยกให้เราเป็นพระเอกแถวหน้าของช่องคนหนึ่ง?

“ผมไม่ชินกับคำนี้เลยจริงๆนะ ถามว่าดีใจมั้ย มันก็ดีใจ แต่อีกอารมณ์นึงเหมือนมันก็ไม่กล้ารับคำนี้เพราะก็ไม่คิดว่าจะมาไกลได้ขนาดนี้ กับช่อง 7 ตอนนี้ก็ 7 ปีแล้วครับ”

ล่าสุดมีโอกาสได้ร่วมเล่นละครฟอร์มใหญ่กับ กบ-สุวนันท์ เรื่อง “เพลิงกินรี”?

“ผมก็ได้ยินมาสักพักว่าละครเรื่องนี้จะได้พี่กบมาเล่น แต่ไม่ได้รู้ว่าจะเป็นผมได้เล่นด้วย ก็ดีใจมากที่ได้กลับมาร่วมงานกับดาราวิดีโออีกครั้ง เป็นกองถ่ายที่อบอุ่นมาก เป็นการกลับมาของพี่กบและก็พี่ฟลุค ส่วนพี่หนุ่มผมเคยเจอกันแล้วในเรื่องพรายสังคีต รู้สึกดีใจที่ช่อง 7 ให้ความไว้วางใจ เพราะนักแสดงเหล่านั้นดังระดับตำนาน และถือว่าเป็นละครฟอร์มใหญ่ของช่องเหมือนกัน เรื่องนี้ผมรับบทเป็นหมอจิตเวชที่คอยดูแลพี่กบที่เจอเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจจนทำให้เค้าเป็นบ้า สติไม่ดี ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่ายทำต้องรอให้สถานการณ์ดีกว่านี้”

พอเปิดตัวแล้วกระแสฮือฮาทำให้เรากดดันมั้ย?

“ผมได้อ่านคอมเมนต์ของแฟนๆเหมือนกันนะ เค้าก็ดีใจเพราะหลายคนก็ชื่นชมการแสดงของน้องพระพายและผมด้วย บอกว่าเป็นพระนางสายดราม่า มันก็เหมือนเป็นคำชมนิดๆว่าเค้าไว้วางใจในฝีมือ ผมก็จะตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดครับ”.