เมเปิ้ล ท้า แคทรียา สัมภาษณ์พร้อมกันเลยดีมั้ย ถามต่อ อีก 2 ล้านใครจะรับผิดชอบ


ให้คะแนน


แชร์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมเปิ้ล ท้า แคทรียา / เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ พันธุ์พิพัฒน์ อดีตนางแบบชื่อดัง หลังตกเป็นข่าวร่วมทำธุรกิจสปาและร้านทำเล็บกับ แคทรียา อิงลิช จนในที่สุดธุรกิจต้องปิดตัวลง ท่ามกลางการขาดทุน และข้อครหา พร้อมกับถูกถามหาความชัดเจน

เมเปิ้ล ท้า แคทรียา

ล่าสุด (9 มิ.ย. 64) เมเปิ้ล ได้เปิดเผยกับ ข่าวสดออนไลน์ ว่า “ตอนนี้อยู่ในช่วงระหว่างการตรวจสอบบัญชี ร้านได้ปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปี 64 ข้าวของเครื่องใช้ ทรัพย์สินต่างๆ ก็ได้เอาไปขายให้กับคนนอกแล้ว เพื่อเอาไปเคลียร์หนี้สินทั้งหมด แต่มันก็ยังไม่พอ หนูก็จ่ายเพิ่มไปอีก 2 ล้านกว่าบาท”

“ถามว่าตอนที่จ่ายหนี้ให้กับผู้อื่นได้คุยกับพี่แคทหรือเปล่า คุยค่ะ คือทางพี่แคทได้ออกจากการเป็นกรรมการตั้งแต่ พ.ค.63 ได้มีการเรียกประชุมวิสามัญมาโดยตลอด ตั้งแต่ พ.ค.63 จนถึง มี.ค.64 พี่แคทมาประชุม 2 ครั้ง ครั้งแรกกับครั้งสุดท้าย ระหว่างนั้นไม่ได้มาเลย ทุกครั้งมีการทำหนังสือเชิญ แต่ก็ไม่ได้มา เพื่อที่จะอธิบายว่าเรามีค่าใช้จ่ายใดๆ จะดำเนินการต่อไปแบบไหน ไม่ใช่ว่าหนูไม่อธิบาย มีการทำหนังสือชี้แจง แต่พี่เขาก็ไม่ได้มา”

พอดำเนินการไปแล้ว พี่เขารับรู้ไหม “ครั้งสุดท้ายคือรับรู้ ให้ทนายทำหนังสือชี้แจงไป ย้ำไปกับทนายว่ายังไงก็ต้องให้พี่แคทมาให้ได้ เพื่อที่อยากจะให้มันจบ ก็อย่างที่บอกคือชี้แจงไปแล้วว่ามีค่าใช้จ่ายในช่วงที่พี่แคทยังเป็นกรรมการ คือยังมีรายจ่ายอยู่ก้อนหนึ่ง เยอะอยู่ประมาณ 5 แสนกว่าบาท แต่พี่เขาก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไร ก็เซ็นชื่อออกจากการเป็นกรรมการเลย หนี้สินทั้งหมดก็ตกเป็นภาระของหนู เพราะเราเป็นกรรมการอยู่คนเดียว แต่พี่แคทก็ยังเป็นผู้ถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์อยู่นะคะ”

“แค่ออกจากการเป็นกรรมการ แต่ว่าอำนาจตัดสินใจเป็นของหนูแต่เพียงผู้เดี่ยว เพราะหนูเป็นกรรมการคนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่แจ้ง เป็นกรรมการคนเดียวหนูก็ทำ เอกสารส่งไป แต่พี่เขาไม่ตอบกลับใดๆเลย แค่อยากให้เขามาเคลียร์หนี้สินทั้งหมด แต่ไม่มาเคลียร์ ไม่รับรู้ ไม่รับทราบ ฉันลงทุนอย่างเดียว ไม่รู้รายจ่ายเท่าไรไม่สนใจ”

เมเปิ้ล ท้า แคทรียา

เมื่อต้นเดือน เม.ย.64 เหมือนจะเคลียร์กันแล้ว “เราเคลียร์กัน คือนัดประชุมวิสามัญเมื่อตอนเดือน มี.ค.64 ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอพี่แคทคือเดือน มี.ค.64 ได้ประชุมครั้งสุดท้าย ได้ไถ่ถามไปแล้วว่ายังมีข้อข้องใจอะไรหรือเปล่า มีอะไรที่ยังติดค้างคาใจมั้ย ได้คุยกันเรียบร้อยแล้วก่อนจะมีข่าว เขาก็เข้าใจแล้วรับทราบดี แต่ทำไมถึงเป็นข่าวแบบนี้ก็ไม่รู้ ก็ยังงงๆ”

ได้มีโอกาสคุยกันกับพี่แคทบ้างไหม “ไม่เคยคุยกันเลยตั้งแต่ พ.ค.63 ที่เขาออกไป แต่ก่อนหน้านี้ ก็เคยพยายามไถ่ถามกันมาตลอดว่า ถ้าพี่ทำธุรกิจในร้านนี้ต่อไปไม่ไหว พี่ขายหุ้นมั้ย ขายให้คนนอกมาซื้อมั้ย คือพี่เขามีปัญหาการเงินตั้งแต่เริ่มทำร้านใหม่ เขาจ่ายเงินเป็นทยอยจ่าย ก็คุยกันว่าถ้าพี่แคทมีปัญหาด้านการเงินแบบนี้ หนูต้องมารับภาระออกเงินให้ก่อนแบบนี้ ให้พี่แคทขายหุ้นให้คนอื่นมั้ย ณ ตอนที่ร้านยังไปได้นะ”

เมเปิ้ล ท้า แคทรียา

“ประชุมวิสามัญวันแรกก็ยังถามอยู่ว่าขายหุ้นมั้ยคะ ตอนนี้เศรษฐกิจมันไปไม่ได้ ถ้าพี่ต้องการใช้เงินพี่ขายหุ้นดีกว่า พูดแล้วเสนอเงินให้แล้วด้วยว่า คนที่จะมาซื้อหุ้นเขาขอซื้อ 1 ล้านบาท พี่แคทก็ขอกลับไปคิดก่อน เขาก็มาบอกว่าอยากได้ 2 ล้าน คนซื้อเขาก็ไม่ไหวค่ะ”

เขาจะคิดว่าเขาขาดทุนหรือเปล่า “เรียกว่าขาดทุนก็ไม่ถูกนะ เราลงทุนไปคนละ 4 ล้าน จริงๆอยู่ที่ 3 ล้านกว่าบาท ทั้ง 2 ร้านนะ และมันมีค่าขาดทุนในระยะแรกที่ย้ายมาร้านใหม่ เพราะร้านใหญ่มาก 4 ชั้นครึ่ง พนักงานเยอะ ไม่ใช่ว่ารายรับไม่มี มีเยอะอยู่ แต่รายจ่ายเยอะกว่า รายรับ 2 แสนกว่าบาท แต่รายจ่าย 3 แสนกว่าบาท ก็ขาดทุนกันมาปีนึง ก็ตกคนหนึ่งทุน 4 ล้านกว่าบาท ในตอนที่เขาอยู่นะ”

“ถามว่าทำไมร้านขาดทุนแล้วยังเปิดต่อ เพราะว่าร้านเราเซ็นสัญญากับพนักงานไว้ 2 ปี หนูในฐานะกรรมการก็ลองดู เผื่อมันไปต่อได้โดยที่พนักงานไม่มาฟ้องเรา แต่มันก็ไปไม่ได้จริงๆ ในยุคนี้ ตอนแรกเหมือนจะดีแล้วนะ เสมอตัวแล้วเดือน ก.พ.64 ไม่ขาดทุน แต่พอเข้า มี.ค.64 เจอโควิดเลย ร้านก็ไม่ได้มีบริการเล็บอย่างเดียว มีหลายแผนก ช่วงที่เปิดใหม่มี 5-6 แผนก มีร้านเล็บ สักคิ้ว ต่อขนตา ทำหน้า แว็กซ์ขน นวดแผนไทยด้วย หลายคนอาจสงสัยว่าร้านเล็บทำไมลงทุนเกือบ 10 ล้าน คือมันครบวงจร”

เมเปิ้ล ท้า แคทรียา

ปัญหาตอนนี้ยังติดเรื่องอะไรอีกบ้าง ที่จะต้องเคลียร์กับพี่แคท “ทางหนูไม่ได้ติดอะไรเลยนะคะ เพราะส่งเอกสารไปหมดแล้ว อยู่ที่ทนายพี่แคทตรวจสอบเอกสาร ว่าทางเรามีตุกติกจริงไหม ไม่ชัดเจนหรือเปล่า เอกสารที่ส่งไปก็คือรายรับรายจ่ายทั้งหมด เพราะว่าบริษัทมีบัญชีภายในด้วย ก็เลยทำเอกสารทั้งหมดให้ไปตรวจสอบดู”

ส่งเอกสารไปแล้ว ได้รับการตอบรับยังไงบ้าง “ยังไม่ตอบรับอะไรเลยค่ะ ส่วนที่ถามว่าได้คุยกันไหม ไม่ได้คุยเลยตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว โทรไปก็บ่ายเบี่ยงอะไรหลายอย่าง รับบ้างไม่รับบ้าง ในไลน์ก็มีนะที่หนูทวงเงินเขา ทวงตลอดไม่ใช่เขาทวงหนูนะ ทวงเงินเขาตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจด้วย มีแต่หนูทวงเขาทุกเดือน”

ถามตรงๆเลย ตอนนี้รู้สึกกินใจกันไปแล้วหรือยัง “หนูเสียใจมากกว่า เพราะว่าเราได้คุยกับพี่เขาก่อนทำธุรกิจแล้วว่าไม่อยากเกิดปัญหาแบบนี้นะ ที่พี่พยายามมาตื้ออยากเป็นหุ้นที่ร้าน เคยคุยกับเขาแล้ว พี่เขาก็ยังอยากจะลงทุน แล้วหนูก็แสดงความบริสุทธิ์ใจตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาหุ้นเลย ในไลน์มีทุกรายละเอียดที่ซื้อของ ซื้ออะไรเท่าไหร่มีหมด”

อยากคุยกันตรงๆไหม “เคยคุยกันเมื่อวันประชุมวิสามัญ พี่เขาก็เหมือนจะเข้าใจ กลับไปก็ไม่เข้าใจเหมือนเดิม หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาติดใจอะไร”

ยังไม่มีการฟ้องร้องกันใช่ไหม /“ไม่ได้ฟ้องค่ะ หนูก็รอดูอยู่เหมือนกัน หนูก็งง ตกใจว่าหลายๆสำนักพาดหัวว่า หนูโกง เขาเอาอะไรมาตัดสินว่าหนูโกงจริงๆหรอ เขาตัดสินหนูจากการที่ฟังพี่เขาพูดฝ่ายเดียวว่าหนูโกง เขายังไม่มีหลักฐานว่าหนูโกงเลย แล้วมาตัดสินแบบนี้ ประชาชนทุกคนคิดไปแล้วว่าหนูโกง ทำให้หนูเสื่อมเสียชื่อเสียง”

แล้วในมุมของเรากำลังรู้สึกว่าเราโดนโกงไหม “หนูเรียกว่า โดนเอาเปรียบดีกว่า คือภาระทุกอย่างมาอยู่กับหนูทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่พี่แคทเข้ามาจนถึงวันนี้ คือหนูเป็นคนออกเงินจ่ายไปให้ก่อนด้วยซ้ำ พี่แคททยอยจ่ายหนูทีละ 5 หมื่น 1 แสน ไม่มีใครเขาทำธุรกิจแล้วโอนแบบนี้ ถ้าเปิดเผยไลน์ได้ อยากจะเปิดให้ดูเลยด้วยซ้ำ ถ้าคนทำธุรกิจจะเข้าใจว่าอยากหุ้นด้วย แต่ทยอยจ่ายเงินให้ อย่างนี้ไม่ได้แล้วเราจะดำเนินธุรกิจยังไง แต่พอร้านขาดทุนจะเอาเงิน 4 ล้านคืน แต่รายจ่ายไม่จ่าย แบบนี้มันคืออะไร”

“ตอนนี้ก็ไม่ได้ทวงนะ แค่ชี้แจงว่า พี่แคทลงทุน 4 ล้าน หนูก็ลงไป 4 ล้านเหมือนกัน แต่ส่วนที่ขาดทุนหลังจากที่พี่แคทออกไปแต่ยังเป็นหุ้นอยู่หนูก็จ่ายเพิ่มไป 2 ล้านกว่าบาท ทำไมพี่เขาไม่ร่วมรับผิดชอบกับหนู ทำไมถึงออกมาพูดว่าต้องการเงิน 4 ล้านคืน งั้นหนูก็ต้องการเงิน 4 ล้านของหนูคืนเหมือนกัน พร้อมกับ 2 ล้านที่จ่ายเพิ่มไปด้วย ทำไมข่าวไม่ออกไปบ้างว่าเงิน 2 ล้าน ของเมเปิ้ล ใครจะรับผิดชอบ หนูไม่ได้ออกไปโจมตี แต่พอมีคนโทรมาสัมภาษณ์ก็บอกไปตามความเป็นจริง ก็แค่นั้นเอง ปัญหาก็อยู่ที่ว่า เงิน 2 ล้าน ทำไมพี่เขาไม่ร่วมรับผิดชอบ ทำไมถามหาแต่เงินตัวเอง ตอนลงทุนอยากลงทุน แต่พอร้านเกิดปัญหาจะตัดเลย”

“เอาจริงๆ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมออกมาให้ข่าวแบบนี้ พี่เขาบอกว่า “พี่ไม่ได้ว่าเขาโกงนะ แต่พี่อยากได้ความชัดเจน” หนูไม่ชัดเจนตรงไหน รายละเอียดในการทำธุรกรรม ในการซื้อของพี่แคทก็เซ็นเองด้วยซ้ำ ตกแตงก็เป็นคนของพี่เขาด้วยซ้ำ ยอดเยอะๆ 3 ล้าน หนูยังไม่อะไรเลย มันทำให้หนูเสียใจ ว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ออกมาให้ข่าวแบบนี้ก็ต้องออกมาพูดจบให้หนูด้วย หรือไม่ถ้าเกิดไม่สบายใจ สัมภาษณ์คู่เลยก็ได้ นั่งสัมภาษณ์พร้อมกันเลยจะได้จบ

“ออกมาพูดเลยสังคมจะได้รู้ว่าใครพูดยังไง ใครมีเนื้อความที่เยอะน้อยยังไง จะได้เข้าใจว่าเราไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆ ทนายก็เอาเอกสารอันไหนที่เอาออกมาได้ก็เอาออกมา ชัดเจนขนาดนี้เลย หนูบอกเขาขนาดนี่เลยนะ ถ้าพี่ไม่สบายใจ ออกข่าวคู่กันเลยก็ได้นะ และอยากให้คนที่เสพข่าวใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวด้วย อยากให้ฟังความสองด้านด้วยค่ะ”

ขอบคุณรูปจากไอจี maples_s และ katreeya_e

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6444458
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6444458