ธัญญ่า อาร์สยาม จากคู่จิ้น เบิ้ล มารักกับ อ๊อฟ เคยทะเลาะกันเพราะ เนเงิน


ให้คะแนน


แชร์

เส้นทางสู่นักร้อง

เราถามธัญญ่าถึงเส้นทางสู่การเป็นนักร้องลูกทุ่งของเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง นักร้องนักแสดงสาวเล่าให้ฟังว่า ชอบประกวดมาตลอด เริ่มประกวดเดินสายตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ ร้องเพลงอยู่กับแม่ แม่เป็นหมอลำซิ่งในภาคอีสาน ก็ขึ้นเวทีกับแม่ กลางคืนขึ้นไปร้อง 2-3 เพลงตลอด “แม่บอกว่าตั้งแต่หัดพูด เวลาแม่ซ้อมร้องเพลง หนูชอบไปแย่งไมค์แม่ตลอด ร้องไม่เป็นก็จะร้อง ตอนอายุ 3 ขวบ แม่ก็พาไปประกวดหนูน้อยโน่นนี่ คือเหมือนชอบตั้งแต่เด็กๆ จำความได้ก็ร้องเพลงแล้ว” ธัญญ่าเผยต่อว่า พอโตขึ้น เริ่มประกวดจริงจังก็ตอนอายุ 15-18 ปี เดินสายประกวดตามเวทีใหญ่ๆ ของจังหวัด รวมถึงรายการทีวี

เมื่อถามว่านอกจากความชอบเรื่องการร้องเพลงแล้ว มีอย่างอื่นที่ชอบอีกมั้ย ธัญญ่าบอกว่า “ไม่ค่ะ หนูพุ่งเป้ามาทางนี้เลย หนูไม่มีความฝันอย่างอื่นนอกจากอันนี้เลยอะ คือหนูต้องเป็นนักร้องให้ได้ ไม่นักร้องก็เป็นดารา เพราะตอนเด็กๆ หนูเป็นเด็กมโน ชอบส่องกระจกแล้วร้องไห้ ซ้อมเล่นละครคนเดียวเหมือนคนบ้า บางทีแม่เปิดประตูเข้ามาถามว่าเป็นอะไร ก็เลยบอกว่าหนูซ้อมเล่นละครคนเดียว (หัวเราะ)

พอมีผู้ใหญ่จับมาเล่นเอ็มวี “บ่ฝืนฟ้าลิขิต” ของทัศพร ทองจันทร์ ตอนนั้นอายุ 16 ปี ยังไม่เป็นนักร้องเลย ยังขี้เหร่อยู่เลยพี่ ยังอ้วนๆ ดำๆ อยู่เลย (ยิ้ม) เขางงกันหมดเลยว่าทำไมหนูเล่นได้ ทั้งที่หนูไม่เคยเล่น สายตาคือได้หมดเลย หนูเลยบอกว่าหนูซ้อมกับตัวเองมาหลายปีแล้ว (หัวเราะ) คือสุดท้ายแล้วจิตใต้สำนึกเราคิดแบบนี้ตลอด มันเลยทำให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะทำให้ได้เท่านั้นค่ะ มันก็เลยสำเร็จ”

จากนั้นธัญญ่าเล่าถึงการประกวดเวที “ลูกทุ่งเฟสติวัล” ของค่ายอาร์สยาม โดยบอกว่า “ตอนนั้นอายุ 17 จะ 18 ปีค่ะ หนูมาสมัครตั้งแต่ปี 2 มั้ง แล้ววันที่ประกวด เขายกเลิกการประกวดพอดี แล้วหนูมากรุงเทพฯ ฟรี ไม่ได้ประกวด พอกลับมาประกวดปี 3 หนูประกวดก็ชนะวันแรก เขาจะเอาคนที่ชนะวันแรกกับวันที่ 2 มาแข่งกันเอาแชมป์ชนแชมป์ หนูก็ตื่นเต้นมากเพราะว่าพี่คนนั้นเขาเสียงดี ตอนแรกไม่มั่นใจเพราะว่าร้องเพลงช้า แล้วเสียงหนูถ้าร้องเพลงช้าเหมือนสู้พี่คนนั้นไม่ได้ หนูก็เลยพลิกเกม มีฟ้อนรำด้วย ทีนี้ภาพรวมมันได้ หนูก็เลยได้ เอาจริงๆ ก็เฉียดฉิวเหมือนกันค่ะ แต่กรรมการมองภาพรวมการเป็นศิลปินว่าใครชัดกว่ากัน ก็เลยชนะค่ะ”

เมื่อกลายเป็นคู่จิ้นเบิ้ล ปทุมราช

หลังจากได้เป็นนักร้องสมความตั้งใจ เพราะได้รับโอกาสที่ดีจากค่ายอาร์สยาม ธัญญ่าบอกว่า รู้สึกตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะเล่าว่าซิงเกิลแรกที่ทำยังเป็นออดิโอ ไม่ได้ทำเอ็มวี เหมือนเขาทำออกมาก่อน พอเซ็นสัญญาไป 7-8 เดือน เบิ้ล ปทุมราช เข้ามาทีหลัง มีเพลง “อ้ายมีเหตุผล” แล้วเขาหาคนเล่นเอ็มวีที่เป็นเด็กอีสานรุ่นเดียวกัน คาแรกเตอร์คล้ายๆ กัน ซึ่งมีแค่ธัญญ่าที่เป็นเด็กอีสานที่อายุประมาณนั้นในตอนนั้น ก็เลยให้ไปเล่นเอ็มวีเพลงนั้น

“ตอนแรกคนไม่รู้ว่าหนูร้องเพลงเป็น ทีนี้พอเล่นเอ็มวีอ้ายมีเหตุผลแล้ว พี่เบิ้ลก็แต่งเพลงให้เพลงนึง ชื่อเพลง “ใจกังวล” แล้วมาดีดกีตาร์ร้องเพลงลงคลิปกัน คลิปนั้นคนแชร์เป็นหมื่นเลยในตอนนั้น ทำให้กระแสคู่จิ้นมาแรงมาก หนูก็เลยได้ร้องเพลงแก้ของเพลงอ้ายมีเหตุผล แล้วทำซีรีส์ต่อกันมา 6 เพลง ก็เลยเป็นกระแสต่อเนื่องมาค่ะ หลังจากนั้นก็ได้เล่นหนังเล่นละคร มันก็เลยต่อยอดมาเรื่อยๆ”

ธัญญ่าบอกว่าตอนถูกจับเป็นคู่จิ้นกับเบิ้ลรู้สึกสนุกดี มองว่าเป็นความสุขของแฟนคลับ เขาแค่เห็นว่าอยู่ด้วยกันก็มีความสุข แล้วทั้งตัวเองกับเบิ้ลไม่ได้แสดงแค่ตอนอยู่บนเวที แต่ทุกอย่างมีความเป็นธรรมชาติหมด “เอาจริงๆ การแสดงก็มาจากความเป็นธรรมชาติของพวกหนูนั่นแหละ เวลาร้องเพลงอยู่บนเวทีมันตีความหมายตามเพลง แต่พอลงมาข้างล่าง คนเห็นเราเล่นกันหยอกกันด้วยความธรรมชาติ เขาก็อินจิ้นกัน เรารู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งความสุขของเขา ก็เป็นคู่จิ้นนักร้องอีสานลูกทุ่งคู่แรกในเวลานั้นเลย”

ถามว่ารู้สึกยังไงที่ถูกจับตามอง เวลาเบิ้ลมีข่าวกับสาวคนไหนก็ถูกโยงถึงธัญญ่าตลอด ธัญญ่าเผยว่า แรกๆ ไม่ชิน แต่ตอนหลังเริ่มชินแล้ว เป็นเรื่องปกติ “พอเขาเปิดตัวแฟน คนก็จะมาโฟกัสที่หนูว่าเอ๊ะ ธัญญ่าเสียใจรึเปล่า หนูจะบอกทุกคนตลอดว่าหนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ (หัวเราะ) เป็นพี่น้องกัน เอาจริงๆ ตอนแรกคนร้องไห้ คือคนอินจัด คิดว่าพี่เบิ้ลทิ้งหนู มีร้องไห้ดราม่า แต่ตอนหลังๆ ทุกคนเริ่มเข้าใจและยอมรับ เพราะพวกหนูก็โตขึ้นตามวัยค่ะ แฟนคลับที่ยังอยู่ตอนนี้เขายอมรับในตัวตนของเราจริงๆ ว่าเราโตแล้ว ยอมรับในสิ่งที่เราตัดสินใจ”

กับคำถามว่ารู้สึกนิดนึงมั้ยที่คนสนใจความเป็นคู่จิ้นมากกว่าเพลงที่ร้องซะอีก ธัญญ่าตอบว่า “มีบ้างค่ะ แต่เข้าใจเขามากกว่า เอาจริงๆ เชื่อมั้ยคะว่าตอนนี้ไปไหนมาไหนคนรู้จักหน้าเรา แต่ไม่รู้ว่าร้องเพลงอะไร คือเพลงมันไม่ได้ติดจนทำให้คนรู้จักเพลง แต่คนรู้จักตัวเรา คือเรามาจากคู่จิ้นพี่เบิ้ลจริงๆ หนูก็ต้องขอบคุณคนที่จิ้น คนที่รักเรา ไม่ว่าจะรักในทางไหน สุดท้ายคือความรักค่ะ”

แม้ธัญญ่าบอกว่าคนรู้จักเพราะเป็นคู่จิ้นของเบิ้ล แต่ในส่วนงานเพลงก็ยังมีเพลง “ปล่อยไปตายโลด” ที่ได้รับกระแสตอบรับดี ซึ่งธัญญ่าบอกว่า “หนูชอบเพลง “ปล่อยไปตายโลด” ที่สุด เพราะมิวสิกวิดีโอสวยมาก ถ่ายที่ทะเล อันนั้นก็ทุ่มเทถ่ายมาก ดำไป 3-4 เดือนเลย ยอดวิวค่อนข้างดีเลยค่ะ ที่สำคัญคือวงหมอลำเอาไปเล่นเกือบทุกวง ตามผับก็เล่น เลยรู้สึกว่าเพลงนี้ประสบความสำเร็จในชีวิตการเป็นนักร้อง คือเพลงอื่นคนรู้จักบ้างก็จริง แต่มาจากคำว่าคู่จิ้น แต่เพลงนี้เป็นเพลงเดี่ยวของหนูเลย ไม่ได้มีซีรีส์ต่อจากนั้น เป็นเพลงเดี่ยวเพลงเร็วเพลงแรกในชีวิตด้วย”

ชีวิตที่เปลี่ยนไป

นอกจากการเป็นนักร้องแล้ว ธัญญ่ายังได้รับโอกาสการเป็นนักแสดง ธัญญ่าบอกว่า “ก็ได้เล่นละคร เล่นหนัง อย่างเรื่องล่าสุดที่ยังไม่ได้ปล่อยสักทีคือ “Love เลยร้อยเอ็ด” ที่เล่นคู่กับพี่หม่ำ เป็นนางเอกเต็มตัวค่ะ แต่เลื่อนฉาย 2 รอบแล้วเพราะโควิด ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสร้องเพลง เล่นละคร เล่นหนัง เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับค่ะ”

ถามว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงแค่ไหน ธัญญ่าบอกว่า พอเริ่มโตขึ้น เริ่มมีอะไรใหม่ๆ มาให้ทำมากขึ้น ชีวิตการเป็นดารานักร้องก็ต้องระวังตัวเองมากขึ้น จะทำอะไรแต่ละอย่างต้องแสดงมุมดีๆ ให้คนเห็น “ถึงแม้เราจะเศร้า แต่เราก็ต้องแสดงมุมที่สดใสออกไป เราจะได้เป็นตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์ตอนอยู่บ้าน ได้มิตรภาพใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รู้จักคนเยอะขึ้น รู้ว่าวงการนี้น่าอยู่นะ เพราะเรามีพี่ๆ ที่จริงใจ คือศิลปินดาราส่วนมากจริงใจค่ะ หรือหนูมองโลกในแง่ดีก็ไม่รู้นะ แต่หนูจริงใจกับทุกคนค่ะ

ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ ธัญญ่าบอกว่าดีขึ้นมากๆ จากวันแรกที่ไม่ได้มีเงินมากมาย วันนี้มีบ้านมีรถเป็นชื่อตัวเอง “ตอนแรกๆ ที่เข้ามาอาร์เอส 2-3 ปีแรกหนูอยู่ห้องเช่า เพิ่งได้มีบ้านของตัวเองเมื่อปีที่แล้วนี่เอง หนูสู้มาตลอด วันที่ไปประกวดลูกทุ่งเฟสติวัลของอาร์สยาม วันนั้นแม่หายืมเงินมาเป็นค่ารถกับค่าโรงแรมให้ค่ะ คือเริ่มจากศูนย์กันจริงๆ ค่ะ ตอนเด็กๆ หนูทำมาหมดนะคะ ขายกล้วยทอด ผลไม้ ขายกับข้าวอยู่ตามตลาดนัด ขายเกี๊ยวทอด ลูกชิ้นทอด หนูทำมาเยอะมากกับแม่ในวัยเด็ก ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่ามันคือชีวิตแหละ ไม่ได้คิดว่าลำบากด้วย ถามว่าลำบากมั้ย มันก็เป็นการทำอาชีพ กลับมาจากเรียนก็ช่วยแม่เป็นปกติ

เราคิดเสมอว่าวันนึงจะต้องทำให้แม่เราสบายให้ได้ และอาชีพที่หาเงินง่ายที่สุดก็คิดว่าอาชีพนักร้อง ศิลปินดารา เลยพุ่งมาทางนี้อย่างเดียวเลยค่ะ ถามว่ามองย้อนกลับไปวันนี้ภูมิใจมากน้อยแค่ไหน ภูมิใจมากค่ะ ไม่คิดว่าเราจะมาได้ขนาดนี้ ไปไหนมาไหนมีคนขอถ่ายรูป มีคนรู้จัก ก็คิดว่านี่เราดังแล้วเหรอ ทำไมเขาจำเราได้ บางทีไม่แต่งหน้าแต่เขายังจำได้ ก็ดีใจที่เขาจำความเป็นตัวเราได้จริงๆ ค่ะ ก็มีบ้างที่เข้ามาทักว่าชอบเพลงเรา แต่พักหลังจะมีคนทักว่าได้ดูเราเล่นหนังเรื่องนี้มากกว่า (หัวเราะ)

เหมือนเรื่องการแสดงจะมามากกว่าการร้องเพลง ถามว่ารู้สึกยังไง พี่ก้อง ห้วยไร่ กับพี่เบล ขนิษฐา บอกตลอดว่าไม่ต้องเสียใจนะที่ทำเพลงแล้วไม่มา เขามองว่าหนูมาทางการแสดงมากกว่า พี่ๆ ศิลปินหลายคนบอกว่ามาทางการแสดง แต่จะให้หนูเป็นนักร้องหรือนักแสดงก็ได้หมดนะคะ เพราะเวลาไปเล่นละคร ออกอีเวนต์ ก็ได้ร้องเพลงอยู่ดี มันได้ใช้ความสามารถของเราทั้งหมดอยู่แล้ว หนูเลยไม่ติดว่าจะให้เป็นดาราหรือนักร้องค่ะ”

รักครั้งนี้กับอ๊อฟ ศุภณัฐ

จากนั้นเราถามถึงชีวิตส่วนตัวอย่างเรื่องความรักกับนักร้องนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ อ๊อฟ ศุภณัฐ ถึงที่มาที่ไปว่าเป็นยังไง ธัญญ่าเล่าว่า “เราเล่นละครด้วยกัน คือเรื่อง “เทพธิดาขนนก” ทางช่อง 8 ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร รู้สึกเฉยๆ กันทั้งคู่ ตอนนั้นคิดว่าทำไมเขาเอาคนแก่มาเล่นคู่กับเรา คือด้วยอายุมันห่างกันเยอะ เราก็รู้สึกว่าเขาแก่ไปรึเปล่า ตอนนั้นหนู 21-22 แล้วเขาอายุ 30 กว่าแล้วค่ะ ก็รู้สึกว่าทำไมวัยต่างกัน จะเล่นด้วยกันได้เหรอ ก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แล้ว 5-6 เดือนหลังจากนั้น คือถ่ายละครจะเสร็จแล้วค่ะ เขาถึงจะมาออกอาการว่าชอบ

คือเขามาแบบเนียนๆ น่ะค่ะ คุยเรื่องงานว่าจะทำเพลง ถามว่าหนูมีคอนแทคมั้ย มาแบบปกติ พอคุยไปเรื่อยๆ ก็ทักหาหนูทุกวัน ก็สงสัยว่าเขาจีบหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้มีอาการว่าจะจีบไง แต่หาเรื่องทักมาทุกวัน เราก็เลยไม่ได้คิดอะไรเยอะ จนเขาไปพูดกับสื่อว่าเขาชอบเรา เราก็เลยตกใจ แต่มันก็เหมือนมีกลิ่นว่าจะจีบหรือเปล่า แต่พอเขาพูดมันก็ตรงกับที่เราคิดไว้ ตอนนั้นก็เปิดใจนิดนึง เพราะคุยมาสักพักแต่ไม่ได้ปักใจว่าเขาจะจริงจังอะไร คิดว่าแค่ทำความรู้จักกันไปมากกว่า

แต่ที่เปิดใจมากขึ้นจนคบกัน เพราะเขากล้าเข้าหาแม่เรามากๆ ซื้อของมาให้ต่อหน้าแม่ ทำให้ทุกคนรอบข้างเห็นว่าเขาจริงใจ กล้าพูดกล้าแสดงให้เราเห็น ตอนแรกแม่ห้ามนะคะ แม่บอกว่าไม่อยากให้คุยกับดารา เพราะคิดว่าเขาจะเจ้าชู้ แม่ไม่ค่อยชอบแบบนี้ ไม่อยากให้คุยแต่ไม่ได้กีดกันบังคับ แต่แค่กลัวโดนหลอก หนูก็บอกว่าดูไปก่อน พอหลังๆ เขาพิสูจน์ให้แม่เห็นเองค่ะ และที่ประทับใจคือเขาเอาใจใส่ ด้วยความที่เขาโตแล้ว เขาแสดงความเป็นผู้ใหญ่ให้เรา คอยซัพพอร์ต ให้คำปรึกษา หนูก็รู้สึกอบอุ่น เพราะเป็นคนไม่มีพ่อ รู้สึกว่าอยากให้เขาเป็นทุกอย่างให้เราค่ะ

ตอนนี้คบมา 2 ปีแล้วค่ะ เอาจริงๆ ที่คบกันมา หนูรู้สึกว่าเขาคือคนที่อยู่ข้างๆ หนูตลอด ในช่วงโควิดที่หนูแย่ๆ เขาซัพพอร์ตในเรื่องค่าใช้จ่าย เหมือนเป็นธนาคารกู้ยืมค่ะ ถ้าหมุนไม่ทันก็ยืมเขา เขาดูแลหนูในทุกๆ อย่างเลยค่ะ และเขาไม่เคยทิ้งหนูไปไหน ในวันที่หนูลำบาก หนูก็กลัวว่าถ้าเขารู้ว่าเราลำบาก เขาจะรังเกียจเรามั้ย จนเขาพิสูจน์ให้หนูเห็นว่าเขาอยู่ข้างหนูในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ให้คำปรึกษา เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด เพราะเขาแสดงให้หนูเห็นว่าเขาห่วงและรักหนูค่ะ บ้านหนูวุ่นวายหนักๆ หนูก็เกรงใจที่เขาต้องมารับรู้เรื่องตรงนี้ แต่เขาก็ยังอยู่ มันเป็นความซึ้งใจมากๆ ที่เขายังอยู่ ทั้งที่มันวุ่นวายขนาดนี้ค่ะ”

ปัญหารักที่ต้องเจอ

ความรักที่เหมือนเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ทิ้งกัน คอยดูแลกันแม้ในวันที่ลำบาก แต่แล้วก็มีดราม่า เมื่อธัญญ่าตกเป็นข่าวกับ เนเงิน เจตริน ศรีสังข์ อดีตแฟนหนุ่มของนักร้องลูกทุ่งสาวใต้ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ซึ่งธัญญ่าบอกว่าแม้จะตกเป็นข่าวร้อน แต่อ๊อฟก็เชื่อใจ “เขาเชื่อใจหนูมากนะคะ หนูก็เชื่อใจเขามาก พอมีข่าวแล้วเราเชื่อใจกัน มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่จนทะเลาะกันหนัก หนูเองก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่าพี่เนเงินมาในคืนนั้น แต่ว่าพอบอกเขาก็เข้าใจ เพื่อนๆ หนูก็บอกว่าไม่มีอะไร เขาเชื่อใจเรา สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ ไม่ได้ทะเลาะรุนแรงอะไรเลย

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีเรื่องตรงนี้ ทำให้เรารู้ว่าเขาหวงเรา เขาไม่เคยหวงหนูเลยนะ แต่ครั้งนี้เขาแสดงอาการมาก วันนั้นเขาก็โพสต์ด้วยอารมณ์หวงด้วย น้อยใจด้วย เพราะว่าเราไม่ได้บอกด้วย ถามว่าเหตุการณ์นี้สอนอะไรบ้าง หนูได้เห็นความไว้ใจที่พี่เขาไว้ใจหนู มันก็ทำให้หนูรู้ว่าเขารักเรา ไม่เคยคิดว่าจะทำให้เขาเสียใจ ยิ่งเห็นเหตุการณ์ครั้งนี้แล้วเขามีเหตุผลกับเรา หนูเลยยิ่งไม่อยากทำให้เขาเสียใจเลย

ถามว่าเขามีเหตุการณ์ที่ทำให้เราระแวงสงสัยเขาบ้างมั้ย หนูเป็นคนขี้หึงอยู่แล้ว แต่ว่าหลังๆ มา หนูรู้ว่าเขาไม่ได้มีอะไรเลยค่ะ เขาไม่นอกใจ เป็นคนที่อยู่กับแม่ ไม่ก็มาหาหนู มีอยู่แค่นี้เลย เขาไม่ได้ไปเจอใคร แต่ช่วงที่โควิดยังไม่มา เขามีถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้ มีแซวกัน มันก็มีบ้างตามสไตล์ผู้หญิง แต่ไม่ได้ถึงขั้นจะต้องงี่เง่าจนดูไม่น่ารักค่ะ”

ด้วยอายุที่ห่างกันหลายปี ธัญญ่ายอมรับว่ามีปัญหาช่องว่างระหว่างวัยบ้าง “มันมีอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าความคิดต่างกัน เขาจะคิดบวกมากๆ แต่หนูจะเป็นคนระวังตัวเยอะ อะไรที่อาจไม่ดี หนูจะคิดในด้านไม่ดีก่อน แต่เขาจะมองว่าอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ มันก็เลยมีความคิดที่ตีกัน เวลาคุยกันแล้วหนูงอน เขาไม่รู้ว่าหนูงอนก็มี มันก็เลยทำให้เราโกรธหนักกว่าเดิม ก็มีบ้างค่ะในช่วงอายุต่างกัน แต่พอหลังๆ เริ่มทำความเข้าใจ ทำความรู้จักกันมากขึ้น มันเริ่มรู้นิสัยกันค่ะ เขาเริ่มรู้ว่าหนูต้องการแค่นี้เอง แค่พูดคำนี้ออกมาก็คือจบ ก็จูนเข้าหากันได้ค่ะ ตอนนี้คือกำลังดี เป็นช่วงที่เริ่มรู้จักกันมากๆ แล้วค่ะ เริ่มยอมรับซึ่งกันและกัน

กับคำถามว่าอ๊อฟเป็นคนที่ทำให้ธัญญ่าสามารถมองอนาคตร่วมกันต่อไปยาวๆ หรือไม่ ธัญญ่าบอกว่า “มันก็รู้สึกแบบนั้นนะคะ เพราะตอนนี้ไม่ได้มีใครหรือรู้สึกว่าจะต้องไปค้นหาใครแล้ว ตอนนี้มันมีความสุขที่ได้คุยกัน อยู่ด้วยกัน มันแฮปปี้แล้ว อนาคตเราก็คุยกันคร่าวๆ ค่ะ ประมาณ 3-4 ปี เขาก็พูดตลอดว่าให้หนูลงตัวกว่านี้ ทั้งเรื่องบ้านเรื่องรถ หมดภาระหน้าที่ตรงนี้ก่อน แล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้ ก็มีคิดเรื่องแต่งงานคร่าวๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นแบบเป๊ะๆ ค่ะ”

ภูมิใจผลงานล่าสุด

ธัญญ่าเล่าถึงผลงานเพลงล่าสุด “ล้านอสงไขยกับหนึ่งหัวใจที่รอคอย” ไว้ว่า เป็นโปรเจกต์พิเศษมากๆ พร้อมทั้งเล่าถึงที่มาที่ไปของเพลง รวมถึงมิวสิกวิดีโอที่มีความอลังการ มียอดวิว 3 ล้านวิวกว่าๆ ถือว่าแฟนเพลงให้การตอบรับอย่างดี “เป็นโปรเจกต์พิเศษ คือหนูเป็นสายมู นับถือองค์พญานาคอยู่แล้ว แล้วทีนี้มันเกี่ยวกับความเชื่อ หนูไปสถานที่แห่งนึงชื่อคุ้มนะหน้าทอง ท่านก็เป็นสายพญานาค ท่านได้เพลงมาเพลงนึงแล้วท่านชอบมาก ก็หาคนร้อง หนูฟังแล้วก็ชอบเหมือนกัน ก็โอเค เขาก็เลยให้หนูมาร้อง เลยทำเพลงที่แบบว่าถ้าใครนึกถึงเพลงพญานาคจะนึกถึงเพลงนี้ค่ะ เลยอยากทำให้ดีที่สุด

ในส่วนมิวสิกวิดีโอ พอผลงานออกมา ทั้งซีจีทั้งภาพมีแต่คนบอกว่าเหมือนหนังเลย ได้รับคำชมมาเต็มเปี่ยม ดีใจมากค่ะ ไปเปิดดูยูทูบดูได้เลยว่าถ้ำนาคาขึ้นยากขนาดไหน ทุกคนแบกของขึ้นไปมันค่อนข้างลำบากมาก ทีมงานทุกคนบอกหมดเลยว่าตั้งแต่ทำงานมา อันนี้ลำบากที่สุดแล้ว ตอนแรกหนูกังวลมากว่าเขาจะขึ้นถึงรึเปล่า พอขึ้นไปแล้วภาพสวย คอมเมนต์ดี ทุกคนก็หายเหนื่อย อยากให้ทุกคนเข้าไปดูความอลังการของเพลงนี้ ทั้งซีจี เสื้อผ้าหน้าผม โลเกชั่น แสงภาพมันเหมือนหนัง หนูชอบมาก เป็นอีกหนึ่งเอ็มวีที่ภูมิใจมากๆ ใช้งบเยอะมาก 500,000 บาทได้ค่ะ เพราะซีจีแพงมาก แล้วถ่ายทำ 2 วันข้ามจังหวัด ถ่ายที่ จ.บึงกาฬ มีค่าคิว ค่าทีมงาน ราคาสูงหน่อย”

ส่วนการเลือก นก พงศกร แสนปากดี พระเอกหมอลำ หัวหน้าวงหมอลำนามวิหค มาเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอ ธัญญ่าบอกว่า “คือเขาก็เป็นสายพญานาคเหมือนกัน เขาก็เชื่อและศรัทธาปู่พญานาคมาก ตอนแรกหนูว่าจะเลือกพระเอก 3 คน แต่อยู่ดีๆ หนูนึกถึงพี่นกได้ ก็เลยไม่ได้เลือกคนอื่นเลยค่ะ แล้วเขาแต่งเหมือนมาก มีแต่คนชอบ บอกพระเอกหล่อมากค่ะ”

นอกจากนี้ ธัญญ่ายังเล่าถึงเรื่องความเชื่อบางอย่าง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ต้องใช้วิจารณญาณ โดยบอกว่า “คือตั้งแต่เอาเพลงนี้มาปุ๊บ แล้วหนูฝันเลยว่ามีผู้ชายผิวสีเข้มมานอนอยู่บนเตียง มานอนกอดหนู แล้วมันเหมือนเห็นภาพตัวเองเป็นงูมารัดไว้อยู่ แต่ไม่ได้มีความรู้สึกอึดอัดอะไร หนูเลยอินกับเพลงที่ร้องมาก พอฟังแล้วจะร้องไห้ เหมือนมีใครสักคนรอเราอยู่ มันเป็นเรื่องความเชื่อและความรู้สึกค่ะ เราอาจคิดไปเองก็ได้ แต่ส่วนตัวหนูเชื่อตรงนี้มาก ที่บ้านก็บูชาปู่พญานาค คือทำเพลงนี้ถวายปู่เลย ก่อนที่เราจะถ่ายทำ เรารำบวงสรวงปู่พญานาคเลยค่ะ ที่เคยเป็นข่าวว่าเหมือนเป็นพญานาคขึ้นบนท้องฟ้า คือเรารำบวงสรวงเพลงนี้ค่ะ”

ปิดท้ายการสนทนา ธัญญ่าเผยถึงธุรกิจส่วนตัวว่าตอนนี้กำลังทำธุรกิจสกินแคร์ ซึ่งตอนนี้ทำระบบตัวแทน เปิดมาได้ไม่นานยอดเข้ามา 6 หลักแล้ว รู้สึกแฮปปี้กับสิ่งที่ได้มา พร้อมทั้งบอกว่าที่ทำเพราะรู้สึกว่าการชิลๆ ไปวันๆ ทำให้รู้สึกเบื่อ และโควิดทำให้ไม่มีงานร้องเพลง ทำให้อยู่ไม่ได้แล้ว เลยต้องหาอะไรทำ เป็นอาชีพที่อยากทำไปยาวๆ เพราะธุรกิจออนไลน์ยังอยู่ได้ และเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนอื่นด้วย พร้อมทั้งบอกว่าตอนนี้มุ่งมั่นกับการลงคอร์สเรียนเพื่อทำธุรกิจ จากที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะทำมาก่อน เป็นอีกเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ แต่งานเพลงและงานแสดงยังคงทำต่อไปเหมือนเดิม.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : RSiam Music, อินสตาแกรม @aof_kraroknoi
กราฟิก : Varanya Phae-araya

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2109167
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2109167