บุ๋ม เปิดใจหลังเปิดโปงพฤติกรรมครู ความถูกต้องมาก่อน แต่ก็ห่วงลูก


ให้คะแนน


แชร์

จริงๆ แม้ว่าการโพสต์จะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม แต่คำว่าส่วนตัวในโลกโซเชียลมันไม่มีจริง ถ้ามากกว่า 1 คนในโลกโซเชียลก็ไม่มีคำว่าส่วนตัว

เขาคงเห็นว่ามุมมองของครูคนนี้ไม่ปกติ เขาก็แคปกันออกมา และนักเรียนเห็นมานานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าพูด แต่พอบุ๋มพูดไป ผู้ปกครองก็มาขอบคุณเราที่กล้าที่จะออกมาพูด” 

ไม่กลัวว่าลูกสาวจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้?

“สำหรับอันดา เขารู้นิสัยแม่เขาอยู่แล้วว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นคงต้องบอกแม่ เขาก็เลยมาคุยเล่นๆ แบบนั้น แต่สำหรับบุ๋มก็มีกังวลใจอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ความถูกต้องต้องมาก่อน

ถ้าเรามัวแต่ปกปิดความผิดเหมือนที่หลายๆ โรงเรียนทำกันมา ครูทำอะไรก็ปิดเงียบ กลัวจะเสียชื่อเสียงของโรงเรียนบ้าง

หรือให้เด็กทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ผู้ปกครองไม่พูดอะไร ครูบางคนก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่บุ๋มบอกลูกคือ เอาความถูกต้องมาก่อน เกรดไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ แต่เราเรียนในสังคมแบบไหนนั้นสำคัญกว่า”

อยากให้มีการจัดระบบของครูใหม่หรือเปล่า?

“บุ๋มทำมาหลายเคสแล้ว หลายคดีที่ทำมา คนที่เป็นครูหรือคนที่ทำงานใกล้ชิดเด็กควรมีการทดสอบอีคิวด้วย ไม่ใช่แค่ดูใบปริญญา หรือไอคิวอย่างเดียว ต้องดูอีคิวว่าเขามีสุขภาพจิตอย่างไร

เพราะการที่เราส่งลูกไปโรงเรียนมันควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เป็นที่ที่เราไว้ใจได้ และครูเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเด็กที่สุด เราอยากให้สถานที่นี้เป็นสถานที่ปลอดภัยและแนะนำแนวทางลูกเราไปในแนวทางที่ดี”

กระแสตอบกลับมาจากโรงเรียนถือว่าดีและดำเนินการให้อย่างรวดเร็วไม่นิ่งเฉย?

“ต้องขอบคุณท่านผอ. ด้วยค่ะ เราทำงานด้วยกันมาหลายหน และบุ๋มก็เคยเป็นศิษย์เก่าของที่นี่ เลยได้ทำงานด้วยกันหลายคน และบุ๋มเห็นว่าท่านเป็นคนทำงานจริง ก็เลยขอบคุณมากๆ ที่จัดการเรื่องนี้ภายในหนึ่งวัน

สั่งย้ายภายในหนึ่งวัน ก็ขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ช่วยกัน ไม่นิ่งเฉยกับเรื่องพวกนี้ เราแค่จัดการให้ทุกอย่างมันอยู่ในร่องในรอย และอยู่ในความถูกต้อง

บุ๋มก็ถามนะ ว่าเรื่องนี้เขาเขียนมาตั้งนาน ทำไมไม่จัดการ เขาก็บอกว่ามีการเรียกตักเตือนแล้ว แต่บุ๋มว่ามันไม่ใช่”

ใช้ความเป็นคนมีชื่อเสียงทำให้สังคมมันดีขึ้น?

“บุ๋มทำอย่างนี้มาโดยตลอด เพราะชื่อเสียงมันอยู่กับเราได้ไม่นาน และวันไหนที่ชื่อเสียงเราหายไป เราจะช่วยเหลือใครได้เท่าวันนี้ วันนี้ยังทำได้ก็ทำ

หลายเรื่องเกิดขึ้นในสังคมมาเป็นสิบๆ ปี แต่ไม่มีใครพูด เมื่อบุ๋มมีโอกาสก็ได้ลงมือจัดการ มันทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นนะ เอาชื่อเสียงเข้าแลกกับตรงนี้แหละค่ะ”

กลัวจะถูกคนทำร้ายมั้ย?

“ทุกครั้งที่ทำคดี ต้องทำใจไว้แล้วว่า เราได้ช่วยคนก็จริง และเราจะเพิ่มศัตรูมาอีก 1 คน จะเป็นตัวคนที่ถูกเราจัดการ หรือญาติพี่น้องของเขาก็ตามแต่ที่ไม่ชอบเรา ซึ่งครอบครัวของบุ๋มทำใจในเรื่องนี้ และเขารู้ว่าบุ๋มมาสายนี้ เขาก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น 

คือสังคมสมัยนี้น่ากลัว อยู่กันลำบาก ในฐานะคนเป็นแม่จะบอกตลอดว่า จะมาเรียกร้องสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคม เราต้องสนับสนุนคนดีให้อยู่ในสังคมให้ได้ก่อน

และเราก็ต้องไม่นิ่งเฉยกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และสิ่งที่คนไม่ดีเขาทำ เราต้องไม่นิ่งเฉยกับเรื่องพวกนี้ เราจะต้องใช้ความถูกต้อง ความยุติธรรมเป็นหลัก โดยที่ไม่นั่งมองว่านี่คือคนรวยหรือคนจน 

หลายคนกลัวที่จะช่วยเหลือเพราะกลัวจะมีปัญหา กลัวกันแบบนี้ แต่บุ๋มไม่ใช่สายหาเรื่องนะ แต่แค่ต้องการความถูกต้อง เด็กและผู้หญิงต้องปลอดภัยมากขึ้น บุ๋มขอแค่นี้เอง เลยกลายเป็นนิสัย แต่ในสิ่งที่ทำเพื่อเจตนาเดียวคือทำให้มันดีกว่าเดิมแค่นั้นเอง”

มีทั้งคนรักและคนไม่ชอบ คนใกล้ตัวขอให้เบาๆ เรื่องการทำอะไรแบบนี้ลงบ้างมั้ย?

“มีเยอะเลยค่ะ บุ๋มจะบอกว่า ที่ให้เบาแล้วเห็นมั้ยว่าบุ๋มแรงกับใคร แรงกับคนร้าย ไม่ได้แรงกับคนอื่น มีใครเดือดร้อนกับเรื่องที่บุ๋มออกมาสู้บ้างนอกจากคนร้าย หรือญาติคนร้ายที่ไม่พอใจ นอกจากนั้นมีใครอีกมั้ย ก็ไม่มีนะ

จะให้บุ๋มมาเบากับคนร้าย ไม่เอาเรื่องกับคนร้าย ไม่ทำให้มันถูกต้อง แล้วมันก็จะเกิดเรื่องเหมือนเดิมซ้ำๆ วนไป วนมาแบบนี้เหมือนเดิมนะ อยากได้แบบนั้นจริงๆ เหรอ

ไม่อยากให้ทุกคนเอาแต่พูด แต่ให้เอาใจคิดไปด้วย บุ๋มทำเพื่อทำให้สัมคมน่าอยู่ยิ่งขึ้นในวันที่ยังมีชื่อเสียง มีแรงที่จะทำ พูดอะไรไปคนก็ได้ยิน ก็จะทำสิ่งดีๆ ต่อไป ทำไปเรื่อยๆ เท่าที่จะทำได้”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2113525
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2113525