โอ๊ต วรวุฒิ คิดปิดกิจการหลังโควิดทำพิษ เผยเหตุแยกห้องนอนกับภรรยา (คลิป)


ให้คะแนน


แชร์

ธุรกิจโรงแรมหนักขนาดไหน?
โอ๊ต : หนักมากเลย คือโรงแรมเราสร้างเสร็จปี 61 พอเปิดปุ๊บไม่กี่เดือนก็โดนโควิดรอบแรกเลย

ตอนนี้ต้องลดพนักงาน?
โอ๊ต : ลดครับ เอาตามความจำเป็นที่ต้องใช้ ส่วนร้านอาหารลดพนักงานไปครึ่งนึงเลย โรงแรมของเราอยู่ที่บุรีรัมย์ กฎของเขาเข้มข้นมาก เขาทำงานเป็นทีมกันทั้งเมือง แต่ที่เป็นห่วงคือร้านอาหารอยู่ที่เมืองชล

พี่โอ๊ตเจ็บไปกี่สิบล้าน?
โอ๊ต : ของผมเฉพาะเงินที่หมุนในแต่ละเดือน ของตัวเองหมุนจากร้านอาหารบ้าง พอร้านอาหารหมุนไม่ได้ก็ต้องมาหมุนกับเมียบ้าง หมุนกับแม่บ้าง ก็โดนทุกเดือน 2 ปีที่ผ่านมา เดือนนึงก็หลักแสน หลักหมื่นบ้าง โชคดีก็หลักหมื่น โชคไม่ดีก็หลักแสน

เห็นว่านอกจากควักเงินส่วนตัวไปลงทุนแล้ว ตอนนี้ต้องไปกู้ธนาคารแล้ว?
โอ๊ต : มันมีส่วนนึงที่เราเอาเงินมาจากธนาคาร มันก็เป็นภาระที่เราต้องไกล่เกลี่ย เพราะมันมีค่าใช้จ่ายรายเดือน ดอกเบี้ย ส่งต้น ส่งดอก ก็เจรจากันทุกช่องทางที่เขาช่วยเหลือมา เพื่อให้ทุกอย่างมันไปรอด ที่สำคัญเงินก้อนนี้มันเป็นเงินของลูกด้วย ที่เราเก็บไว้ให้ลูก เก็บไว้ให้ภรรยา เก็บไว้ให้ครอบครัว มันก็กลายเป็นว่าเราเดือดร้อนหมดเลย ทั้งคุณแม่ ตัวผมมีเงินเดือนให้แต่ละเดือน ทั้งภรรยาและลูก แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกกดดันเหมือนตอนแรกแล้ว อาจจะเริ่มชินแล้วด้วยมั้ง คือตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าทำยังไงให้อยู่ได้แล้วมีความสุข

ตอนนั้นเราผ่านสถานการณ์ที่กดดันมาได้ยังไง?
โอ๊ต : ตอนนั้นก็มีปัญหาเยอะเหมือนกัน ครอบครัวเราถึงขนาดจะแตกแยกเลย เพราะว่าปัญหาเรื่องของธุรกิจเนี่ยมันมีปัญหาเรื่องของครอบครัวด้วย มันเครียดไง เครียดจากหน้างาน เครียดจากสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ สิ่งที่ต้องใช้จ่ายรายเดือน ลูกเต้าอีกหลายอย่าง มันก็มีผลกระทบต่อครอบครัว หลักๆ คือมันขึ้นอยู่กับความเครียด เราบริหารจัดการความเครียดได้ไม่ดี มันก็เลยพานมาถึงครอบครัวด้วย

แล้วเรามีวิธีสื่อสารกับคนในครอบครัวยังไงให้เข้าใจ?
โอ๊ต : ของผมน่าจะยกความดีความชอบให้ภรรยา ภรรยาคอยเตือนสติตลอด เวลาที่เรารู้สึกเครียด กังวล แล้วเวลาอยู่กับลูกมันจะไม่ใสไง

คุณจีน่าปลอบสามียังไง?
จีน่า : ขนาดเขาโดนหนักๆ เขายังเป็นกำลังใจให้คนในบ้าน เขาค่อนข้างควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ไม่เอามาปนกัน

เห็นบอกว่าเคยคิดขายกิจการ แล้วย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด?
โอ๊ต : ตอนนี้ก็คิดอยู่ เพราะว่ามันเหนื่อย บางทีมันเครียด แล้วสิ่งที่กังวลที่สุดเวลาเราอยู่กับลูก เหมือนตัวเราอยู่ แต่ใจเราไม่อยู่ สมองเรามีแต่ความกังวล การอยู่กับลูกไม่กังวลดีที่สุดเลยเพราะลูกเขาดูออก เขาจะซับอารมณ์เราได้เยอะมากเลย

จริงๆ เราคิดจะขายไหม?
โอ๊ต : ผมก็คิดจะขายนะครับ คือมันยังวนเวียนอยู่ในความคิด บางทีรู้สึกท้อ รู้สึกเหนื่อยมากๆ เราก็ตัดใจขาย แต่พอมีกำลังใจมา ไม่เป็นไรสู้ต่อ เรามีพระเจ้า ไม่ยอมแพ้

ร้านอาหารที่ชลบุรี ตอนไม่มีโควิดวันนึงขายได้หลายแสน ตอนนี้เหลือเท่าไร?
โอ๊ต : ต่ำสุดก็หลักพัน สูงสุดตอนนี้ได้แค่หลักหมื่น เสาร์-อาทิตย์ แต่ก่อนเป็นวันที่ขายได้เยอะมาก แต่นี้เหลือ 90,000 บาท 80,000 บาท ได้ 70,000 บาท เราก็ดีใจแล้ว

แต่สุดท้ายเห็นว่าครอบครัวพี่โอ๊ตก็ได้ติ๊กต๊อกมาเยียวยาทุกอย่าง?
จีน่า : ตอนแรกก็ยัง คือชวนแล้วก็ปฏิเสธ ยังไงก็ไม่เอา ทีนี้ได้เพื่อนมา นี่พี่โอ๊ต เขาก็ทำกัน ต้องเปิดให้เขาดูว่ามีใครทำบ้าง คลิปแรกของเราเป็นแบบสลับชุดกัน
โอ๊ต : แรกๆ ลำบากใจ ไม่อยากเล่น หลังๆ ติดใจ หาคอนเทนต์เอง มันก็สนุกดีคลายเครียด ผลพลอยได้ก็คือภรรยาขายของได้

หึงภรรยาไหม เวลาแต่งตัวเซ็กซี่?
โอ๊ต : ไม่หึงครับ บางทีเขาแต่งตัวเซ็กซี่มากเกินไป เขาก็ถามว่าชุดนี้ได้ไหมพ่อ

เห็นบอกว่ารายได้เกือบล้านต่อเดือนเลยคุณจีน่า?
จีน่า : ไม่ใช่คะ 2-3 พันเอง
โอ๊ต : ตั้งแต่รอบ 3 ที่ผ่านมาผมไม่มีรายได้เลย ทางโรงแรมก็ต้องควักเนื้ออยู่แล้ว ร้านอาหารเพิ่งกลับมาเปิด

เห็นบอกมีคนมาจ้างรีวิวเยอะมาก?
โอ๊ต : ก็มีครับ มีรายได้เข้ามาเลี้ยงครอบครัวได้ ตอนนี้ผมยืมเงินเขาทุกเดือน

พี่โอ๊ตรู้สึกยังไงบ้างที่ผ่านมาเราตั้งใจดูแลทุกอย่างให้ดี แต่พอมันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาความรู้สึกเป็นยังไง?
โอ๊ต : เชื่อไหมว่าตอนนี้ดีมากเลยนะที่มันสามารถปรับตัว แล้วทนกระแส ทนแรงต้านได้ ในช่วงแรกผมนอนไม่หลับ หลับไปก็ไม่อยากจะตื่น อยากจะหลับยาวอยู่อย่างนั้น ไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้สภาวะต่างๆ ของครอบครัว ช่วงนี้พอมันเริ่มมีสติ มันก็คิดได้ว่าเหรียญมันมีสองด้านเสมอ เราอาจจะขาดบางอย่างไป แต่เราก็มีบางอย่างเพิ่มเติมเข้ามา ให้มองด้านที่ดีของมันแล้วกัน อย่างน้อยเราก็ได้อยู่กับครอบครัว ถูกสอนให้รอบคอบ จะทำอะไรให้วางแผนดีๆ เราก็ได้รับบทเรียน และเรียนรู้ไปด้วยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ตอนนี้มันเกิดปัญหาต้องแยกห้องนอนกัน?
โอ๊ต : เรื่องนี้ยังเป็นข่าวอยู่ ที่นี่เป็นที่แรกที่เราเปิดเผย

ต้องถามคุณภรรยา คุณสามีวิกฤติวัยทองจริงเหรอ?
จีน่า : ใช่ค่ะ ที่แยกห้องเป็นเพราะว่าลูกๆ เริ่มโตขึ้น มันเหมือนนอนแล้วมันแคบเกินไป รู้สึกว่าแยกห้องนอนแล้วทุกคนจะได้นอนสบาย

ทำไมไม่เอาเตียงมาเพิ่ม?
โอ๊ต : เพิ่มแล้ว ไม่พอ
จีน่า : คือลูกเขาชอบนอนแนวขวาง มันเลยไม่พอ
โอ๊ต : พอแยกห้องนอนแล้วมันดีขึ้นด้วย

มันมีห่วงช่องว่างหรือความสัมพันธ์อะไรไหม?
โอ๊ต : อาจจะแอบคิดลึกๆ อยู่ จะบอกไม่คิดเลยก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเราเคยนอนด้วยกันตลอด พออยู่ๆ แยกห้องนอนปุ๊บ มันจะชินนะ พอกลับมานอนด้วยกันจะรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด อันนี้แอบคิดเหมือนกัน ความสัมพันธ์จริงๆ ที่แยกห้องนอนเนี่ย ไม่ได้มีอะไรที่ทะเลาะเลย แยกเพราะว่าต้องการสบายตัวทั้งลูก ทั้งพ่อ ทั้งแม่ด้วย

ความวัยทอง อาการมันเป็นยังไง?
โอ๊ต : มันควบคุมอารมณ์ยาก ผมกำลังประเมินอยู่ว่าผมเป็นวัยทองจริงหรือว่าผมเครียด บางทีความเครียดสะสมเราอาจจะไม่รู้ตัว ไม่มีความอดทนที่จะเก็บอารมณ์ได้ดีเท่าไร

เห็นว่าคุณโอ๊ตอายุเยอะขึ้นเริ่มขี้บ่น?
จีน่า : เมื่อก่อนก็บ่น แต่อันนี้หนักกว่าเดิม

แล้วเราจะแก้ไขยังไง?
จีน่า : น่าจะชินมั้งคะ
โอ๊ต : ก็ต้องทน จริงๆ แล้วก็พอเขาเตือนสติมา พยายามเก็บเงียบ พยายามไม่พูดๆ แต่บางทีมันก็อดไม่ได้ไง เพราะว่ามีเรื่องของลูกด้วย บางทีอันนั้นทำไมไม่เก็บ อันนี้ทำไมไม่เก็บ

ชมคลิป

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2114125
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2114125