เปิดชีวิตตลก เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม ทำธุรกิจเจ๊ง โดนยึดรถ ยึดบ้าน


ให้คะแนน


แชร์

ซึ่ง เห็ดเผาะ ได้เล่าว่าจริงๆ แล้วชีวิตจริงไม่ได้ตลกเลยแถมยังมีแต่น้ำตา เพราะการลงทุนกับธุรกิจที่คิดว่าดี คิดว่าใช่จะพาให้ครอบครัวสบาย ทำเงินได้ดี แต่สุดท้ายกลับล้มไม่เป็นท่าจนตัวเองสติหลุดจนต้องเข้าวัดบวชเพื่อเรียกสติ พร้อมเผยย้ายครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ

คนมักจะเข้าใจว่า เห็ดเผาะ คือ ผู้หญิงตลกๆ เสียงพูดไม่ชัดๆ แล้วตาเหล่ๆ?

ข่าวแนะนำ

“นั่นเป็นคาแรกเตอร์ค่ะ ที่เกิดจากซิตคอมเรื่องหนึ่งที่ไปแสดงแล้วนักแสดงในบทที่เราได้รับต้องมีลักษณะประมาณนั้น

แต่พอมีโควิดเข้ามาคือ งานทุกอย่างหยุดเลยใช่ไหม?

“มันก็หยุดทุกอย่างเลยค่ะ ชีวิตของเราพอเจอคนร่วมงาน หรือญาติ หรือคนรู้จักเขาก็จะถามเราว่า เห็ดเผาะ เป็นยังไงบ้าง เราไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเลยค่ะ เราก็ตอบว่าเป็นเหมือนพี่นั่นแหละ แต่บังเอิญคือ เราไปดวงไม่ดีด้วย มันเลยเพิ่มความซวยขึ้นไปอีก

เกี่ยวกับการทำธุรกิจของเราด้วยซึ่งเราเริ่มทำเลยคือ เปิดมินิมาร์ทที่สวนผัก ตอนนั้นมันเป็น อพาร์ตเมนต์ ของคนที่เรารู้จัก เราไปดูทำเลแล้วรู้สึกว่าโอเค เราเลยถามเขาว่า เราเปิดได้ไหม ค่าเช่าประมาณเดือนละ 6,000 บาท ช่วงแรกๆ ที่เปิดเราไปขายเองเลยขายดีเลยนะคะ ช่วงเช้าขายดีมากที่สุด กลางวันจะนิ่งๆ หน่อย ส่วนเสาร์ อาทิตย์ คือเคยขายได้เป็นหลักหมื่น

แต่มันก็เป็นดวง พอเราขายของตรงนี้ก็จะมีงานเข้ามาให้ไปทำ เพราะตอนนั้นคาเฟ่ยังเปิดอยู่ (เปิดแบบปลายๆ พระราม 9 แล้ว) เราก็ให้ลูกดูบ้าง หลานดูบ้าง จากที่เราขายได้วันละ 6-7 พันบาท กลับมาขายได้วันละ 300 บาท เพราะว่าเด็กไม่ได้ใส่ใจก็เจ๊งไป

แล้วพอหลังจากนั้นเราก็มีความรู้สึกว่า อยากเปิดร้านขายสเต๊ก พอเราได้เงินมา ก็เปิดเราก็ตั้งชื่อร้านว่า สเต๊กเห็ดเผาะ คนไม่เข้าร้านเลย เพราะว่าคนเขาเข้าใจผิดว่า สเต๊กใส่อะไร ถึงขนาดที่บางคนเข้ามาถามว่า เห็ดมันสามารถมาทำสเต๊กได้เหรอ

แล้วพ่อถั่วแระ เขาก็มาทักเราว่า ทำไมเราไม่เอารูปตัวเองขึ้นโชว์ที่ร้าน เราก็ไปทำตามก็มีคนรู้จัก ก็เข้ามาทานที่ร้าน แล้วแฟนเราก็เป็นคนทำแล้วก็มีอันต้องไปทำงานอีก เราก็ให้พี่ป้าน้าอามาอยู่ที่ร้านช่วยก็เละอีก พอเรากลับมาจากทำงานมาที่ร้าน ลูกค้าก็มาบอกเราว่า รสชาติที่เขาเคยกินไม่ใช่แบบนี้

แล้วก็ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย เราทำมาทุกอย่างเลยค่ะ มินิมาร์ท ร้านสเต๊ก ปลาเผา ร้านนวด เจ๊งหมดเลย เพราะเราไม่ได้คุมเองด้วย และโควิดเข้ามาด้วย ซึ่งการทำธุรกิจของเราพอทำไปทำมากลายเป็นหนี้เลย”

เห็นบอกว่าโดนยึดรถ ยึดบ้าน เพราะเกิดขึ้นจุดที่ไม่มีจะผ่อนจริงๆ?

“ไม่มีเลยค่ะ ตอนแรกที่เราทำธุรกิจคือ ไม่ได้มีการกู้เลย แต่หลังๆ มาคือเริ่มที่จะมีการกู้ เพราะอย่างตอนแรกเราทำงานได้เงินมา เอาไปลงทุนแต่พอเรายิ่งลงทุนยิ่งจมลงไป เราก็ยิ่งเอาเงินไปถมที่จมลงเพื่อให้มันอยู่ได้  แล้วก็มีธุรกิจอีกตัวที่ทำคือเราไปรับมา แล้วก็มาปล่อยต่อเพื่อจะเอากำไร

แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มันกลายเป็นดินพอกหางหมู พอสินค้าที่เรารับมาส่งมาไม่ได้เพราะว่ามันมาจากต่างประเทศใช่ไหมคะ พอมาไม่ได้เรากลายเป็นหนี้ เราต้องรับผิดชอบ จากมีเงินซัพพอร์ตกลับกลายเป็นไม่มีไปเลย เราก็ต้องขายโน้น ขายนี่ ยอมให้เขาเอารถไปขายจนหมด

แล้วเหลือเงินอยู่หลักหมื่นก็ไปซื้อรถคันหนึ่งมาไว้ใช้ ก็มาถึงจุดพีคมากๆ เลยคือ เหลือคันนี้คันเดียวแล้ว ช่วงที่เรามาอัดรายการ คือไปขับรถชนหกล้ออีก แล้วรถคันนี้ที่เราขับไม่มีประกันด้วย กลับต้องไปเสียเงินให้กับคู่กรณีอีก ที่เล่ามาทั้งหมดคือแค่ย่อๆ นะคะ แต่รายละเอียดคือหลายอย่างมาก”

ชีวิตของ เห็ดเผาะ ถ้าประคับประคองคนเดียวยังโอเค แต่ต้องประคับประคองทั้งครอบครัว จนเราป่วยเป็นซึมเศร้า ไบโพลาร์?

“ตอนแรกที่เราป่วยหรือเปล่า เพราะว่าเราเล่นตลกมาตั้งแต่ 4-5 ขวบ แล้วเราก็ไปเล่นลิเก แล้วก็กลับมาเล่นตลกต่อ เราเหมือนกับว่ามีอารมณ์แปรปรวนหัวร้อนง่าย ตอนนั้นเราก็คิดว่า คงเป็นอารมณ์ของผู้หญิงที่ต้องรับมือทุกสิ่งทุกอย่างเองหรือเปล่า

จนกระทั่งมาวันหนึ่งที่คนพูดแล้วเรารู้สึกว่า ผิดใจไม่ได้เลยแล้วคือมีวันหนึ่งที่แฟนมาพูดเกี่ยวกับเรื่องร้านเรื่องอะไร ซึ่งก่อนหน้านี้มีซินแสเขาก็ทักเราแล้วว่าเราไม่ได้มีดวงเกิดมาเพื่อเป็นแม่ค้า คุณเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง คุณควรมูฟทุกอย่างกลับคืนให้หมดเถอะ เพราะไม่งั้นทุกอย่างจะเจ๊ง

ซึ่งพอเราถูกทักเราก็ยังไม่เชื่อ แล้วประกอบกับแฟนก็อยากให้เราหยุด เขาก็มาบอกเรา ก็กลับกลายเป็นทะเลาะกัน แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะหรืออะไรแบบนี้แฟนจะหยุดแล้วยอมไป แต่วันนั้นเขาพูดแค่ว่า เธอไม่ฟังฉันเลย คือสติเราหลุดไปเลย ไปกระชากเอาราวเหล็กที่ใช้สำหรับแขวนตู้เสื้อผ้าออกมา แล้วก็ใช้ท่อนเหล็กตีแฟนทุกอย่างที่ทำได้คือเสี้ยววินาทีเลยค่ะ

แต่พอรู้สึกตัวเรายืนอึ้งกับสิ่งที่เราทำลงไป แล้วเราก็พยายามเดินออกไป วนถามตัวเองว่าเราทำอะไรลงไป แล้วก็ก้มกราบแฟน ขอโทษในสิ่งที่เราทำกับเขาลงไป ขอโทษเขาทั้งคืนเลยวันนั้น แต่เขานิ่งจนแบบเราไม่รู้จะทำยังไง เราก็เข้าไปในห้องพระ กราบพ่อแก่ตั้งจิตว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมครอบครัวถึงเป็นแบบนี้ มันอาจจะเป็นวิบากกรรมหรือเปล่า

หรือจะเป็นทุกสิ่งที่เราได้ผิดครูบาอาจารย์หรือเปล่า เพราะเราไม่ได้ไหว้ครูเลย แต่เพราะว่าเราก็เจอวิกฤติแบบนี้ก็ไหว้ครูต้องใช้เงินเยอะ ซึ่งไม่ได้ต้องจัดใหญ่ก็ได้ แต่ต้องใช้เงินและสิ่งที่ทำละเอียดอ่อนมาก แล้วหลังจากนั้นเราก็โกนผมเลย แล้วเราก็ทำคลิปขอโทษทุกคน ขอโทษครอบครัว

ขอโทษที่เป็นแบบนี้ตอนนั้นเหมือนสติเราหลุดไปแล้ว แต่พอ พี่กบ เขามาเจอเขาก็บอกเราว่าไม่เป็นไรตั้งสตินะ มันอาจจะเป็นวิบากกรรมหรืออะไรก็ตามยังไงก็โกนหัวแล้วไปบวชเลย ส่วนตัวแฟนเขาก็ไปบวชพระ ตอนนั้นบวชอยู่ประมาณ 19 วัน”

แต่เพราะชีวิตยังมีลมหายใจ เห็ดเผาะ ก็ไม่ถอยสู้ แต่สู้ครั้งนี้ขอไปสู้ที่อเมริกาเกิดอะไรขึ้น เพราะคิดจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเลย?

“มันเป็นสภาวะที่ไม่ไหวแล้ว คือ ไม่ไหวจริงๆ คือเรามีลูกชาย 2 คน ลูกผู้หญิง 1 คน คือตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย เหมือนครอบครัวมันกระจายไปหมด เหมือนมีแค่เราสองคนพ่อแม่แล้วก็หลานอีกคน แล้วพอดีมีพี่ตาล พี่เขาทักมาจาก เม็กซิโก (น้ำตาไหล) เขาก็บอกว่าเขาเห็นเรามีปัญหาครอบครัวเยอะมากเลย

เขาก็บอกเราว่า มาหาพี่ไหม มาพักผ่อนกับพี่ อย่างน้อยก็ยังได้พักสติพักสมองอยากทำอะไรก็ทำ เพราะพี่ตาล เขาชวนให้เราไปทำอยู่ที่ร้าน ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องใครให้อยู่กับเขา เลยตัดสินใจว่าจะไป ก็มีเรา แฟน แล้วก็ลูกคนเล็กไปด้วยกัน เราจะไปกันคือ สิ้นเดือนนี้ค่ะ”

เห็ดเผาะ อยากจะบอกอะไรกับคนที่เจอภาวะหนักหน่วงเหมือนเราบ้าง?

“อย่างเดียวเลยที่จะอยู่ได้จะอยู่รอด คือ ต้องไม่ท้อ ต้องมีสติที่จะสู้มัน คือร้องไห้ได้เหนื่อยไม่ไหวอยากร้อง ร้องเลยค่ะ ร้องไห้เต็ม เพราะนี่มันคือการลงทุนของเราและเราได้ทำดีที่สุดแล้ว แล้วก็ไปต่อเพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราร้องไห้ขนาดไหนแต่เราไม่ไปต่อ ก็ไม่มีใครสามารถมาดึงมือเราให้เดินต่อได้นอกจากตัวของเราเอง”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2121951
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2121951