เป็ด เชิญยิ้ม น้ำตาไหลคิดถึงแม่ โควิดโหดร้าย พ่อ94ยังทรุด อุทาหรณ์ดูแลคนสูงวัย


ให้คะแนน


แชร์

เป็ด เชิญยิ้ม เปิดใจร่ำไห้ นอนดูรูปแม่น้ำตาไหล โควิดโหดร้ายพรากชีวิตแม่วัย 89 ติดจากแม่บ้านต่างด้าว พ่ออายุ 94 ยังทรุดอยู่รพ. ฝากอุทาหรณ์ดูแลคนสูงวัยในบ้าน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เป็ด เชิญยิ้ม ตลกชื่อดังของเมืองไทย เปิดใจร่ำไห้ หลังสูญเสีย คุณแม่วิจิตร โพธิ์วิจิตร ด้วยโรคโควิด-19 ขณะอายุ 89 ปี และจะทำพิธีฌาปนกิจที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

“ต้องฝากแม่ไว้ที่โรงพยาบาลหนึ่งวัน เพราะต้องคัดเอกสารของแม่ที่อยู่ที่ใต้ขึ้นมาก่อน วันที่ 1 ก.ค. กำหนดเผาตอน 10 โมง ตอนเย็นก็สวดที่วัด 3 วัน ที่ศาลา 12 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน

แม่เป็นคนที่ไม่เคยป่วยเข้าโรงพยาบาลเลย ตอนอายุ 67 แม่เคยผ่าตัดเล็กๆ ครั้งเดียว พ่อกับแม่อยู่ที่ใต้ตลอด แต่ 6 เดือนที่ผ่านมา เขาขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ อยากมาอยู่กับหลานสาว ลูกของน้องสาวซึ่งพ่อแม่เขาเสียไปหลายปีแล้ว เขาก็รักหลานสาวคนนี้มาก ห่วงแต่หลานสาวคนนี้ อยากมาอยู่กับหลานสาวคนนี้ เราก็บอกให้มาอยู่กับเรา เพราะบ้านใหญ่กว่า แต่เขาไม่เอาไม่มาอยากจะอยู่กับหลานสาว พอหลานสาวมีเหลนให้เขา เขาก็ไปดูแล หลานทำห้องเพิ่มให้อยู่กัน ก็เลยต้องหาแม่บ้าน หลานก็เลยเอาแม่บ้านไปอยู่

แม่บ้านเป็นต่างด้าวแล้วไปคุยกับคนข้างบ้านที่เขาติดโควิดแล้วเขาไม่ใส่แมส แล้วเอามาติดพ่อกับแม่ แม่อยู่ในบ้านก็ระวังตลอด แต่พ่อระวังน้อยกว่าแม่เพราะอยู่ในบ้านไม่ได้คิดอะไรก็ไม่ได้ใส่แมส พอแม่บ้านไม่ใส่แมสด้วยก็มาติดกันหมด 3 คน ส่วนหลานสาวไม่ติด ลูกหลานสาวก็ไม่ติด

เขาติดโควิดตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. เข้ารพ. ก็ยังวิดีโอคอลคุยกับแม่ ได้คุยเห็นหน้ากันทุกวันตั้งแต่ 18 19 20 21 จากนั้นก็เริ่มหายใจเหนื่อยขึ้น หมอก็เลยให้เข้าไอซียู หลังจากนั้นก็ใส่ท่อเพราะติดลงปอดแล้ว แล้วเมื่อวาน (29 มิ.ย.) ได้ข่าวตอนทุ่มหนึ่งแม่จากไปแล้ว

ส่วนพ่อก็ยังอยู่ที่รพ. เริ่มเหนื่อย เริ่มอ่อนแอ ปกติพ่อจะไม่มีโรคเลย 94 ยังแข็งแรง เมื่อก่อนอยู่บ้าน 90 ต้นๆ ยังขับรถเองได้เลย

แม่อายุ 89 เต็มเมื่อเดือน พ.ค. ส่วนพ่ออายุ 94 เต็มเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นี้ แม่ก็ทรุดตรงกับวันเกิดพ่อพอดี คุณพ่อเริ่มอ่อนแอลง โรคนี้มันโหดร้ายทารุณมาก จริงๆ พ่อกับแม่ได้คิวฉีดวัคซีนวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่เข้ารพ.วันที่ 18 ก่อน ติดโควิดก่อน

สำหรับแม่บ้านที่ติดเอามารักษาอยู่ที่รพ.ด้วยเลย อยู่ดูแลพ่อเลย เพราะหมอบอกว่ากลัวพ่อจะล้ม คือแม่บ้านคนที่ติดโควิดแล้วมาติดพ่อกับแม่ เอาเขามาจากรพ.สนาม ย้ายมาอยู่รพ.ปิยะเวท เอามารักษาด้วยเลยกับพ่อแม่ เพราะอยู่รพ.สนามไม่ได้ทำอะไร นอนดูอาการเฉยๆ ก็ย้ายมาที่นี่้เพื่อดูแลด้วยเลย หมอก็ให้ยาพร้อมกันเลยเพื่อจะให้หายโควิดพร้อมกัน แต่ตรงนี้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเพราะเขาเป็นต่างด้าว เราต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ครั้งสุดท้ายที่คุยกับแม่ ที่ได้วิดีโอคอลคุยกัน แม่ก็บอกแม่อยู่ได้นะ ไม่ต้องห่วงแม่ แม่อยู่ได้ เราก็ไม่ได้บอกตรงๆ ว่าเขาเป็น ก็บอกว่าเขาเสี่ยงอยากให้ไปกักตัวกัน ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นโควิดกลัวเขาจะทรุด แม่ก็บอกอยู่ได้สบาย 14 วัน ตอนแม่เข้ารพ. ก็มีกำลังใจดีทุกอย่าง เราไม่ได้บอกว่าเขาเป็นโควิด ไปกักตัวอยู่ที่รพ. ดีกว่า อยู่ใกล้หมอดูแลได้

มันเป็นเหตุการณ์ใกล้ตัว เป็นอุทาหรณ์มาก เป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก เป็นอะไรที่พูดไม่ได้ พูดยาก มันยากจริงๆ อาไม่ได้บอกให้ใครรู้กลัวมันจะมีปัญหาต่างๆ นานา โรคนี้มันน่ากลัวมาก มันก็เลยต้องอดทน เราก็ต้องระวังตัวของเราเอง เราจะไปพึ่งใครไม่ได้ พึ่งอะไรก็ไม่ได้ เราต้องอยู่ของเราดูแลตัวเราเองให้ได้ มันจะเกิดอะไรเราก็ต้องรับกรรมของเราเอง จะไปโทษอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ห้ามโทษอะไร โทษได้แค่ตัวเอง

ทุกคนในครอบครัวรักแม่มาก เราก็ต้องเข้มแข็ง เรานอนดูรูปแม่น้ำตาก็ไหล ไม่ได้แม้กระทั่งกอดลาแม่ เราใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่มากกว่าพ่อ แม่คือทุกอย่างของเรา เป็นห่วงเป็นใยเราทุกอย่าง วันนี้ฝากถึงคนอื่นๆ ต้องดูแลคนสูงวัยในครอบครัวของเราให้ดี โรคร้ายที่มันเกิดขึ้นในสังคมไทย เราฝากคนอื่นดูแลไม่ได้ เราหวังพึ่งคนอื่นดูแลไม่ได้ ต้องดูแลครอบครัวตัวเอง ต้องดูแลคนสูงวัยให้ดีที่สุด ครอบครัวของเราให้ดีที่สุด”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6482374
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6482374