เมญ่า นนธวรรณ แพลนย้ายไปอยู่ต่างประเทศจริงจังเพื่อลูก แต่ยังไม่ทิ้งวงการ


ให้คะแนน


แชร์

ข่าวแนะนำ

อยู่ดีๆ เข้าสู่วงการ Tik Tok ได้ยังไง ทำไมถึงเลือกที่จะมาอยู่เป็นดาวในวงการนี้ จะมาโดดเด่นในนี้?

เมญ่า : เอาจริงๆ มันไม่ได้เริ่มจากการตั้งใจจะโดดเด่นค่ะ แต่เป็นความไม่รู้จะทำอะไรในช่วงโควิดปีแรก มันเป็นความว่างของคนที่ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากเลี้ยงลูก เราก็คิดว่าว่างๆ เราก็แก้เครียดยังไง เราก็มีความสามารถอยู่เล็กๆ น้อยๆ ที่จะเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข เป็นทางเดียวที่เราจะสามารถทำให้คนอื่นได้ เพราะว่าเราไม่ได้มีเงินเยอะ ก็เลยคิดว่าเปลี่ยนให้คนมีความสุขในการได้ดูคลิปเราดีกว่า

เริ่มจากไม่ได้ทำอะไรมาก จนมันมีบางคลิปที่เริ่มดังคงเป็นคลิปพี่เจ้ย ที่ดังแรกๆ เลยซึ่งคลิปนั้นเราทุ่มเทมาก คือเราเป็นคนที่ทำอะไรเราจะทำให้สุดเพื่อให้คนดูสนุก แล้วเราก็ไปดูคลิปต้นฉบับเขาทำอะไร เขาพูดอะไรแล้วก็มานั่งคิดว่าเราจะทำอะไรให้มันคล้ายกับเขา หรือว่าเราจะทำอะไรตรงไหนให้มันเปลี่ยนให้มันต่างจากเขา เพราะว่าไม่ใช่ทุกอันเราจะมา Copy ให้เหมือนเขาทุกอันก็ไม่ได้ เหมือนหนึ่งคลิป หนึ่งคำพูดมันสามารถแสดงได้หลายแบบ เราจะเห็นได้ว่าครีเอเตอร์แต่ละคนก็จะมองภาพไม่เหมือนกัน

มีกำหนดไว้ว่าต่อหนึ่งอาทิตย์จะต้องทำคลิปออกมาให้ได้กี่อัน?

เมญ่า : มีค่ะ ช่วงที่เราอยู่ที่ไทย มีลูกค้าเริ่มสนใจให้เรารีวิวเราก็ต้องมานั่งคิดจะขายยังไงให้ลูกค้า คุยกับลูกค้าว่าอยากได้แบบไหนคะ ก็คิดไอเดียแล้วไปเสนอแล้วเราก็ทำกราฟให้เขาดูต้องจริงจังเลย เราให้เขาเลือกว่าชอบแบบไหน อันไหนลูกค้าโอเคที่สุด ก็ต้องวางแผนว่าถ้าลูกค้าเป็นสีนี้เราก็ต้องไปหาชุดที่ใส่แล้วเขากับแบรนด์ของเขา ส่วนเวลาถ่าย เมญ่า ก็ไม่ได้มีทีมหรือว่าอะไรค่ะ คนเดียวเลยค่ะ เราก็ตั้งกล้องเอาค่ะ แล้วก็ตัดต่อเอาค่ะ เหมือนบางคลิปเรามีไอเดียว่าอยากจะแต่งตัวแบบนี้ แต่งตัวชุดไทย เราก็ต้องไปประสานหาชุดไทย แต่งหน้าทำผมเอง แล้วให้คนที่บ้านถ่ายให้ค่ะ

จะมีบางคนว่าทำแบบนี้ไร้สาระ เปล่าประโยชน์เปลืองเวลา แต่บางคนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วงานแบบนี้คือเป็นตัวที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ มาอัพเดตกันต่อกับคุณลูกตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วเอ่ย?

เมญ่า : ตอนนี้ 2 ขวบ 9 เดือนแล้วค่ะ ตอนนี้ถ้าถามว่าแฮปปี้กับชีวิตระดับไหน ก็ระดับหนึ่งนะคะ ด้วยความที่อยู่ไทยด้วย ตอนที่อยู่สเปน เราก็จะมีความอยากหลายอย่างที่แบบว่าทำไม่ได้คิดถึงเพื่อน อยากจะไปกินอันนี้ ก็ไปไม่ได้ ทำไม่ได้ ซึ่งก่อนที่เราจะกลับมาไทยเราก็จะจดไว้เลยว่าเราอยากจะทานอะไร

แปลว่าส่วนมากตอนนี้คือไปมาระหว่างไทยกับสเปน แล้วเราใช้หลักอะไรว่าตอนนี้เราจะอยู่ที่ไหน?

เมญ่า : มันแล้วแต่สิ่งแวดล้อมมากกว่าค่ะ ตอนนั้นที่เลือกจะกลับมาที่ไทยเพราะว่าที่ไทยสงบกว่าในเรื่องของโควิด ตอนนั้นก็ไม่ค่อยจะมีเคสแล้ว แล้วบ้านโน้นวันละ 3-4 หมื่นคน เพราะฉะนั้นเราเลยคิดว่าเรากลับมาอยู่ที่ไทยดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของลูกด้วย เราก็ไม่กล้าพาเขาออกไปไหนเลย

อีกอันหนึ่งซึ่งแปลกก็คือ เวลาที่ไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองเวลาที่มีคนโทรไปหาเราน่าจะดีใจ แต่เมญ่ากลับไม่ชอบเลยเวลาที่มีโทรศัพท์จากที่บ้านโทรไปหา?

เมญ่า : ถ้าเป็นเพื่อนโทรมารีบรับเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นครอบครัวโทรมาเราจะใจไม่ดีมันจะมีความกลัวว่าเวลาที่เรารับสายที่บ้านจะเป็นอย่างนี้นะ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า คือเรากลัวค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้ คือมันทำใจไม่ได้ถ้าเกิดมันเกิดแล้วพอเราเห็นเบอร์จากที่บ้านโทรมาคือเราใจเต้นรัวๆตลอดเลย แต่จริงๆ แล้วเขาโทรมาหาเราเพราะว่าเขาคิดถึง

แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ลูกเกิดอุบัติเหตุที่หมากัดน้อง คุณยายเขาก็อยากคุยกับหลาน เขาก็จะวีดีโอคอล หนูก็แบบไม่อยากให้เขาเห็นเลยว่าหลานเจ็บ ซึ่งเราก็ต้องลงรูปหลานตลอด แต่เราก็แต่งก่อนลงด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เห็นช่วงที่เขากัดลูกเรา เพราะเราทำอาหารอยู่แล้วคุณสามีอยู่กับลูกคุยโทรศัพท์แล้วหมาก็เดินตามเข้าไปด้วย ซึ่งก็เป็นหมาของสามีที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ

เราก็ถามเขาว่า น้องไปตีน้องหมาไหม ก็ไม่ได้ตีหรือทำอะไร แต่หมาเขาอาจรำคาญเขาก็เลยกัดที่หน้าแล้วเนื้อที่หน้าเขาเลย แล้วภาพที่เราเห็นคือเลือดเต็มหน้าลูกเราเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาวนามาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น ขออย่าให้เกิดขึ้นที่หน้าของลูกเราเลย

แล้วเราไว้ใจหมาตัวนี้อีกไหม?

เมญ่า : ไม่เลยค่ะ เราบอกเขาว่าถ้าอยากเลี้ยงเรากลับบ้านเลยนะ เขาก็แบ่งเขตให้ในบ้านให้ เพราะคุณพ่อเขาเป็นคนที่เลี้ยงรวมกับคน แล้วคือเด็กมันค่อนข้างจะคุมยาก

ที่บอกว่าไม่สามารถให้คุณยายรู้ได้เพราะว่าคุณยาย รักหลานมากไม่เคยตีเลย?

เมญ่า : ใช่ค่ะ เพราะด้วยความซนของลูกหนูคือ สามารถหล่นลงมาแล้วไหปลาร้าหักได้ คือ ซนแบบลิงเรียกพี่จนเราต้องยกมือไหว้ลูกแล้วบอกเขาว่า ขอร้องเถอะลูกพอก่อน ซึ่งเวลาที่เราอยู่ที่สเปนคือถ้าเขาดื้อเราจะบอกให้เขาไปสงบอยู่ในห้อง หรือ เข้ามุม ซึ่งพอมาที่ไทยแม่บอกเราว่าเราเอาลูกไปขังไว้ (แต่คือทุกครั้งที่เราให้เขาอยู่ในห้องเราก็นั่งอยู่กับเขารอจนกว่าเขาจะสงบนะคะ) วิธีการเลี้ยงของเรากับแม่ไม่เหมือนกันเราก็เลยต้องปล่อยให้แม่ทำแบบเอาที่เขาสบายใจที่จะทำไปเลยแล้วค่อยไปปรับใหม่ที่โน้นค่ะ

แต่เร็วๆ นี้กำลังย้ายไปอยู่ที่สเปนแล้ว จะเรียกได้ว่าเมญ่ากึ่งๆ จะลาวงการบันเทิงเลยไหม?

เมญ่า : ไม่ได้เชิงจะลาวงการค่ะ ดูงานมากกว่า เราก็พยายามรับงานที่จะแบบว่าไม่ผูกมัดตัวเองมาก งานที่เราสามารถบินไปบินกลับได้ แต่ ณ ตอนนี้เราก็ต้องวางแผนไว้ก่อนว่าน้องกำลังจะ 3 ขวบแล้วเราก็เริ่มที่จะวางแผนดูที่ดูทางเรื่องของการเรียนแล้วก็อยากให้น้องเรียนที่โน้นอาจจะต้องวางแผนว่ายังไงให้การเรียนของลูกโอเคแล้วไม่กระทบกับงานแม่ แต่แม่ก็ต้องเน้นทางโน้นเป็นหลัก มันเหมือนการวางแผนล่วงหน้า เพราะว่าเราไม่รู้ว่าตอนไหนจะเกิดเพราะขนาดที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ดีๆ แล้วโควิดก็เข้ามาชีวิตพังกันก็เยอะ

แต่ถ้าเราไปอยู่โน่น สิ่งที่เรากังวลที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องสุขภาพของพ่อกับแม่ เราไปอยู่โน่นคือคนในครอบครัวเราต้องอยู่แบบโอเคนะ พี่สาว พี่ชาย สามารถดูแลท่านแทนเราได้ในระหว่างที่เราอยู่ที่โน่น วางแผนเรื่องการเงินว่าเขาต้องใช้เท่าไหร่ ที่เรากลับมารอบนี้คือเราก็พยายามหาเงินเพื่อที่จะได้เก็บไว้ตามแผนที่เราวาง

ซึ่งมารอบนี้เรากลับมาก็ผิดแผนจากที่ว่าเรามาหลายเดือนน่าจะมีงานเยอะ แต่ปรากฏว่าสามเดือนคือไม่มีงานเลย ที่มาในรายการ ต้มยำอมรินทร์ คืองานแรกในรอบสามเดือนเลยค่ะ ตอนนี้ก็อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย เพราะเมญ่าเชื่อว่าในสถานการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิด สิ่งที่ทำได้คือ ทำใจแล้วก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับมันให้ได้มากที่สุด หาโอกาสเท่าที่เราจะทำได้ขอให้สถานการณ์แย่ๆ นี้ผ่านไปโดยเร็ว ทำให้เราทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกับอย่างมีความสุขโดยเร็วกับครอบครัวค่ะ.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2128712
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2128712