บุ๋ม ปนัดดา เดินหน้าทำดี หนุนอาชีพโสเภณีถูกกฎหมาย ผุดโครงการโฮมแคร์

บุ๋ม ปนัดดา เดินหน้าทำดี หนุนอาชีพโสเภณีถูกกฎหมาย ผุดโครงการโฮมแคร์ เพื่อผู้ป่วยโควิด ที่ติดยกบ้าน สามารถรักษาตนเองได้

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

บุ๋ม ปนัดดา เดินหน้าทำดี / วันที่ 1 ก.ค. 64 ที่ อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศผู้ดี เดินทางมาร่วมงาน Her Will “เพื่อเธอ” เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วยมะเร็ง ชวนหญิงไทยลุกขึ้นต่อสู้กับมะเร็งเต้านม โดยความร่วมมือจาก สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย เพื่อรณรงค์ให้หญิงไทยห่างไกลจากภัยของมะเร็งเต้านม

หลังเสร็จงาน บุ๋ม ได้ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ถึงเรื่องที่มีบุคคลอ้างเป็นโสเภณีเข้ามาขอความช่วยเหลือรวมถึงเรื่องที่กำลังเปิดโปรเจ็กต์ โฮมแคร์ ให้ผู้ป่วยที่ติดโควิด-19 สามารถดูแลรนักษาตนเองได้ เพื่อลดภาวะเตียงเต็มในโรงพยาบาล

มีภาพลักษณ์ช่วยเหลือผู้หญิง สิทธิสตรีไปแล้ว? “ตอนนี้กลายเป็นว่าไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผู้หญิง เกี่ยวกับสิทธิสตรีและเด็ก ด้วยที่เราเองก็ต่อสู้เกี่ยงกับเรื่องนี้มานานแล้ว เรารักการปกป้องผู้หญิงด้วยกัน เรามองว่ามันสำคัญ อย่างล่าสุดมีคุณแม่กำลังจะเสียชีวิต แล้วก็มีลูกเรา บุ๋มก็ระดมทุนหาค่านมให้น้องอยู่ ก็จะมีเรื่องราวของผู้หญิงหลากหลายชีวิตเข้ามาหาเรา ที่สำคัญตัวเราเองก็จะต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นกำลังสำคัญให้พวกเขาด้วย เราเจอมาเยอะมากๆ บางเคสบางครั้ง ครอบครัวไปกันหมด จนเรารับเขามาเป็นลูกสาว ตอนนี้เรียนหมออยู่”

“ถามว่าเคสไหนหนักสุด ทุกเคสก็หนักในแง่มุมของตัวเอง ช่วยเหลือคนที่ลำบากบุ๋มก็ยังทำอยู่ ในเรื่องคดีความเราก็ไม่ทิ้ง เรื่องสุขภาพของผู้หญิงเราก็ทำด้วย บุ๋มอยากใช้ชีวิตในแต่ละวันของบุ๋มให้มีค่ามากที่สุดตราบใดที่บุ๋มยังมีชื่อเสียงอยู่ ก็อยากจะเป็นกระบอกเสียงให้กับทุกคน”

กับเคสโสเภณีมาขอความช่วยเหลือ? “เขาเป็นโสเภณีมาขอความช่วยเหลือ ว่าตอนนี้ไม่สามารถออกไปยืนขายตัวที่สวนลุมพินีได้ เพราะโดนทำร้ายร่างกาย เคสนี้เป็นเคสที่เราก็ไม่คิดว่าเราจะต้องมาเจอแบบนี้ แต่เราก็ไม่ตกใจ เพราะเราช่วยเคสจากต่างประเทศมาเยอะแล้ว เราช่วยผู้หญิงที่อยู่ในซ่องจากหลายประเทศมาแล้ว ก็แนะนำเขาไปว่าคุณมีลูกแล้วนะ อีกอย่างทำงานอย่างนี้มันเสี่ยง นอกจากเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์แล้ว ตอนนี้ก็ยังมีโควิดอีก ให้หางานอื่นทำ เช่นขายสินค้าออนไลน์ที่ไม่ต้องเอาเงินไปลงทุน คือรับออเดอร์มาแล้วก็รับเปอร์เซ็นต์ไป คุณจะได้อยู่บ้านมีเวลาเลี้ยงลูก บุ๋มแนะนำร้านที่เขารับแบบนี้ให้ไปด้วยนะ สอนทุกอย่าง เพื่อปรับเปลี่ยนชีวิตเขาให้ดีขึ้น บุ๋มไม่ได้มองแค่เขา แต่บุ๋มมองไปถึงลูกเขาว่า ลูกเขาจะต้องมีผู้นำครอบครัวที่ดี ถามว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง คือบุ๋มก็ยังไม่ได้ติดตามต่อว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

“แต่พอลงเรื่องนี้ ก็มีผู้ใหญ่โทรมาหาบุ๋มหลายคน อยากให้บุ๋มเป็นกระบอกเสียง ทำให้เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายซะ เพราะเราหลับตาข้างหนึ่งมานานมากแล้ว เกี่ยวกับเรื่องของโสเภณี เรารู้กันอยู่ ทำให้ถูกกฎหมายค่ะ เพื่อความปลอดภัย การตรวจโรค และเพื่อกันเยาวชนไม่ให้เข้าสู่วงจรนี้เร็วจนเกินไป เราเห็นแล้วในสถานการณ์โควิดแบบนี้มันแย่มาก เด็กๆ มัธยมไลฟ์ถอดเสื้อ ทำอะไรที่มันเซ็กซี่เกินงามเพื่อแลกดาว เราเห็นตรงนี้ เรารู้ว่ามันมีอยู่ แต่เราไม่พูดถึงมันเสียที ดังนั้นถ้าทำให้มันถูกกฎหมายได้มันก็จะดี แทนที่จะเป็นใต้โต๊ะก็มาจ่ายกันบนโต๊ะซะ เอาภาษีมาดูแลประชาชนซะ”

จะผลักดันเรื่องนี้เอง? “ไม่ค่ะ มีกลุ่มที่ผลักดันอยู่แล้ว เขาให้บุ๋มช่วยพูดประชาสัมพันธ์ให้ จะให้บุ๋มเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทุกเรื่องก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

รถพยาบาลแรงดันลบก็ยังทำอยู่? “ตอนนี้มีอยู่ 3 คัน ทำกันเต็มกำลัง เต็มสูบเลย ตอนนี้จำนวนผู้ป่วยเยอะมาก แต่ปัญหาคือเตียง รายชื่อที่ส่งเข้ามาวันนี้ค้างอยู่ 1,642 รายชื่อที่กำลังรอเตียงอยู่ เราไม่สามารถเลือกเตียงให้ใครได้ค่ะ ต้องเป็นคุณหมอดูว่าใกล้โรงพยาบาลไหน สิทธิ์ในการรักษาเป็นอย่างไร อาการเป็นอย่างไร”

“ตอนนี้พวกบุ๋มรวมกลุ่มกันมากขึ้น มีบุ๋ม มีน้องได๋ มีน้องนิหน่า และอีกหลายต่อหลายคนที่มาร่วมกันตรงนี้ เราจะทำโฮมแคร์กันค่ะ เป็นโปรเจ็กต์ที่ผู้ป่วยโควิดติดเชื้อกันทั้งบ้าน แล้วต้องนอนรักษาตัวกันที่บ้าน เราจะทำโปรเจ็กต์โฮมแคร์โดยการ หาข้าวสารอาหารแห้ง เตรียมทีมหน่วยกู้ภัยที่จะเข้าไปช่วย ได๋ กับ นิหน่า ก็จะเป็นในเรื่องของยาต่างๆ เครื่องออกซิเจน เราจะไปบุกถึงบ้านเลยค่ะ แต่ทุกอย่างทำภายใต้การดูแลของคุณหมอ ตอนนี้เริ่มทำกันแล้ว ถ้าหากใครจะบริจาคเครื่องออกซิเจนก็สามารถทำได้ ติดต่อได้ทั้งเพจองค์กรทำดี เพจจ่าพิชิต”

รับเคสแบบไหนบ้าง? “ไม่มีอาการหนักแต่อาจจะหายใจลำบาก แต่ถ้าอาการหนักต้องไปที่หมออย่างเดียวนะคะ ตอนนี้ที่เราเจอช่วงนี้จะเป็นแบบป่วยกันทั้งบ้าน ถ้าไม่ใช่ทั้งบ้านก็ต้องแยกกัน เราก็จะบุกไปบ้านเขาเลย ให้เขาควอรันทีนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ตอนนี้จะคล้ายๆ กับระบบต่างประเทศแล้วที่จำนวนผู้ติดเยอะ ดูแลการรักษาไม่พอ แต่บางคนก็ไม่ได้เป็นอะไรหนักมากก็สามารถดูแลตัวเองอยู่ที่บ้านได้ เอาแค่ระดับนั้น ถ้ามากกว่านั้นต้องส่งให้ไปให้หมอ คนที่รอเตียงบางคนก็จำเป็นต้องใช้เครื่องออกซิเจนก่อน ระหว่างที่รอคิวอยู่เราก็ประคองเขาไว้ก่อน ซึ่งจะมีคุณหมอเป็นคนตรวจด้วยอีกที เราทำงานกับทีมแพทย์ เรื่องนี้เราตัดสินใจเองไม่ได้”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6484879
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6484879