เมญ่า อดีตนางงามแซ่บ วางแผนเตรียมตัวย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เพื่ออนาคตลูก


ให้คะแนน


แชร์

อดีตนางงาม เมญ่า นนธวรรณ ที่ตอนนี้เป็นคุณแม่สุดแซ่บ เผยวางแผนเตรียมตัวพา น้องเบลิน ลูกชาย ย้ายไปอยู่ต่างประเทศจริงจัง เพื่ออนาคตลูกได้เรียนที่สเปน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ขึ้นแท่นสวมมงเป็นดาวในโลกออนไลน์ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ คุณแม่สุดแซ่บอดีตนางงาม เมญ่า นนธวรรณ บรามาซ ที่กลายเป็นอีกคนที่ติดเทรนด์ฮิตเพราะเธอไอเดียเก๋ไก๋สุดบรรเจิดสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่เห็นจนกลายเป็นรายได้ที่ตามมา เมื่อได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เผยว่าทุกคลิปที่ตัวเองทำนั้นมาจากความตั้งใจของตัวเธอเองทั้งหมดแถมยังถ่ายเองตัดเองอีกต่างหาก พร้อมยังเผยแพลนในอนาคตที่วางไว้ว่าเตรียมตัวย้ายไปอยู่ต่างประเทศแบบจริงจังเพื่อลูก แต่ยังไม่ทิ้งวงการแน่นอน

อยู่ดีๆ เข้าสู่วงการ TikTok ได้ยังไง ทำไมถึงเลือกมาอยู่เป็นดาวโดดเด่นในวงการนี้? “เอาจริงๆมันไม่ได้เริ่มจากการตั้งใจจะโดดเด่นค่ะ แต่เป็นความไม่รู้จะทำอะไรในช่วงโควิดปีแรก มันเป็นความว่างของคนที่ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากเลี้ยงลูก เราก็คิดว่าว่างๆ แก้เครียดยังไง เราก็มีความสามารถอยู่เล็กๆ น้อยๆ ที่จะเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข เป็นทางเดียวที่สามารถทำให้คนอื่นได้ เพราะว่าเราไม่ได้มีเงินเยอะก็เลยคิดว่าเปลี่ยนให้คนมีความสุขในการได้ดูคลิปเราดีกว่า เริ่มจากไม่ได้ทำอะไรมากจนมันมีบางคลิปที่เริ่มดัง คงเป็นคลิปพี่เจ้ยที่ดังแรกๆ เลย ซึ่งคลิปนั้นเราทุ่มเทมากถ่ายจนถั่วงอกในจานทานหมดเลย เราเป็นคนที่ทำอะไรเราจะทำให้สุดเพื่อให้คนดูสนุก แล้วเราก็ไปดูคลิปต้นฉบับเขาทำอะไร เขาพูดอะไรแล้วก็มานั่งคิดว่าเราจะทำอะไรให้มันคล้ายกับเขา หรือว่าเราจะทำอะไรตรงไหนให้มันเปลี่ยนให้มันต่างจากเขา เพราะว่าไม่ใช่ทุกอันเราจะมา Copy ให้เหมือนเขาทุกอันก็ไม่ได้ เหมือนหนึ่งคลิปหนึ่งคำพูดมันสามารถแสดงได้หลายแบบ เราจะเห็นได้ว่าครีเอเตอร์แต่ละคนก็จะมองภาพไม่เหมือนกัน”

มีกำหนดไว้ว่าต่อหนึ่งอาทิตย์ จะต้องทำคลิปออกมาให้ได้กี่อัน? “มีค่ะ ช่วงที่เราอยู่ที่ไทย มีลูกค้าเริ่มสนใจให้เรารีวิว เราก็ต้องมานั่งคิดจะขายยังไงให้ลูกค้า คุยกับลูกค้าว่าอยากได้แบบไหน ก็คิดไอเดียแล้วไปเสนอแล้วเราก็ทำกราฟให้เขาดูต้องจริงจังเลย เราให้เขาเลือกว่าชอบแบบไหน อันไหนลูกค้าโอเคที่สุด ก็ต้องวางแผนว่าถ้าลูกค้าเป็นสีนี้เราก็ต้องไปหาชุดที่ใส่แล้วเขากับแบรนด์ของเขา ส่วนเวลาถ่าย เมญ่าก็ไม่ได้มีทีม คนเดียวเลยค่ะ เราก็ตั้งกล้องเอาค่ะ แล้วก็ตัดต่อเอา เหมือนบางคลิปเรามีไอเดียว่าอยากจะแต่งตัวแบบนี้ แต่งตัวชุดไทย เราก็ต้องไปประสานหาชุดไทย แต่งหน้าทำผมเอง แล้วให้คนที่บ้านถ่ายให้ค่ะ จะมีบางคนว่าทำแบบนี้ไร้สาระเปล่าประโยชน์เปลืองเวลา แต่บางคนไม่รู้นะว่าจริงๆ แล้วงานแบบนี้เป็นตัวที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้นะ”

ตอนนี้ลูกอายุเท่าไหร่แล้ว? “ตอนนี้ 2 ขวบ 9 เดือนแล้วค่ะ ตอนนี้ถ้าถามว่าแฮปปี้กับชีวิตระดับไหน ก็ระดับหนึ่งนะคะด้วยความที่อยู่ไทยด้วย ตอนที่อยู่สเปน เราก็จะมีความอยากหลายอย่างที่ทำไม่ได้ คิดถึงเพื่อน อยากจะไปกินอันนี้ ก็ไปไม่ได้ ทำไม่ได้ ซึ่งก่อนที่เราจะกลับมาไทยเราก็จะจดไว้เลยว่าเราอยากจะทานอะไร”

ส่วนมากตอนนี้ไปมาระหว่างไทยกับสเปน แล้วเราใช้หลักอะไรว่าตอนนี้เราจะอยู่ที่ไหน? “มันแล้วแต่สิ่งแวดล้อมมากกว่าค่ะ ตอนนั้นที่เลือกจะกลับมาที่ไทย เพราะว่าที่ไทยสงบกว่าในเรื่องของโควิด ตอนนั้นก็ไม่ค่อยจะมีเคสแล้ว แล้วบ้านโน้นวันละ 3-4 หมื่นคน เพราะฉะนั้นเราเลยคิดว่าเรากลับมาอยู่ที่ไทยดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของลูกด้วย เราก็ไม่กล้าพาเขาออกไปไหนเลย”

อีกอันหนึ่งซึ่งแปลก ที่ไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองเวลาที่มีคนโทรไปหาเราน่าจะดีใจ แต่เมญ่ากลับไม่ชอบเลยเวลาที่มีโทรศัพท์จากที่บ้านโทรไปหา? “ถ้าเป็นเพื่อนโทรมารีบรับเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นครอบครัวโทรมา เราจะใจไม่ดีมันจะมีความกลัวว่าเวลาที่เรารับสายที่บ้านจะเป็นอย่างนี้นะ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า เรากลัวค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้ มันทำใจไม่ได้ถ้าเกิดมันเกิดแล้วพอเราเห็นเบอร์จากที่บ้านโทรมา เราใจเต้นรัวๆ ตลอดเลย แต่จริงๆ แล้วเขาโทรมาหาเราเพราะว่าเขาคิดถึง

แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ลูกเกิดอุบัติเหตุที่หมากัดน้อง คุณยายเขาก็อยากคุยกับหลาน เขาก็จะวีดีโอคอล หนูก็ไม่อยากให้เขาเห็นเลยว่าหลานเจ็บ ซึ่งเราก็ต้องลงรูปหลานตลอด แต่เราก็แต่งก่อนลงด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราไม่ได้เห็นช่วงที่เขากัดลูกเรา เพราะเราทำอาหารอยู่แล้วคุณสามีอยู่กับลูกคุยโทรศัพท์แล้วหมาก็เดินตามเข้าไปด้วย ซึ่งก็เป็นหมาของสามีที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็ถามเขาว่า น้องไปตีน้องหมาไหม ก็ไม่ได้ตีหรือทำอะไร แต่หมาเขาอาจะรำคาญเขาก็เลยกัดที่หน้าเนื้อที่หน้าเขาเลย แล้วภาพที่เราเห็นเลือดเต็มหน้าลูกเราเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาวนามาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นขออย่าให้เกิดขึ้นที่หน้าของลูกเราเลย”

แล้วเราไว้ใจหมาตัวนี้อีกไหม? “ไม่เลยค่ะ เราบอกเขาว่า ถ้าอยากเลี้ยงเรากลับบ้านเลยนะ เขาก็แบ่งเขตให้ในบ้าน เพราะคุณพ่อเขาเป็นคนที่เลี้ยงรวมกับคน แล้วเด็กมันค่อนข้างจะคุมยาก”

ที่บอกว่าไม่สามารถให้คุณยายรู้ได้ เพราะคุณยายรักหลานมาก ไม่เคยตีเลย? “ใช่ค่ะ เพราะด้วยความซนของลูกหนูสามารถหล่นลงมาแล้วไหปลาร้าหักได้ ซนแบบลิงเรียกพี่จนเราต้องยกมือไหว้ลูกแล้วบอกเขาว่า ขอร้องเถอะลูกพอก่อน ซึ่งเวลาที่เราอยู่ที่สเปน ถ้าเขาดื้อเราจะบอกให้เขาไปสงบอยู่ในห้อง หรือเข้ามุม ซึ่งพอมาที่ไทยแม่บอกเราว่า เราเอาลูกไปขังไว้ (แต่ทุกครั้งที่เราให้เขาอยู่ในห้อง เราก็นั่งอยู่กับเขารอจนกว่าเขาจะสงบนะคะ) วิธีการเลี้ยงของเรากับแม่ไม่เหมือนกันเราก็เลยต้องปล่อยให้แม่ทำแบบเอาที่เขาสบายใจที่จะทำไปเลย แล้วค่อยไปปรับใหม่ที่โน้นค่ะ”

เร็วๆ นี้ กำลังจะย้ายไปอยู่ที่สเปน กึ่งๆ จะลาวงการบันเทิงเลยไหม? “ไม่ได้เชิงจะลาวงการค่ะ เราก็พยายามรับงานที่ไม่ผูกมัดตัวเองมาก งานที่สามารถบินไปบินกลับได้ แต่ ณ ตอนนี้เราก็ต้องวางแผนไว้ก่อน น้องกำลังจะ 3 ขวบแล้ว เราก็เริ่มวางแผนดูที่ดูทางเรื่องของการเรียน อยากให้น้องเรียนที่โน่น วางแผนให้การเรียนของลูกโอเคแล้วไม่กระทบกับงานแม่ แต่แม่ก็ต้องเน้นทางโน้นเป็นหลัก มันเหมือนการวางแผนล่วงหน้าเพราะเราไม่รู้ตอนไหนจะเกิด เพราะขนาดที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ดีๆ แล้วโควิดก็เข้ามา ชีวิตพังกันก็เยอะ แต่ถ้าเราไปอยู่โน้นสิ่งที่เรากังวลที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องสุขภาพของพ่อกับแม่ เราไปอยู่โน้นคือคนในครอบครัวเราต้องอยู่แบบโอเคนะ พี่สาวพี่ชายสามารถดูแลท่านแทนเราได้ในระหว่างที่เราอยู่ที่โน้น วางแผนเรื่องการเงินว่าเขาต้องใช้เท่าไหร่ ที่เรากลับมารอบนี้ เราก็พยายามหาเงินเพื่อที่จะได้เก็บไว้ตามแผนที่เราวาง ซึ่งมารอบนี้เรากลับมาก็ผิดแผน จากที่ว่าเรามาหลายเดือนน่าจะมีงานเยอะ แต่ปรากฏว่าสามเดือนไม่มีงานเลย ที่มาในรายการ ต้มยำอมรินทร์ คืองานแรกในรอบสามเดือนเลยค่ะ ตอนนี้ก็อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย เมญ่าเชื่อว่าในสถานการณ์นี้ ไม่มีใครอยากให้มันเกิด สิ่งที่ทำได้คือ ทำใจแล้วก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับมันให้ได้มากที่สุด หาโอกาสเท่าที่เราจะทำได้ขอให้สถานการณ์แย่ๆ นี้ผ่านไปโดยเร็ว ทำให้เราทุกคนกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยเร็วกับครอบครัวค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6485543
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6485543