นุ้ย สุจิรา สะอื้นไห้! กักตัวแยกบ้าน ลูกไม่เข้าใจทำไมแม่ไม่อยู่ด้วย


ให้คะแนน


แชร์

นุ้ย สุจิรา ขอไม่ร่วมงานรายการดัง หลังละเลยมาตรการป้องกันโควิด ทั้งที่เตือนแล้ว สะอื้นหนัก! ลูกไม่เข้าใจ ทำไมแม่ไม่กลับบ้าน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

สืบเนื่องจากต้องทำหน้าที่พิธีกรรายการหนึ่งและได้สัมภาษณ์ สมรักษ์ คำสิงห์ ที่ภายหลังออกมาประกาศว่าตนเองติดโควิด ทำให้คุณแม่ลูกสอง นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตรวจหาเชื้อและกักตัวทันที

ล่าสุด นุ้ย สุจิรา เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่เข้มงวดของรายการที่ตนเองได้พูดคุยเรื่องมาตรการการป้องกันกับทีมงานไว้แล้ว แต่กลับไม่ทำตามที่ตกลงไว้ ก่อนจะปล่อยโฮเมื่อต้องห่างลูกทั้งสองคนเป็นเวลา 14 วัน ซ้ำลูกชายคนเล็กไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน

อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเลยต้องกักตัว 14 วัน? “ใช่ค่ะ รู้ตัวปุ๊บเราก็ต้องรีบกักตัวปั๊บ แม้ว่าตอนนั้นพี่สมรักษ์จะยังไม่ได้แจ้งไทม์ไลน์ก็ตาม พอข่าวออกปุ๊บว่าพี่สมรักษ์ตรวยพบติดโควิดใช่มั้ย ทีมงานโทรมาบอก ส่วนหนึ่งก็คือต้องบอกครอบครัวเตรียมตัวว่านุ้ยจะต้องแยกยังไง แล้วก็เคลียร์งาน”

ตกใจไหมเพราะที่ผ่านมาระมัดระวังตัวมาตลอด? “คือมันเป็นความรู้สึกแบบว่านี่ไง! ผอิญว่านุ้ยได้มีการพูดคุยเรื่องมาตรการการป้องกันกับทีมงานไว้แล้ว เตือนแล้วบอกแล้ว แต่เขาไม่ทำตามที่เราบอกไป ณ วินาทีนั้นนุ้ยรู้สึกกับตัวเองว่าทำไมวันนั้นเราถึงใจอ่อน ถ้าเราใจแข็งเราอาจจะไม่เจอเรื่องราวแบบนี้”

“แต่ ณ สถานการณ์ตอนนั้นถ้าเกิดว่าเราใจแข็งก็คือไม่ทำงาน มันก็เกิดความเสียหายไง แล้วถ้าเกิดพี่สมรักษ์ไม่เป็นเราก็โดนเม้าธ์อีกว่าดาราคนนี้เรื่องเยอะ เรื่องมาก แต่จริงๆ มันเป็นมาตรการที่ควรจะต้องทำอย่างเคร่งครัดในช่วงสถานการณ์แบบนี้ไง มันก็พูดยาก แต่ว่า ณ วันนั้นที่เราตัดสินใจตรงนั้นไปแล้ว แล้วมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันก็แค่แบบ…ทุบอกๆๆ ฮึ่ย! แต่ก็ไม่เป็นไร”

“ตกใจมันก็ตกใจว่าเราเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เราก็แค่มีสติว่าจะต้องจัดการอย่างไรต่อไปเท่านั้นเองด้วยสัญชาตญาณเวลาเป็นแม่คนมันไม่มีเวลามากในการที่จะแบบฉันจะเป็นมั้ย ไม่เลย แต่จะแบบว่าหนึ่งสองสามสี่ห้าต้องทำอะไรยังไง”

วันที่เจอพี่สมรักษ์คือเราเซฟตัวเองอย่างดีใช่ไหม? “ใช่ เพราะอย่างที่บอกว่าอารมณ์เสียตั้งแต่ตอนไปถึงกองไง(หัวเราะ) ไปแล้วอ้าว! ไหนบอกว่าจะต้องมีการทำมาตรการแบบนี้ไง ทำไมถึงไม่เป็นอย่างที่ตกลงกัน เราก็เลยรู้สึกว่าเราไม่พอใจและรู้สึกไม่ปลอดภัย พอเรารู้สึกไม่ปลอดภัยปุ๊บก็เลยใส่แมสก์ไว้ตลอดเวลา ไม่ถอดเลย น้ำก็ไม่กิน หิวแค่ไหนไม่กิน”

“ล้างมือก็ไม่ได้ล้างแอลกอฮอล์ด้วย เราเก็บมือแล้วก็ไปล้างสบู่เลย คือเราก็กลัวเพราะเรามีลูกน้อย แล้วไหนจะตัวเราเองด้วย เพราะเชื้อไวรัสมันก็กลายพันธุ์ มันน่ากลัวนะ แม้ว่าเราจะดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง แต่เราก็ไม่ได้อยากจะเป็นหรอก ถ้าเกิดเราไปรับมาแม้ว่าอาการเราไม่ร้ายแรง แต่ลูกเราล่ะ พ่อแม่เราล่ะ คือความเสียหายที่มันคาดเดาไม่ได้มันสูงมากเลย”

“เราเจอพี่สมรักษ์วันที่ 1 กรกฎาคม แต่พี่สมรักษ์รู้ผลว่าตัวเองติดเชื้อวันที่ 3 กรกฎาคม (คิดว่าถ้าตรวจตั้งแต่วันนั้นอาจจะเจอเชื้อตั้งแต่วันนั้นเหรอ?) ในใจคิดนะ หรือสมมติว่าถ้าไม่เจอ อย่างน้อยๆ คนที่เจอเราเขาก็จะได้สบายใจว่าอาจจะยังไม่ได้อยู่ในระยะแพร่เชื้อ หรืออย่างตัวเราหัวอกคนเป็นแม่ยังจะได้จัดการกับความรู้สึกเราได้”

“แต่ทั้งนี้แม้ว่าจะเว้นระยะห่างเพราะว่านุ้ยนั่งฝั่งน้องเบส ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่แยกออกมาอีก แต่ว่าเรื่องระยะเวลาในการพูดคุยในการสัมภาษณ์มันค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร นุ้ยโทรไปถามคุณหมอมาก็คือจริงๆ เราไม่ได้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากเราไม่ได้ถอดแมสก์เลย แต่ถ้าพูดถึงเสี่ยงเป็นเสี่ยงปานกลาง เนื่องจากระยะเวลาต่างหากเพราะมันเกิน 15 นาที”

“แล้วตัวที่เทสต์อันนี้ 250 บาท ถ้าเทียบกันแล้วกับความเสียหายที่มันเกิดขึ้น คือนุ้ยว่ามันคุ้มไง โอเคถ้าเกิดจะประหยัดก็ไม่เป็นไร ขอความร่วมมือขอให้ทุกคนออกค่าใช้จ่ายในการตรวจเพื่อว่าเราจะต้องคลีนให้เท่าๆ กันก่อนการทำงาน”

“ตอนนี้เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราไปรับเชื้ออะไรกันตอนไหนมาบ้าง ทุกคนก็ไม่อยากเป็นหรอก เพียงแต่ว่าเวลาก่อนที่ทำงานอย่างน้อยๆ ก็เคลียร์หน่อยสักสเต็ปหนึ่ง นุ้ยรู้สึกว่าเราโตๆ กันแล้วแล้วมันเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม เราสู้กับโรคร้ายโรคระบาดต้องคิดให้รอบคอบ”

กักตัว 14 วันสิ่งที่ห่วงที่สุดคือลูกทั้งสองคน? “ใช่ๆๆ ด้วยความที่เราดูแลลูกเองและเราก็ใกล้ชิด เราก็จะรู้ว่าเขามีรายละเอียดอะไรบ้างแล้วเราก็จะเป็นห่วงไง ที่สำคัญคือลูกยังเล็ก คนโตรดา 5 ขวบก็พอจะเข้าใจ แต่ว่ารพีเล็กไงเวลาวิดีโอคอลไปอยากอยู่กับหม่าม้าอย่างเงี้ย โอ้ยตาย! ใจฉันก็จะสลาย”

“มันยิ่งทำให้แบบเรายิ่งอยากจะโทษตัวเอง รู้อะไรไม่สู้…รู้งี้ไง ถ้าเราทำตรงนั้นไป…จริงๆ เราก็ไม่เคยได้เคยเป็นดาราที่ทำนิสัยแบบนั้น แต่ว่า ณ สถานการณ์แบบนี้ถ้าต่อไปนี้สุจิราจะจะไม่ใช่เป็นคนเดิมที่แบบโอเคได้ๆๆ ถ้าเราจะไม่ได้อีกต่อไปแล้วมันก็อาจจะเกิดขึ้นเพราะว่าเราจะไม่ยอมเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

“ลูกเราแบบไม่ไหวอ่ะ งอแงเมื่อคืนก็งอแงร้องไห้ วิดีโอคอลมาลูกก็ร้องแม่ๆๆ เมื่อไหร่จะมา ทำไมแม่ไม่มา เขาง่วงไง พอเขาง่วงก็อยากจะนอนแล้วคือจังหวะกล่อมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน น้ำหนักมือจังหวะก็ไม่เหมือนกัน คือเวลานอนมันจะต้องเป็นจังหวะแม่เท่านั้นไง”

“น้ำตาตก จริงๆ ร้องไห้ตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะเรารู้สึกว่าคิดถึงอ่ะ ความคิดถึงลูกนี่มันประมาณค่าไม่ได้เลย พูดแล้วก็จะร้อง…ฮึบก่อน มันห่วงด้วยแหละ คือจริงๆ เขาก็ไม่มีอะไรหรอกนะแต่เพียงแต่ว่าเราอยากเซฟใจเขาอ่ะ เขาก็พยายามเข้าใจแหละในสถานการณ์ แต่ว่าเราก็พยายามดูแลตัวเองไง ลูกก็ไม่ควรมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้เนอะ”

“แล้วเขาก็แบบแม่อยู่ไหน ทุกเช้าเลยเขาจะต้องตื่นมาแล้วก็หันกลับมามอง เวลาเขาขยับตัวปุ๊บนุ้ยก็จะต้องไปอยู่ที่หน้าเขาแล้วว่า…อรุณสวัสดิ์ วันนี้นุ้ยก็ถามปอนด์ว่าเป็นยังไงบ้าง รดาเริ่มเข้าใจ แต่ว่ารพียังเด็กมาก 3 ขวบเอง เขาก็แบบ…แม่ล่ะ เมื่อไหร่แม่จะมา รพีทำอะไรเหรอทำไมแม่ถึงไม่มา ใช่ป่ะ(ร้องไห้หนัก) รพีดื้อเหรอ นุ้ยแบบ…นี่มันสถานการณ์บ้าบอคอแตกอะไรวะ”

คนเป็นแม่จะจุกอกในเรื่องนี้ที่สุด? “ใช่ แล้วฉันอ่ะก็เข้มงวดมาตลอดไง เข้าใจป่ะ ฉันเข้มงวดมาตลอด ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้มงวดไง แล้วฉันดูแลมาตลอดอ่ะ แต่กับคนที่มันไม่เข้มงวดแล้วมันทำให้ฉันต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ฉันรับไม่ได้ไง(ร้องไห้)”

“นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย วันนี้วันที่2 ของการกักตัวเอง ฉันถึงรู้ตัวเองไงว่าฉันจะรอดมั้ย โรคมันก็น่ากลัว แต่ฉันห่วงลูกมากกว่าไง แล้วดูตัวน้อยมันช่างพูดมั้ย ฉันวิดีโอคอลไปว่ารพีเป็นยังไง รพีบอก…แงๆๆๆ รพีร้องไห้อย่างเงี้ย แล้วฉันจะอยู่ยังไงอ่ะ”

“คืออันนี้ไม่ได้โทษพี่สมรักษ์นะ มันไม่มีใครอยากเป็น เขาก็ใส่แมสก์ของเขา แต่เราพูดถึงมาตรการก่อนทำงานของทางรายการเท่านั้นเองที่รู้สึกไม่โอเค (รายการอื่นมีมาตรการเข้มงวดตลอดใช่ไหม?) “ทุกรายการก็คือต้อง Swab ที่พี่สมรักษ์เจอก็เพราะ Swab ก่อนที่จะถ่ายอีกรายการหนึ่งไงก็เลยเจอ”

หลังจากนี้ถ้าต้องร่วมงานกับทางรายการนั้นอีกจะมองหน้ากันติดไหม? “ตั้งแต่วันนั้นที่ได้ทราบเรื่องนุ้ยก็ได้แจ้งไปแล้วบอกว่า…งั้นขอไม่ร่วมงานต่อจากนี้อีกเลย ชัดเจน พูดเลยตรงๆ ถ้าพูดอ้อมๆ เดี๋ยวไม่เข้าใจกันอีก เขาจะได้ไปติดต่อใครใหม่ จะได้ไปดำเนินการทำงานกันให้ได้แบบรวดเร็วที่สุด แต่ของเราในส่วนตัวนุ้ยก็บอกไปว่านุ้ยไม่สะดวกที่จะร่วมงานด้วยแล้ว”

ทางเขามีคำตอบกลับมาว่ายังไงบ้าง? “เขาบอกว่าเข้าใจ ก็ต้องเข้าใจแหละ ถ้านุ้ยไม่พูดก่อนจะไม่อะไรเลย แต่นี่บอกแล้ว แล้วหาเบอร์เจ้าหน้าที่ Swab ให้แล้วด้วย เรียกว่าใส่พานไว้เรียบร้อยแล้วแค่โทรติดต่อนัดสถานที่อ่ะ แล้วนุ้ยก็บอกไปว่าอย่าทำแบบนี้อีกนะ คุณไม่รู้หรอกว่าความเสียหายที่มันเกิดขึ้นมันประมาณค่าไม่ได้นะ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6492710
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6492710