เปิดใจ โบ๊ท ธารา โอกาสครั้งสำคัญขึ้นแท่นพระเอกช่อง 3 ลุยซีรีส์วาย


ให้คะแนน


แชร์

“วันที่เข้ามาแคสต์ซีรีส์วันแรก ถามว่ายากมั้ย ผมว่าไม่ยากนะครับ แต่ว่ามีแอบกังวลนิดหน่อยเหมือนกัน ด้วยความที่เราเล่นละครมาตลอด แอ็กติ้งเราก็จะดูเป็นละครหน่อย แต่ด้วยความที่เป็นซีรีส์ก็จะออกแนวภาพยนตร์กับละครผสมกัน ต้องลดเลเวลของแอ็กติ้งเราลงมาหน่อยครับ

ก็คือว่า ละครคนดูเป็นหลักทางทีวี แล้วด้วยจอทีวีมันไม่ได้ใหญ่มาก คนดูส่วนใหญ่เขาจะไม่ได้นั่งดูเฉยๆ เขาจะทำนั่นทำนี่ไปด้วย เพราะฉะนั้นการเล่นแอ็กติ้งมันจะเยอะกว่าความรู้สึกจริงประมาณ 30% เพื่อให้มันพุ่งออกมาจากจอ และให้คนดูมีความรู้สึกร่วม

ส่วนซีรีส์สามารถดูได้หลายแพลตฟอร์ม และคนจะตั้งใจเข้าไปดูแบบ 100% และด้วยสภาพแวดล้อมที่เขาตั้งใจนั่งดู เราแทบไม่ต้องใช้อารมณ์ในการเล่นเยอะ เล่นแบบเป็นธรรมชาติไปได้เลย ก็เลยต้องปรับการแสดงลดลงหน่อยครับ”

“ในวันที่เริ่มเล่นวันแรก ไม่เกร็งครับ เหมือนพอเราทลายกำแพงที่เราไม่มั่นใจลงไปแล้ว เรานึกภาพออกแล้วว่ามันจะเป็นยังไง ก็ไม่ได้เกร็งแล้วครับ เหมือนกันทำงานปกติเลย สบายๆ ทำหน้าที่ตามตัวละครไปได้เลย”

บอดี้การ์ดหน้าหล่อสุดเนี้ยบ

“ในเรื่อง Golden Blood ผมรับบทเป็น ซัน ครับ เป็นบอดี้การ์ดที่ถูกส่งมาคุ้มกันนายน้อย (กัน ณภัทร) เราจะเรียกพ่อของนายน้อยว่า คุณพ่อเหมือนกัน เพราะเขาเป็นคนรับเรามาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก เราเป็นเด็กกำพร้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง และการเติบโตมาเขาถูกฝึกมาให้เป็นบอดี้การ์ด ถูกฝึกมาให้เป็นคนเนี้ยบ เลยดูเป็นคนแข็งๆ ไม่ค่อยเข้าสังคม

และในเรื่องของความรัก เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมี เขาเลยดูเป็นคนแข็งๆ ทุกคนก็จะได้เห็นว่า ทำไมบทของ ซัน ดูเป็นคนไม่สนโลกเลย เหมือนเราเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่งครับ แต่ว่าความมีเสน่ห์ความน่ารัก จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ นายน้อยจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความเป็นมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ และมีความรู้สึกบางอย่างให้ พื้นฐานของ ซัน เขาเป็นคนนิสัยดี น่ารัก แต่เขาแค่แสดงออกมาไม่เก่งเท่านั้นเอง”

“เรื่องนี้เป็นซีรีส์วายที่เหมือนละครทั่วไป ซีรีส์ทั่วไปเลยครับ มีโรแมนติก ดราม่า แอ็กชั่น คอมเมดี้สอดแทรกเข้ามา อีกอย่างหนึ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ตั้งใจจะชูขึ้นมา ก็คือฉากแอ็กชั่นครับ เราไม่ได้มาเล่นๆ นะครับผม เรามาแบบจัดเต็มครับ ไม่ได้บู๊ตลอดเวลานะ แต่เป็นคิวบู๊แบบจริงจังมาก เรื่องนี้ผมเล่นเองหมดเลย ต้องฟิตร่างกายเต็มที่ ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นบอดี้การ์ด ก็ต้องปรับรูปร่างใหม่เต็มที่ อีกอย่างคิวบู๊ ผมก็ต้องปรับใหม่แบบจริงจัง”

เจอ กัน ณภัทร ในวันแรกรู้สึกเครียด

“ถามว่าเคยร่วมงานกับ กัน ณภัทร มาก่อนมั้ย บอกตามตรงไม่เคยเลยครับ เอาจริงๆ ผมไม่รู้จักเลยว่า กัน ณภัทร นี้เป็นใคร แต่พอได้เจอตัวจริงยิ่งเครียดเลยครับ เพราะวันแรก กัน มาแบบเต็มมาก ไลฟ์สไตล์เรา เคมีเราแบบต่างกันมาก

วันแรกที่เจอกันเลย กัน เขามาเป็นจัดเต็มมาก แฟชั่นจัดเต็ม ส่วนผมจะมาแบบชิลๆ เพราะเป็นออฟฟิศที่คุ้นเคย ลากรองเท้าแตะมา กางเกงขาสั้นสบายๆ แต่ กัน เขาเป็นคนที่กล้าเล่นกับผู้ใหญ่ ส่วนผมจะเป็นคนที่เงียบๆ ไม่ค่อยกล้าพูด หลายๆ อย่างเราค่อนข้างต่างกัน เลยทำให้รู้สึกว่าจะมีสิ่งที่จูนกันยากมาก 

เลยทำให้คิดว่า เอาแล้ว แค่จินตนาการการเล่นซีรีส์วายเราก็ยังนึกไม่ออก แล้วเคมีกับ กัน ณภัทร จะตรงกันมั้ย เพราะเราต่างกันมาก สุดท้ายก็ได้มารู้ในวันที่ฟิตติ้ง ถึงรู้ว่า กัน เป็นคนง่ายๆ เฟรนด์ลี่ๆ มีอะไรก็คุยกัน เปิดใจคุยกัน

วันฟิตติ้งเป็นวันที่ปลดล็อกเราทุกอย่างที่เคยคิดไว้ และเริ่มสนิทกับ กัน มากขึ้นในวันนั้นเลย และน้องก็น่ารักครับ น้องตั้งใจทำงาน เหมือนต่างคนต่างตั้งใจทำการบ้าน ทุกอย่างก็ราบรื่นไปด้วยดี”

“ออนแอร์วันแรกผมตื่นเต้นมาก อยากดูว่าจะออกมาเป็นยังไง เพราะผมแทบจะไม่เช็กมอนิเตอร์เลย ถ้าผู้กำกับบอกผ่านผมเชื่อใจในฝีมือเขา ทุกอย่างรอเก็บไว้ดูตอนซีรีส์ออนแอร์ว่าจะเป็นยังไง ตื่นเต้นแทนหลายๆ คนด้วยที่อยากดูด้วยครับ เชื่อว่าทุกคนต้องมีความสุขในการชมแน่นอนครับ”

จากเด็กต่างจังหวัดที่ย้ายถิ่นเข้ามาอยู่เมืองกรุง

“เริ่มตั้งแต่ช่วง ม.3 เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ว่าจะไปเรียนต่อ ม.4 ที่ไหนดี จะเรียนต่อที่โรงเรียนบ้านเกิด หรือจะยังไงดี ตอนนั้นเราเป็นนักกีฬาด้วย และด้วยความอิ่มตัว ไปต่อไม่ได้ และอาผมมาเจอพอดี เขาเห็นหน่วยก้านเราดี น่าจะลองไปทำงานในวงการบันเทิงดูมั้ย พอเราคุยกันจนรู้ว่าอาคนนี้เขาเป็นญาติห่างๆ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อ ก็เลยโอเค

เลยย้ายเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ตอน ม.4 บวกกับมาทำงานในวงการบันเทิงพอดี เราก็เดินแบบ ถ่ายแบบรอก่อน เพื่อหาประสบการณ์ พอได้มาเล่นละครเรื่องแรกกับค่ายโซนิกซ์บูม ของพี่ชุ ชุดาภา กับพี่ก้อง ปิยะ เขาให้โอกาสได้เล่นละครกับช่อง 3 เรื่องแรก ก็คือเรื่อง ไฟรักเพลิงแค้น 

แล้วเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เล่นเป็นน้องชายคนเล็ก ใจแตก เล่นกับพี่ๆ รุ่นใหญ่ เกร็งมาก แต่ว่าผมแฮปปี้มาก พอเราเจอผู้ใหญ่ที่น่ารักและหวังดีกับดีกับเราตั้งแต่เรื่องแรก ทำให้เรามีแพชชั่น และมีมุมมองการทำงาน การวางตัวที่ดี อะไรหลายอย่างผมได้จากเรื่องแรกเยอะมาก จากนั้นก็เล่นละครยาวมาเลย มาตอนนี้ 10 ปีแล้ว

ซึ่งตอนนั้นหลายคนจะตกใจมาก ด้วยลุคของผมเหมือนคนวัยทำงานแล้ว เขาเห็นเราใส่กางเกงนักเรียนไปกองละคร ใส่ชุดนักเรียนไปถ่ายแบบ คือผมเริ่มเล่นละครตั้งแต่ตอน ม.5″

ไม่เคยรู้สึกเสียดายชีวิตวัยเด็ก ขอบคุณด้วยซ้ำ

“ผมรู้สึกขอบคุณหลายๆ อย่าง ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส ขอบคุณตัวเองที่ชอบทำงานด้านนี้ ถ้าไม่ชอบจะไปต่อลำบาก และโชคดีที่เรามีความสุขกับงานที่ทำด้วย และรู้สึกเลือกไม่ผิด มันทำให้เราโตเร็วด้วย

เขาบอกว่าคนที่ทำงานในวงการบันเทิงเร็ว จะเสียชีวิตวัยเด็กไป แต่สำหรับผมว่าไม่เสียนะ เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กอยู่แล้ว ผมเป็นคนไม่ค่อยออกไปเล่นกับเพื่อน ชีวิตมีแต่ซ้อมกีฬา พอเรามาทำงานในวงการบันเทิง เรารู้สึกว่ามันคือแพทเทิร์นเดิม แค่เรามีความสุขกับมัน

และไม่ได้รู้สึกเสียดายชีวิตวัยเด็กไป และมันก็ดีที่เราสามารถดูแลตัวเองได้ ดูแลพ่อแม่ได้ ได้เห็นโลก ได้เจอกับผู้ใหญ่ ทำให้เราโตขึ้น สนุกกับชีวิตก่อนที่อายุจะเยอะ”

“ถ้าถามว่าตัวจริงเป็นคนยังไง ผมว่า ตัวจริงของผมจะมี 2 พาร์ตนะ ก็จะมีพาร์ตนิ่งๆ แบบว่านิ่งๆ เลย แต่ส่วนมากคนจะเห็นเราในมุมสายเอนฯ เอนเตอร์เทน ขี้เล่น ชอบแกล้งคนอื่น ชอบทำให้คนรอบข้างมีรอยยิ้ม มีความสุข ส่วนมุมนิ่งๆ จะเป็นจังหวะที่เราอยู่คนเดียว คิดโน่นนั่นทำอะไรจริงจังสักอย่าง”

ลูกชายคนกลางของบ้านที่รักครอบครัวมาก

“ผมมีพี่ชายกับน้องสาวครับ ผมเป็นลูกคนกลาง อย่างเมื่อก่อนเวลาไปกองละคร หรือไปอีเวนต์จะมีคุณแม่ไปด้วยครับ หลายๆ คนจะบอกว่า โบ๊ทติดแม่รึเปล่า แม่หวงไม่ยอมปล่อยให้ออกมาคนเดียว ผมบอกว่าเปล่า แม่อยู่บ้านแม่เหงาเลยชอบมากองละครด้วยเพื่อจะได้คุยกับคนโน้นคนนี้ เราเห็นแม่แฮปปี้เราก็โอเค ให้แม่ไปกับเราทุกที่เลยแล้วกัน

ที่บ้านผมทุกคนเขาให้การสนับสนุนผมเต็มที่มากๆ ในการทำงานในวงการนี้ เพราะว่าตอนที่ย้ายบ้านมาอยู่กรุงเทพฯ ก็มากันทั้งบ้านเลย เพื่อผมจะได้ทำงาน และจะได้เรียนที่นี่ด้วยครับ ประจวบเหมาะกับที่ผมกับน้องห่างกัน 3 ปี ผมขึ้น ม.4 และน้องขึ้น ม.1 เลยได้ย้ายมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ”

เด็กหนุ่มที่ฝันอยากทำหนังเป็นของตัวเอง

“ผมมีความฝันนะ อยากทำหนังเป็นของตัวเอง คือมันเป็นความชอบตั้งแต่เด็กแล้วครับ ชอบก่อนจะเข้าวงการแล้ว ชอบเสียงเพลง ชอบภาพยนตร์ ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยก็เลยเลือกจะเรียนสาขาภาพยนตร์ที่ ม.กรุงเทพ ครับ เอกกำกับเขียนบท เพื่อให้ความฝันของตัวเองมันชัดขึ้น 

และที่บอกไปว่าเราอยู่ในวงการก็จริง อยู่ในฐานะนักแสดงก็จริง แต่มันคนละศาสตร์กัน ระหว่างละครกับภาพยนตร์ ความฝันก็คืออยากมีหนังตัวเองสักเรื่อง กำกับเองหรือว่าไปร่วมกับโปรดักชั่นก็ได้ ถ้าความสามารถเรามันยังไม่ถึงขนาดนั้น”

“ฝากถึงแฟนๆ นะครับที่เคยชอบการแสดงในตัวละครของผมที่ผ่านมา ก็อยากให้ติดตามผมในซีรีส์เรื่อง Golden Blood รักมันมหาศาล ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่อีกมิติหนึ่งเลยที่หลายๆ คนไม่เคยเห็นมาก่อน อยากให้ติดตาม และตัวเรื่องมันเข้มข้นมากจริงๆ

ส่วนใครที่กังวลว่า มันเป็นซีรีส์วายจะดูยาก ก็อยากให้เปิดใจและลองดู ผมว่าความรักมันไม่มีข้อแม้ ไม่ได้มีอะไรมาปิดกั้นในเส้นเรื่องของความรู้สึก ไม่ได้มีข้อจำกัด มันคือความรู้สึกของคนสองคนที่มีให้กันแค่นั้นเลยครับ และอยากให้ติดตามกันครับ รับรองว่าสนุก เข้มข้นแน่นอนครับผม ติดตามได้ทุกวันพุธ เวลา 5 ทุ่ม ทางช่อง 3HD ครับ”.

ผู้เขียน : โอ้ว…ซาร่า

ช่างภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2132322
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2132322