แม่โบว์ โต้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยซื้อรถหรู ยันเงินของมะลิยังอยู่ครบทุกบาท


ให้คะแนน


แชร์

วันนี้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์แม่โบว์ เลยขอสอบถามเรื่องราวชีวิตที่จากคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้มีคนรู้จัก

ข่าวแนะนำ

แต่มาวันนี้ต้องกลายเป็นคนสาธารณะ ที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แม่โบว์รับมือและผ่านกับความรู้สึกที่ถูกคนไม่รู้จักมาต่อว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งงานนี้แม่โบว์เปิดใจเล่าให้ฟังว่า 

ภูมิคุ้มกันดราม่าจากโซเชียลแกร่งขึ้นเยอะมั้ยจากวันแรกจนถึงวันนี้?

แกร่งมากค่ะ บางทีด่าถึงโคตรพ่อโคตรแม่ก็มี เลยคิดนะว่าเราไปทำอะไรให้เขา คิดไปคิดมาก็บอกตัวเองว่า เขาอาจจะป่วย อย่าถือโทษคนที่ป่วย เพราะเขาอาจจะป่วยแต่ไม่รู้ตัว โบว์ก็มองข้าม

แต่คอมเมนต์ที่ติชม โบว์ก็รับฟังนะ และบางทีถ้ามาด่าหยาบๆ โบว์ก็ต้องลบ เพราะไม่อยากให้คนที่มาติดตามมานั่งเสียอารมณ์กับคนพวกนี้

แต่ช่วงแรกยอมรับว่ารับมือกับมันยากมาก นั่งคิดเสมอว่าเขาด่าเสร็จเขาก็ไปใช้ชีวิตมีความสุข กินอิ่มนอนหลับ แล้วทำไมเราต้องมาอ่านคอมเมนต์แล้วทุกข์ใจทำไม ก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่าก็คือจบ

นานมั้ยกว่าจะปลงและช่างมันกับคนที่เข้ามาด่า?

เริ่มจากตั้งแต่วันที่ทุกคนรู้จัก โดนด่าตั้งแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาล ประมาณ 2-3 ปีได้ที่โดนมา กว่าจะแข็งแรงในเรื่องของคอมเมนต์โซเชียล

บางทีโบว์ก็ร้องไห้ ก็นั่งคิดนะว่าร้องไห้ทำไม เขาไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่คนใกล้ชิด แล้วมานั่งร้องไห้ทำไม เก็บน้ำตาเอาไว้ให้คนที่เรารักดีกว่า ซึ่งโบว์ก็เจอเหตุการณ์มาเยอะ มีทั้งคนที่เข้าใจเรา ไม่เข้าใจเรา ซึ่งก็ต้องอยู่กับตัวเองและตั้งสติตัวเอง

เพราะก่อนหน้านี้ไม่ใช่คนสาธารณะ แต่จู่ๆ วันหนึ่งกลับถูกใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักมาด่าว่าอย่างรุนแรง แม่โบว์อยากบอกอะไรกับคนที่ชอบเข้ามาด่า หรือคนที่เขาอคติกับแม่โบว์มั้ย?

คนที่ใช่ทำอะไรก็ถูกหมด แต่คนที่ไม่ใช่ทำอะไรก็ถูกด่า เพราะฉะนั้นต้องทำใจกับคอมเมนต์ที่จะเข้ามาเหมือนกัน

ถามถึงดราม่าเรื่องการซื้อรถหรู หลังจากที่โพสต์ไป ก็มีคนเข้ามาต่อว่าแม่โบว์มากมาย?

โบว์เป็นคนที่ชอบอะไรก็จะซื้อ แต่ถ้าไม่ชอบก็จะไม่ซื้อ ชีวิตโบว์ชอบไม่กี่อย่าง โบว์ชอบรถกับกระเป๋า แต่กระเป๋าไม่ได้ซื้อตามแฟชั่น และเป็นคนใช้กระเป๋าคุ้ม ถึงจะซื้อแพงแต่ถ้าใช้คุ้มค่าก็คือจบ 

อย่างเรื่องรถ โบว์ชอบรถมาก จะซื้ออะไรก็ต้องวางแผน เวลาทำงานได้เงินมา ก็จะแบ่งเก็บ สมมติได้มา 100 บาท ก็จะแบ่งเก็บใส่บัญชีฟุ่มเฟือยไว้ 20 บาท ซึ่งบัญชีนี้เก็บลืมไปเลยค่ะ อีก 80 บาท ก็เก็บไว้ในอีกบัญชีหนึ่ง

จนวันหนึ่งมาเปิดบัญชีดูก็รู้ว่าเราสามารถซื้อรถที่ใฝ่ฝันได้แล้ว มันคือสิ่งที่โบว์แพลนเอาไว้ ไม่ใช่จู่ๆ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ทุกอย่างมีการวางแผน

ตอนนั้นก่อนจะซื้อ แม้จะเก็บเงินมาได้แล้ว มีความลังเลใจมั้ย ซื้อดี หรือไม่ซื้อดี? 

ซื้อเลยค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่โบว์ตั้งใจและอยากได้ ก็เลยซื้อ แต่ไม่ได้ซื้อของจุกจิกเพิ่มนะ ซื้อชิ้นเดียวจบ เสื้อผ้าใส่ได้หมด

แต่ว่าเรื่องรถขอ เพราะว่าชอบรถมาก และรู้สึกว่ารถมันเป็นยานพาหนะที่พาเราไปหาเงิน ไปคุยงาน พาไปหาสิ่งดีๆ เข้าตัวเรา เพราะฉะนั้นรถเป็นอะไรที่เรานั่งกับเขา อยู่กับเขา เราต้องมีความรู้สึกคลิกกับเขาได้ 

พอซื้อรถหรูในฝันมา ก็มีทั้งคนยินดีด้วยและดราม่าใส่หาว่าแม่โบว์ฟุ่มเฟือยในยุคแบบนี้? 

(หัวเราะ) ก็งงว่าในยุคแบบนี้คือยังไง ก็ไม่รู้จะไปอธิบายยังไง ก็ปล่อยค่ะ รู้ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่คนรอบข้างเขาดีใจกับโบว์ เพราะเห็นโบว์เก็บเงินมากี่ปี ทำงานมากี่ปี

แล้วรถคันนี้ โบว์ไม่ได้เอาเงินจากการทำงานในวงการสักบาทมาซื้อนะคะ โบว์ใช้เงินที่ได้จากการเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ที่โบว์ทำงานด้วยตัวเอง ถึงซื้อรถคันนี้ด้วยเงินของตัวเอง

เงินทุกบาททุกสตางค์ของมะลิที่ทำงานจากวันแรกจนถึงวันสุดท้าย โบว์กล้าพูดตรงนี้เลยว่า ทุกบาทยังอยู่ครบ แล้วเงินของพ่อเขาก็ยังอยู่ครบทุกบาท

ส่วนเงินที่ใช้จ่ายในทุกๆ วัน คือเงินที่โบว์ทำงานจากสกินแคร์ แล้วก็เป็นเงินพรีเซ็นเตอร์เดี่ยว หรืออะไรเดี่ยวหมดเลย จะมานั่งอธิบายให้ทุกคนฟังแบบนี้คงไม่ใช่

และรถโบว์ก็ไปจอง ไม่ใช่พอเป็นช่วงโควิดแล้วโบว์ไปถอยรถที่ศูนย์มาเลย โบว์รอรถคันนี้มาครึ่งปี แล้วเซลส์โทรมาบอกว่ารถมาแล้วช่วงที่เขาจะเคอร์ฟิว

แต่มันก็เป็นเงินโบว์ที่เก็บมา เจอคนมาด่า บ้าหรือเปล่า มาออกรถตอนที่โควิดระบาด มาอวดรวย ก็แล้วแต่คนจะคิด เราแก้ความคิดเขาไม่ได้ คนไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ ต้องคิดอย่างนี้ 

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2134862
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2134862