กล้วย คลองหอยโข่ง เชื่อเสียงศิลปินมีค่าขับเคลื่อนประเทศ แต่ไม่ได้กดดันใคร


ให้คะแนน


แชร์

ทนเฉยไม่ได้! กล้วย คลองหอยโข่ง เชื่อเสียงศิลปินมีค่า ร่วมขับเคลื่อนประเทศ ยันเคารพสิทธิ์-ไม่กดดันใคร วอนขอวัคซีนที่ดี ฉีดฟรีให้ด้วย

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เพิ่งจะอัพไซซ์ผ้าอึ๋มมาหมาดๆ แต่ลูกทุ่งสาวคนสวย กล้วย คลองหอยโข่ง ไม่แคร์ความเจ็บ เดินหน้าเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน พร้อมชวนเพื่อนศิลปินออกมา Call out ตามความสะดวกส่วนบุคคล ลั่นไม่กดดันใคร เพราะเคารพในความเป็นประชาธิปไตยเสมอ

อัพไซซ์หน้าอกมากี่วันแล้ว? “วันนี้เข้าวันที่4 แล้วค่ะ กลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว ถือเป็นการปรับโหงวเฮ้งให้ตัวเอง เขาบอกว่ามีหน้าอกจะมีฐานทรัพย์ บวกกับว่าเรามีเวลาช่วงนี้ที่ได้พักฟื้น เดี๋ยวถ้าอะไรๆ มันดีขึ้นได้ทำซิงเกิลใหม่ก็อยากจะมาในลุกส์ที่มันสดใสขึ้น แซ่บขึ้น มีอะไรที่ดูมดูมให้คนได้ดูมากยิ่งขึ้นค่ะ”

อาการระบมยังมีอยู่ไหม? “ยังมีอยู่ค่ะ ยังระบมอยู่ เพิ่งวันที่4 แต่ด้วยสภาพร่างกายเรายังโอเคอยู่ ค่อนข้างแข็งแรง ขยับตัวเดินไปมาทำทุกอย่างได้ปกติค่ะ แต่ว่ายกของหนักหรือออกกำลังหนักๆ อันนี้ก็ยังไม่ควร”

พร้อมเปิดไฟหน้าโชว์เมื่อไหร่? “ถ้าเรียกว่าเปิดไฟหน้าสองเฉิดฉายเลยก็น่าจะประมาณ 1 เดือนที่จะเริ่มเห็นทรง เริ่มทำงานได้ กล้วยอัพมา 295ซีซี ให้คุณหมอประเมินให้มันดูแบบว่าไม่ใหญ่เกิน เราเป็นคนตัวเล็กก็ต้องให้สมกับสรีระของเรา”

ผ่าอึ๋มเสร็จมาหมาดๆ แต่ก็เดินหน้าเป็นกระบอกเสียงทันที ไม่ห่วงความเจ็บระบมเลย? “(หัวเราะ)สำหรับหนูมันเป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านไม่ได้ ถ้าเราติดตามข่าวสารและดูเหตุบ้านการเมืองที่มันเกิดขึ้นต่างๆ เรารู้สึกมันเฉยไม่ได้ ถึงจะแบบว่าร่างกายต้องพักฟื้นแต่มือเราก็ต้องทำงานต่อไป หนูก็เลยมองว่าตรงนี้เราทนไม่ได้”

“เราไม่คิดว่าประเทศไทยของเรามันจะมาถึงจุดนี้อ่ะค่ะ เลยรู้สึกว่าตัวเราเองต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง เรามีพื้นที่ของเรา เราเห็นคนอื่นเดือดร้อน คนรอบข้างเราเดือดร้อน ในฐานะที่เราเป็นศิลปินเป็นนักร้องลูกทุ่ง พูดตรงๆ หนูมีกินมีใช้ก็เพราะประชาชนคอยซัพพอร์ต คอยสนับสนุน

“แล้ววันนี้เหตุการณ์ต่างๆ มันถาโถมเข้ามา คนเดือดร้อนคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นศิลปิน หรือจะเป็นประชาชนทั่วไปที่ลำบากกันหมดทั้งประเทศ เราจะปล่อยเฉยเหรอ เราอดทนมาเป็นเดือนเป็นปีแล้วนะ เรายังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปเป็นร่างที่มันคลี่คลายขึ้นสักที”

“แล้วเราจะเงียบเพื่อที่จะอดทนไปถึงเมื่อไหร่ อย่างน้อยคนอื่นไม่สามารถออกมาพูดได้ เลยรู้สึกว่าเราทำในมุมของเราที่เป็นเสียงเสียงหนึ่งเป็นตัวแทนให้ใครหลายๆ คนออกมาพูดแบบนี้ เลยอยากจะทำอะไรแบบนี้ลงโซเชี่ยลบ้าง”

นอกจากจะใช้ตัวเองเป็นกระบอกเสียงแล้ว ยังชวนเพื่อนศิลปินคนอื่นออกมา Call out ด้วย? “สถานการณ์มันหนักแล้ว ปล่อยเฉยไม่ได้ โดยส่วนตัวเราก็เคารพสิทธิส่วนบุคคล ไม่ได้กดดันศิลปินท่านใด แต่เรามองว่าใครที่ประสบปัญหาเหมือนกับเราหรือคิดเหมือนกับเรา เสียงหลายๆ เสียงถ้าเราออกมาพร้อมๆ กันมันอาจจะมีผลในการขับเคลื่อนอะไรหลายๆ อย่าง”

“เรามองว่าตรงนี้มันเป็นมุมที่ดี ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่สามารถออกมาเรียกร้องอะไรที่เราควรจะได้ อะไรที่มันไม่ถูกไม่ควร เราก็สามารถพูดได้ ถ้าเราออกมาพูดหลายๆ คนแล้วประเทศมันเดินหน้าได้ เศรษฐกิจเดินหน้าได้ คนมาทำงานกันได้ มันเป็นเรื่องดีที่ควรจะทำ แต่ถ้าใครไม่เห็นด้วย ไม่อยากทำ ใครไม่สะดวก เราเข้าใจแล้วก็ไม่ได้กดดัน เคารพในความเป็นประชาธิปไตยค่ะ

หลังจากที่โพสต์มีฟีดแบ็กจากเพื่อนๆ ในวงการมาบ้างไหม? “ถ้าเป็นเพื่อนในวงการก็จะมีบางส่วนที่เข้ามาคอมเมนต์ว่าอยู่เคียงข้างประชาชน เยี่ยม อุ๊ยถูกใจ บางส่วนก็เข้ามากดไลก์อาจจะไม่กล้าคอมเมนต์ อันนี้หนูก็เข้าใจเพราะบางคนอาจจะด้วยหน้าที่การงาน ด้วยสถานภาพสังคม หรือบางคนอาจจะไม่เห็นด้วยก็มีแต่ก็ไม่กล้าออกเสียง อันนี้ก็ไม่ว่ากันค่ะ”

เชื่อว่าเสียงจากศิลปินดาราดังกว่าประชาชนทั่วไปจริงๆ? “สำหรับหนูคิดว่ามันมีผลกว่าประชาชนทั่วไป ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ประชาชนไม่พูดอะไรเลย เราติดตามข่าวเราจะรู้ว่าบางคนเขาทำได้แค่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ไปตามเพจต่างๆ บ่นด่า…ซึ่งเรารู้สึกว่าการทำแบบนี้มันไม่ได้อะไรเลย มีแต่สาดกันไปกันมา หนูว่ามันไม่ช่วยขับเคลื่อนอะไรเลย”

“แต่อย่างน้อยมีสักคนออกมาเป็นดารา เป็นศิลปิน หรือคนที่เป็นที่รู้จักหน่อยก็ได้ หนูว่ามันจะมีผลมีแรงผลักมากกว่า อย่างน้อยก็เรียกว่าเป็นกระบอกเสียงเสียงหนึ่ง เหมือนหนูอย่างเนี้ยเสียงหนึ่งก็อาจจะเป็นตัวแทนคนสักสิบคน ร้อยคน หรือพันคนที่ได้ออกมาพูดแทน”

“อย่างน้อยมันก็มีน้ำหนักหน่อย ตัวเราเราก็ไม่ได้ดังมาก แต่มันก็อาจจะเป็นแรงกระตุ้นให้คนแบบเอ๊ย! เรารู้สึกนะประเด็นนี้แต่เราไม่เคยออกมาพูด อาจจะทำให้หลายๆ คนเห็นความสำคัญกับตรงนี้”

หลายคนมองว่าวิกฤตครั้งนี้มันกระทบไปถึงศิลปินดาราแล้วไง ถึงเพิ่งออกมาพูดกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครกล้า? “อันนี้ไม่เถียง(หัวเราะ) มันเป็นเรื่องจริงค่ะ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันไม่ใช่เกิดแค่คนกลุ่มๆ เดียว มันเหมือนโดมิโนเหมือนห่วงโซ่ส่งผลต่อกันไปเรื่อยๆ ทั้งประเทศ”

“แล้วหนูก็รู้สึกว่าหนูทำตามที่เขาพูดแล้วนะ ล้างมือ ใส่แมสก์ ไม่ออกไปไหน รับผิดชอบต่อสังคม ทำทุกอย่างแล้ว แต่ยอดผู้ติดเชื้อมันก็ยังขึ้นๆๆๆ จนเกือบหมื่น อันนี้หนูมองว่ามันอยู่ที่การบริหารผิดพลาดหรือเปล่า ผิดจุดไหม มันเละเทะมาก

“ถ้าคนติดตามข่าวจะรู้สึกว่าประเทศไทยมันถึงจุดนี้เหรอ ต้องไปตากแดดตากฝนนอนรอตรวจโควิด มีคนฆ่าตัวตาย คนตายกันเป็นว่าเล่น คนติดเชื้อไม่มีเตียง หนูเกิดมาอายุ 30กว่า หลายคน 40 50กว่า หนูก็ว่าบางคนยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้”

“แต่ก็มีหลายคนอาจจะพูดอีกก็ได้ว่าโรคระบาดมันเกิดทั่วโลกคุณก็ต้องยอมรับ หนูก็มองว่าใช่ อันนี้ไม่เถียงมันเกิดขึ้นกะทันหัน แต่ที่เราต้องมาคิดคือประเทศไทยเรามีผู้นำผู้ใหญ่มีบุคลากร ผู้ใหญ่ก็ต้องคิดที่จะบริหารจัดการประเทศให้มันโอเคดียิ่งขึ้น เพราะหลายๆ ประเทศตอนนี้ก็เริ่มเปิดบ้างแล้ว เศรษฐกิจเขาค่อยๆ เดินแล้ว ในขณะที่เราคือวัคซีนเข็มแรกอยู่ไหนยังไม่รู้เลย”

อาชีพนักร้องของเราก็ได้รับผลกระทบหนักมาก ตอนนี้ยังไม่เห็นแสงสว่างใช่ไหมว่าจะได้เริ่มงานกันเมื่อไหร่? “หนูใช้คำว่าไม่เห็นท่าทีว่ามันจะดีขึ้น นักร้องทำงานไม่ได้ นักแสดงเข้ากองไม่ได้ รายการบางอย่างต้องเอามารีรัน คนในวงการมันทำอะไรกันไม่ได้เลย ใครไม่พูดหนูไม่รู้ ใครกระทบรู้สึกยังไงไม่รู้ แต่ตัวหนูอ่ะหนูรู้สึก

“นี่แค่ตัวหนูนะ ถ้าสมมติยังยืดไปอีกสักปีหนึ่งเราอาจจะมีเงินเก็บประหยัดเอาค่อยๆ ใช้ แต่อย่าลืมว่าแวดล้อมเรา คนที่หาเช้ากินค่ำหรือคนที่ลำบากกว่าเรามันไม่มีก็คือไม่มี มันก็คือติดลบ หนูก็เลยต้องออกมาเรียกร้องว่าสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนทุกอย่าง สิทธิ์ที่หนูควรจะได้ หนูมองว่าตอนนี้เรื่องวัคซีนสำคัญที่สุดค่ะ

“หนูอยากฝากให้ผู้ใหญ่เห็นถึงความสำคัญของวัคซีน ถ้ารักประชาชนคนไทย อยากให้ประเทศเปิด อยากให้คนหาเช้ากินค่ำ หรือใครก็ตามกลับมาทำงานได้ปกติ อยากให้ความสำคัญกับวัคซีน เอาตัวดีๆ ที่มีประสิทธิภาพดีๆ มาเลย เพราะว่าการที่เราเอาตัวแพงๆ แล้วมันด้อยประสิทธิภาพ มันวนลูปเดิมอ่ะค่ะ”

“ฉีดไปแล้วก็ไปติดอีก ติดแล้วยอดเพิ่มขึ้นก็ล็อกดาวน์ มันไม่จบไม่สิ้นมันกลายเป็นว่าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ฉะนั้นเอาตัวดีมาเลย หนูรอได้ รอมาขนาดนี้แล้ว แล้วก็เห็นใจคนที่เขาไม่มีทางเลือก ต้องนั่งรถขนส่งสาธารณะ เลี่ยงไม่ได้ ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาติดอีกก็สงสารเขาคนที่ลำบากกว่าเรา”

“วัคซีนที่ดีอ่ะเอามาเลยนะ แล้วทุกคนควรจะฉีดฟรี ฟรีไปเลย อยากบอกว่าอย่างอื่นอ่ะไม่ต้องซื้อหรอก อะไรที่คุณบอกว่าจำเป็นมันยังไม่ต้องใช้ตอนนี้ เอาวัคซีนก่อนอย่างแรกเลย ฟรีดีกว่า มันไม่มีประเทศไหนเก็บ”

“ฝากวิงวอนผู้ใหญ่ค่ะ อันนี้หนูว่ามันสำคัญ แล้วเดี๋ยวพอโรคมันหายไป ยอดมันน้อยลง ได้วัคซีนที่มีคุณภาพ ทุกคนแฮปปี้ หนูว่าเศรษฐกิจเดี๋ยวมันก็กลับมารันได้ค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6505967
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6505967