แพรวา ณิชาภัทร เผยผลตรวจติดไวรัสโควิด-19


ให้คะแนน


แชร์

แพรวา ณิชาภัทร เผยผลตรวจติดไวรัสโควิด-19 อีกราย

วันที่ 20 มี.ค. 2563 เวลา 17:22 น.

นักแสดงสาววัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร เจ้าของเพลงฮิต รักติดไซเรน เผยผลตรวจติดไวรัสโควิด-19

ทำเอาแฟนคลับหลายคนเป็นห่วงอย่างมาก เมื่อนักแสดงสาววัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร เจ้าของเพลงฮิตติดหูอย่าง รักติดไซเรน ได้ออกมาเผยผลตรวจว่าตนเองนั้นติดไวรัสโควิด-19 ไม่ทราบว่าติดเชื้อเมื่อไหร่และไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศด้วย

โดยเจ้าตัวนั้นได้เผยอาการและให้ทุกคนใกล้ชิดกักตัวเป็นเวลา 14 วันเพื่อนดูอาการอีกที พร้อมขอโทษที่ทำให้ลำบากไปด้วย ระบุข้อความไว้ว่า…

“ทุกคนคะ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 มีนา แพรรู้สึกปวดหัว รู้สึกว่าตัวอุ่นๆ วัดไข้ออกมาได้ 36.5 องศา วันนั้นแพรตัดสินใจกินยาแก้ปวดหัวแล้วนอน พอตื่นมาตอนเช้าของวันที่ 16 มีนา แพรไม่ปวดหัวแล้ว แต่ยังรู้สึกตัวอุ่นๆ วัดไข้อีกทีได้ 37 องศา แพรรู้สึกไม่สบายใจว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รึเปล่า เลยตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ทันที

เช้าวันนี้ วันที่ 20 มีนา แพรได้รับสายตรงจากคุณหมอว่าผลการตรวจออกมาแล้วค่ะ ผลเป็น detectable คือตรวจพบไวรัสโคโรนา 2019 ที่โพรงจมูกกับคอของแพรนะคะ โดยที่ยังเป็นอาการขั้นแรก เชื้อยังไม่ลงปอด หายใจได้ตามปกติ กำลังรอผลการเอกซเรย์เพิ่มเติมอยู่ค่ะ

หลังจากนี้แพรจะเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในที่โรงพยาบาล รอดูอาการให้ครบ 14 วันค่ะแพรยังไม่ทราบดีว่าตัวเองได้รับเชื้อมาตั้งแต่วันไหน และไม่ได้มีเดินทางไปต่างประเทศด้วย

ตอนนี้อยู่ในระหว่างการหาที่มาของโรคอยู่ค่ะแต่ที่แพรอยากแจ้งทุกคนให้รู้ให้เร็วที่สุด เพราะกลัวการกระจายของเชื้อโรคค่ะ แพรกำลังทยอยติดต่อกับทุกคนที่แพรได้ใกล้ชิดหรือได้ร่วมงานด้วยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาให้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อแจ้งข่าว เพราะอยากให้ทุกคนได้เริ่มสังเกตอาการตัวเอง กักตัว 14 วันเพื่อเฝ้าระวังอาการต่อไปแพรขอโทษทุกคนจริงๆ นะคะ ที่ทำให้ทุกคนต้องลำบากไปด้วย

หลังจากนี้ก็อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองกันอย่างจริงจัง งดการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ถ้าจำเป็นต้องออก ขอให้ล้างมือบ่อยๆ นะคะ ใครที่ระมัดระวังดีอยู่แล้วก็ฝากบอกต่อคนรอบข้างให้ระวังตัวมากขึ้นไปด้วยกันนะคะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.posttoday.com/ent/news/618301
ขอขอบคุณ : https://www.posttoday.com/ent/news/618301