“ปกติวิจารณ์แต่รายการทีวีและละคร มาถึงตอนนี้ก็ขอแฉพฤติกรรมของ “ดาราหน้าจอ” บางคนที่ทำตัวเป็น “เทวดา-นางฟ้า” ใช้สิทธิ์พิเศษที่มากกว่าการเป็น “คนที่มีชื่อเสียง” สร้างศักดินาสูงกว่าคนอื่น กลายเป็นดาราที่อยู่ในหัวข้อการเม้าท์ของทีมงานเบื้องหน้า – เบื้องหลัง ทุกครั้งเวลาที่ “คนนี้” ถูกเชิญมาออกแต่ละรายการ

ดาราท่านนี้มีชื่อเสียง ถึงขนาดบอกชื่อแล้ว ทุกคนต้องรู้จัก เพราะอยู่ในวงการบันเทิงมานานมาก อยู่มานานตั้งแต่โนเนมจนปัจจุบันมีชื่อเสียง ชนิดที่ลืมรากเหง้า – ก้าวแรกของตัวเองไปแล้วว่าก็เคยเป็นคนธรรมดาๆ มาเหมือนกัน

เริ่มเรื่องตั้งแต่การยืนหนึ่ง สาขา “วีนเก่ง” เหยื่ออันโอชะที่ “คนนี้” ชอบวีน คือ “คนทำงานเบื้องหลัง” ถ้ารายการไหนเชิญ “ดาราเรขาคณิต” มาออกรายการ คนเบื้องหลังจะต้องทนโดนด่า โดยเฉพาะการพูดคุยหาข้อมูลเพื่อมานำเสนอหน้าจอทีวี วันหนึ่งมีทีมงานโทรไปถามข้อมูล ก็ถูก “คนนี้” ตอกกลับด้วยน้ำเสียงแดกดันไปว่า “ถามอะไรเยอะแยะหนักหนา” จนทีมงานไปไม่ถูก แทบไม่ได้ข้อมูลไปใช้หน้ากองจน “ผู้จัดรายการ” สาปส่งอยู่ลับๆ แถมวันมาถ่ายทำก็ “หน้าบึ้ง” พร้อมเหวี่ยงในทุกวินาทีที่ไม่ได้ดั่งใจ จนกลายเป็นวัน “ฝันร้าย” ของกองไปทันที เพราะต้องเฝ้าปรนนิบัติไม่ให้ “ดาราเรขาคณิต” ปรี๊ดแตก!!

แต่ในทางกลับกันพอ “ดาราเรขาคณิต” ขอคิวเพื่อมาโปรโมตสินค้าของตัวเอง กลับแทบจะกราบกราน “คนทำงานเบื้องหลัง” พูดจาดี ให้ความร่วมมือ คุยเสียงสองทำนองเสนาะ จน “คนเบื้องหลัง” บ่นดังๆ ว่า “วงการบันเทิงก็แบบนี้ล่ะ” ผลประโยชน์มาก่อนเสมอ

ส่วนอีกเรื่องที่ยกให้ “ดาราเรขาคณิต” คนนี้คือการจิกหัวทีมงานของตัวเอง จิกรุนแรงผ่านไลน์จน “ลูกน้อง” หมดศรัทธา ไม่คิดว่า ดาราหน้าฉากที่ชอบทำบุญทำทาน จะกลายเป็นคนปากไม่ดีแบบนี้ ขึ้น “มึง” ขึ้น “กู” ลงท้ายด้วย “วะ” และตามด้วยการเหยียดต่างๆ นานา จนลูกน้องแคปมาฟ้องว่า “การศึกษาและหน้าที่การงาน” ไม่ช่วยให้ “นิสัย” ดีขึ้นมาเลย

จากเท่าที่เห็นก็ไม่คิดว่าจะ “หยาบ” ได้กระดาษทรายเบอร์ 0 ขนาดนี้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูดี ดูเรียกร้องความเท่าเทียม ดูต่อต้านการบูลลี่ แต่สุดท้ายกลายเป็นแค่ “เปลือก” เท่านั้น