ซิลวี่ ตามฝันโกอินเตอร์ ส่งเพลง XL เปิดตัวร้อนฉ่า “เสื้อผ้า-ท่าเต้น” แซ่บเกินต้าน


ให้คะแนน


แชร์

ซิลวี่ ภาวิดา สุดเจ๋ง! ตามฝันโกอินเตอร์สำเร็จ ส่งเพลง XL เปิดตัวร้อนฉ่า “เสื้อผ้า-ท่าเต้น” แซ่บเกินต้าน ดีใจได้เป็นตัวเอง 100%

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

แซ่บไฟลุกไม่ไหวแล้ว สำหรับนักร้องสาวเสียงสวย ซิลวี่ ภาวิดา มอริจจิ หรือ SILVY คัมแบ๊กวงการเพลงอีกครั้ง พร้อมตามฝันผงาดโกอินเตอร์สำเร็จ ล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงที่มาที่ไปกับการมาทำงานภายใต้สังกัด Warner Music Asia พร้อมส่งเพลงเปิดตัว XL ที่กำลังร้อนฉ่าอยู่ในเวลานี้

อยู่ดีๆ มาเป็นศิลปินของ Warner Music Asia ได้ยังไง? “อันนี้เกิดจากการรวมตัวกันของคอนเน็กชั่นที่มาจากเพื่อนที่ชื่อ Valentina Ploy ซึ่งเขาเป็นศิลปินอยู่แล้วกับทาง What The Duck แล้วเขารู้จักกับทาง Karma Sound Studios ซึ่งตอนนี้เป็นผู้จัดการให้กับซิลวี่อยู่”

“เขาเป็นชาวอังกฤษที่มาสร้างสตูดิโอที่พัทยา แล้วเขาอยากจะปั้นศิลปินเพื่อส่งออกต่างประเทศ แต่ตัว Valentina ไปไม่ได้เพราะมีค่ายอยู่แล้ว เขาก็เลยหาว่าใครเหมาะสม ใครที่คิดว่าน่าจะไปแล้วรอด ซึ่งก็เป็นโชคดีของหนูที่ Valentina แนะนำหนูให้กับ Karma Sound Studios รู้จักแล้วทุกอย่างก็เลยเกิดขึ้นอย่างเร็วไว

“หลังจากนั้นนัดกันลองทำเพลง พอทำเพลงแล้วปรากฏว่าเพลงค่อนข้างดี แล้วก็เวิร์ก สตอรี่คือชัดเจนมากในแง่ของการจะสื่อสาร เลยนำไปลองเสนอกับทาง Warner Music Asia เขาก็เชื่อมั่นในสิ่งที่เราเป็นสิ่งที่เราทำ แล้วก็เลยเพิ่งเซ็นสัญญากันว่าตอนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ทำไมต้องเป็น Warner Music Asia? “หนูเจ็บกับวงการบันเทิงในไทยมาก หนูรู้สึกว่ากูไม่ได้เกิดสักที ไม่มีใครดันกูเลย หนูก็เลยรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็ดีใจ หนูคิดถึงขั้นว่าแบบกูไม่โตในไทยแล้ว กูจะไปโตต่างประเทศ กูจะทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้”

“เลยรู้สึกตื่นเต้นแต่ว่าไม่ได้ตื่นตระหนก ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะทำไม่ได้ แค่รู้สึกตื่นเต้นเฉยๆ กับการเดินทางครั้งนี้ แล้วก็คิดไว้ในใจทดไว้เลยว่าหนูจะไม่เอาความคาดหวังของประเทศไทย ไม่นึกฝันว่ามันจะมา แต่ปรากฏว่าส่วนมากนี่แหละคือคนไทยที่แบบว้าว แล้วก็กำลังรออะไรแบบนี้อยู่”

ตั้งเป้าว่าต้องเป็นศิลปินโกอินเตอร์? “ใช่ หนูเข้ามาในรายการเดอะสตาร์ สิ่งแรกที่หนูพูดกับรายการคือหนูอยากโกอินเตอร์ หนูอยากไปดังประเทศนอก หนูอยากเป็นศิลปินที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่แค่เราก็อยู่ในวงการมาตั้ง 10 ปี แล้วเราก็ขาดความเชื่อมั่นตรงนี้ แต่พอมีคนที่เขาเห็นเราเราก็ถึงเพิ่งเริ่มกลับมากล้าพูดได้เต็มปากอีกครั้งว่าเราจะทำให้ได้ แล้วเราอยากโกอินเตอร์

ฟีดแบ็กเพลง XL เป็นยังไงบ้าง? “ฟีดแบ็กดีเกินคาดมากๆ ค่ะ ตอนนี้จะถึงล้านวิวแล้ว ดีใจมาก หนูไม่ได้คิดหรือคาดหวังอะไรจากโปรเจ็กต์นี้เลย เอาง่ายๆ เราเจ็บมาเยอะ แล้วเราก็ไม่เคยได้เป็นตัวเองขนาดนี้ เราไม่เคยได้มีผลงานเพลงที่แบบนี่คือซิลวี่ เรามีแต่เพลงประกอบละครอ่ะค่ะ เราก็เลยไม่รู้ว่าถ้าเป็นซิลวี่ที่แท้จริงคนจะชอบขนาดไหน แล้วคนจะเก็ตเราขนาดไหน”

“เราก็ค่อนข้างเข้าใจว่าตัวเราเองแปลกกว่าคนอื่น เหมือนเราเรียนรู้แล้วที่จะไม่วิ่งตามสแตนดาร์ดของใครที่จะมาบอกว่าต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ เราก็ค่อนข้างลุ้นว่าคนจะเก็ตหรือควรจะเข้าใจเราขนาดไหน แต่ปรากฏว่ามีคนเก็ตมากกว่าที่เราคิดเยอะเลย แล้วส่วนมากเป็นคนไทยด้วยซ้ำก็เลยดีใจค่ะ

เพลงปล่อยไปในประเทศไหนบ้างแล้ว? “ที่เราดูหลักๆคือ Southeast Asia ทั้งหมดก็คืออินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ อะไรแบบนี้ ในภายภาคหน้าก็คือหวังว่ามันจะไปถึงโซนยุโรปได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันทำ แล้วก็ต้องช่วยดูกันอีกทีว่ามันจะเวิร์กขนาดไหน แต่มันก็จะเป็นไปได้ถ้าเราตั้งใจ”

“ฟีดแบ็กส่วนมากจะเป็นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียที่ส่งคอมเมนต์มาเป็นภาษาอื่น เขาค่อนข้างเข้าใจแมสเสจตรงนี้ เรื่องของบิวตี้สแตนดาร์ดไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่เจอ ทั่วเอเชียค่อนข้างมีบิวตี้สแตนดาร์ดเหมือนกันว่าจะต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น มันก็เลยไม่ยากที่เราจะได้การตอบรับจากแฟนๆ”

คอนเซ็ปต์เพลงที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรก รวมถึงแมสเสจที่อยากจะสื่อสารไปยังคนฟังคืออะไร? “เพลงนี้เป็นเพลงแรกเลยที่เราแต่งกันในสตูดิโอหลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกัน ด้วยความที่เขาก็เป็นทีมงานใหม่และมาจากฝรั่ง เขาคิดไม่ออกว่าเราคือใคร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเคยเข้าเดอะสตาร์ หรือเคยเป็นศิลปินมาก่อน”

“เราก็เลยต้องเล่าเรื่องให้เขาฟัง ณ วันที่เราเล่าเรื่องให้เขาฟังก็บอกว่าเราเคยเข้ามาในวงการ เคยเป็นศิลปิน เคยเซ็นกับค่ายเก่ามาตั้ง 6 ปี แล้วก็อยู่อิสระมา 2 ปี แล้วเราก็ขาดความหวังในการจะเป็นศิลปินแล้วเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ตรงตามมาตรฐาน ที่นี่เขาชัดเจนมากเลยว่าจะต้องผอมจะต้องสวยถึงจะเป็นคนเด่นคนดังได้”

“แล้วเราก็เล่าให้ฟังว่าแต่ที่เราเป็นตัวของตัวเองได้ทุกวันนี้เพราะเราเริ่มทำยูทูบ แล้วเริ่มไม่สนใจเสียงรอบข้าง เริ่มเดินหน้าการเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ แล้วปรากฏคนก็เริ่มให้ความสนใจและชอบเราในแบบที่เราเป็นแบบนี้ ยกให้เราเป็นไอดอล เล่าให้เขาฟังแบบนี้ แล้วเขาก็เลยรู้สึกว่าในเมื่อแฟนๆ รักเราแบบนี้อยู่แล้ว คุณอยากจะเผยแพร่หรือว่าทำเพลงเกี่ยวกับอะไร”

“หนูก็เลยตอบไปว่าก็คิดว่าควรจะเป็นเรื่องนี้ เรื่อง Body positivity(ความมั่นใจในเรื่องของรูปร่าง) เลยเกิดเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่ทาง Karma และหนูได้ร่วมกันระดมสมองเกิดขึ้น ณ วันนั้นว่าเราเคยโดนคำด่าว่าอะไรบ้าง เราเคยทุกข์ทรมานเรื่องนี้เพราะอะไรบ้าง เนื้อเพลงมันเลยออกมาค่อนข้างชัดเจน แล้วเป็นเรื่องราวของหนูเต็มที่100%”

ถ้าได้ฟังเพลงก็จะรู้สึกว่าต้องเป็นซิลวี่นี่แหละที่ร้อง? “เราชัดเจนมากเลยตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในวงการ เอาจริงๆ เราอ้วนกว่านี้นะ แล้วเราก็โดนกดดัน หนูเคยอ้วนมาก แล้วหนูก็เคยผอมมาก แล้วหนูก็กลับมาอ้วนอีกทีหนึ่ง แล้วแสดงจุดยืนตรงนี้ชัดเจนว่า กูอ้วนแล้วทำไม เขาก็เลยจะเข้าใจการเดินทางตรงนี้ว่าเขาเคยเห็นว่าหนูทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้”

“จริงๆ แล้วหนูเคยจมนะพี่ หนูเคยเชื่อและเคยคิดว่าตัวเองไม่มีหวังแล้วอย่างที่บอก 10 ปีที่หนูอยู่มา 5 ปีหนูใช้ไปกับการพยายามเป็นใครก็ไม่รู้ที่หนูไม่ใช่ อีก 5 ปีหลังเป็นการพยายามรักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น มันใช้เวลานานมาก”

มิวสิควิดีโอดูอินเตอร์มาก? “เพลงนี้ด้วยความที่เราทำงานกับต่างชาติด้วย หนูตั้งใจที่จะให้มันไปเผยแพร่ที่อื่นด้วยซ้ำ นึกว่ามันจะเติบโตที่อื่น แต่ปรากฏคืออ้าว! คนไทยก็คือยิ่งว้าวเข้าไปอีกหนูก็เลยแบบตกใจอ่ะค่ะ แล้วหนูดีใจที่คนไทยทุกคนให้โอกาสในความแปลกใหม่ตรงนี้ เพราะหนูยอมรับว่าหนูกลัวนะ”

“แต่พอได้รับความเข้าใจและความเปิดรับในความแตกต่างที่ได้รับจากเพลงนี้ หนูก็ขอบคุณและรู้สึกว่ามันคงถึงเวลา โลกมันกำลังเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนกำลังยอมรับในความหลากหลายได้มากขึ้น หนูก็เลยมองเห็นหนทางสว่าง”

ท่าเต้นแซ่บมาก? “จริงๆ แล้วเราซ้อมกันแค่ 2 ครั้งเองในแง่ของท่าเต้นที่ซ้อมกันในสตูดิโอ เพราะแดนซ์เซอร์เขาเต้นเก่งกันอยู่แล้ว ตัวหนูเองหนูก็ชอบเล่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เพียงแค่ว่าหนูไม่ได้รับโอกาส หนูโดนกำหนดว่าหนูต้องเป็นแบบคนอ้วนร้องเพลงได้เฉยๆ ทั้งที่จริงๆ หนูชอบที่จะตีลังกา บ้าพลังอะไรอย่างนี้”

“วันถ่ายทำสาวๆ ที่เป็นแดนซ์เซอร์แล้วก็ตัวหนูเองสุดฤทธิ์มาก แน่นอนแต่ละคนที่หนูคัดมาไว้อยู่ในเอ็มวีเพราะว่าเรารู้จักกับเขา เราชอบ แล้วเราก็เห็นเขามาในช่องทางโซเชี่ยลฯ มาเป็นเวลานาน แล้วก็รู้ว่าเขาเป็นคนคล้ายๆ เรา บ้าพลังเหมือนเรา”

“ส่วนท่า…มันเกิดจากอารมณ์ล้วนๆ หนูมีความสุขและมีความสนุกไปกับมัน หนูถึงขั้นไปสักวันที่ถ่ายเอ็มวีไว้ตรงขาเลยอ่ะ เพราะหนูรู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันที่หนูได้ก้าวข้ามผ่านการทำอะไรที่เกินลิมิตของตัวเองไปมากและเกินลิมิตของคนไทย พูดง่ายๆ หนูเลือกความสุขของตัวเอง เลือกที่จะใส่ความบ้าบิ่นไปเลยเต็มที่”

คอสตูมแซ่บไม่แพ้กัน? “เราก็มีส่วนในการสไตลิสต์ เรามี reference ไปให้เขา ในแง่ของคำหนูใช้คำว่าขอแบบแซ่บ แล้วก็เท่ แล้วก็ใส่อะไรก็ได้เลยไม่ต้องกลัวว่าจะโป๊ ขออย่างเดียวคือต้องแซ่บ ต้องเท่ แล้วก็ดูมีความมั่นใจมากๆ เขาก็เลยกลับมาด้วยลุกส์เหล่านั้น”

“คนที่บอกว่าเดี๋ยวแปะแค่จุกนมอย่างเดียวไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่เสื้อใน หนูเป็นคนพูดเองทั้งหมด ไฮคัตที่ใส่เป็นชุดสีขาวที่เว้าขึ้นไป หนูก็เป็นคนบอกเอง ตอนแรกหนูจะไม่ใส่ถุงน่องด้วยซ้ำ แต่สไตลิสต์บอกว่าใส่หน่อยเถอะ(หัวเราะ) ทุกอย่างก็คือเกิดขึ้นจากความมั่นใจของหนูจริงๆ ที่หนูไม่มายด์ หนูมองว่ามันเป็นเรื่องของการยอมรับตัวตนและโชว์ตัวตนในแบบที่ตัวเองเป็น เพราะฉะนั้นหนูค่อนข้างแฮปปี้ค่ะ”

พี่มิ้น(มิณฑิตา)ดูแล้วว่ายังไงบ้าง? “ซัพพอร์ตเต็มที่ค่ะ เขาเป็นคนแรกๆ ที่ได้เห็น วันที่ไปถ่ายเอ็มวีเขาก็ไปถ่ายด้วยกัน เขาก็ไม่ว่าอะไร”

สเตตัสคู่เรา? “(หัวเราะ)หนูก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วในไอจีหรือว่าในยูทูบ หนูก็ออกมาบอกความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่อยู่แล้วก็ตามนั้นเลยค่ะ ก็คือรักกันดีแล้วก็แฮปปี้ อยู่ด้วยกันช่วยกันสนับสนุน ช่วยกันพาไปในทางที่ดี เราช่วยกันซัพพอร์ตกันและกัน เราก็เป็นพลังงานดีๆ ในชีวิตให้กันและกันค่ะ”

ฝากทิ้งท้าย? “ยังไงก็ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี แล้วก็ขอบคุณที่เปิดใจและเข้าใจความแตกต่าง หนูเข้าใจว่าบางคนที่ไม่เก็ตก็จะไม่เก็ต แต่หนูค่อนข้างให้ค่ากับคนที่เก็ตผลงานของหนู”

“หนูขอบคุณจริงๆ สำหรับกระแสตอบรับที่ดี แล้วคิดว่านี่คือการเคลื่อนไหวหนึ่งที่สามารถทำให้ประเทศไทยเจริญขึ้นได้ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวศิลปินหน้าใหม่คนนี้ ศิลปินหน้าใหม่ที่อยู่มานาน แล้วก็ยังมีเพลงดีๆ ให้ฟังอีกเยอะมากค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6594627
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6594627