โอปอล สุชาตา รอง MUT2022 เผยปมในใจที่เข้าประกวด ลั่นสักปีมงจะลงหัวหนู


ให้คะแนน


แชร์

เป็นยังไงบ้างกับการประกวดนางงามระดับประเทศครั้งแรก

“ตั้งแต่จบไฟนอลน่ะค่ะ มีอยู่คำเดียวที่แล่นอยู่ในหัวคือคำว่าภูมิใจ เราภูมิใจมาก ถามว่าเราหวังมงมั้ยเราหวัง แต่เรามาไกลมากถึงจุดนี้ เราก็รู้สึกว่าตัวเองเด็กคนนี้ก็เก่งเหมือนกันเนอะ ภูมิใจในตัวเองมากค่ะ พอมีเวลาโอปอลได้มานั่งคิดบนเตียงว่าแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เราดีใจมากๆ ตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ทำงานร่วมกับกอง TPN และพี่ๆ อีก 4 คน”

ระหว่างทางมีคำว่าไม่ไหวแล้วมั้ย
“ถามว่าหนักมั้ย หนักค่ะ แล้วก็เป็นครั้งแรกของเราด้วย เราไม่คิดว่ามันมีอะไรขนาดนี้ในการประกวดนางงาม แต่ถามว่าเหนื่อยมั้ย จริงๆ ในใจไม่เคยมีคำว่าเหนื่อยเลยเพราะตลอดระยะเวลาการประกวดโอปอลไม่เคยพูดคำว่าเหนื่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ร่างกายมันเหนื่อยแต่ใจมันสู้ค่ะ

โอปอลเจอกับอุปสรรคเยอะเหมือนกันในระหว่าง ใครที่ค่อยดึงเราไว้ไม่ให้ท้อ

“คุณแม่มีส่วนช่วย และมีพี่แอดมินในด้อมของโอปอลที่เขาดูแลครอบคลุมในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะในเรื่องการเสพโซเชียล พี่เขาจะกันเราจากอะไรที่เนกาทีฟเพราะเขารู้ว่าลึกๆ เราก็เป็นคนเซนซิทีฟ และเราเพิ่งเริ่มต้น เราเองยังไม่เห็นภาพว่าใจเราแกร่งแค่ไหน เขาก็พยายามที่จะระวัง คัดกรองอะไรต่างๆ ให้ แต่ความจริงแล้วคนที่อยู่รอบตัวเราทุกคนเลยที่ค่อยเชียร์อัพเรา ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ ทีมงาน เพื่อนที่ประกวด แม้กระทั่งคนในโซเชียลเองที่เราไม่เคยเจอเขาก็คอยเชียร์อัพเราพูดในด้านดีๆ ให้กำลังใจเราตลอดตรงนี้ที่ช่วยโอปอลมากๆ ไม่ผิดหวังเลยที่ตัดสินใจมาประกวด ทำให้โลกของโอปอลกว้างขึ้นมากๆ”

งั้นถามหน่อยว่า ทำไม โอปอล ถึงเข้ามาประกวดทั้งที่อายุเพิ่ง 18 เอง
“คนจะชอบถามโอปอลว่าชอบประกวดนางงามเหรอถึงมา ถ้าถามโอปอลแรกๆ โอปอลยังตอบไม่ได้หรอกว่าชอบมั้ยเพราะเราก็ไม่เคยขึ้นเวทีไหน แต่ที่มาประกวดเพราะการเป็นมิสยูนิเวิร์สคือความฝันของเรา ตั้งแต่เด็กๆ เลย เพราะเราเห็นแม่ดู โห้เราอยากมีมงกุฎบนหัวบ้าง เราอยากไปเดิน อยากไปพูด ฉันอยากไปตอบคำถามแล้วคนปรบมือให้ หรือการได้พูดอะไรที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ค่ะ แต่แค่ว่าเราไม่มีโอกาส บางทีมีโอกาสมาแล้ว แต่ตอนเด็กค่อนข้างจะเด็กเรียนนิดนึง ก็จะไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมที่มันสุดๆ เราจะทำแค่กิจกรรมเล็กๆ ทำเสร็จกลับไปเรียน เรายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้

และที่สำคัญที่เข้าประกวด ก็เหมือนที่โอปอลเคยพูดในวันออดิชัน ที่โอปอลต้องผ่าตัดเนื้องอกเต้านม ตอนอายุ 16 ตอนที่จะเข้าห้องผ่าตัดโอปอลรู้สึกว่าเราจะรอดออกมามั้ย จะมีโอกาสได้ออกมามีชีวิตอีกหรือเปล่า อายุเรายังน้อยยังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำตั้งหลายอย่าง เพราะฉะนั้น พอเราหายดีเป็นปกติ บวกกับจังหวะและเวลาที่มีคนมาชวนลงประกวด โอปอลก็รู้สึกว่าไม่รอแล้วจะอายุเท่าไรก็จะไป เพราะถ้าเรารอก็ไม่รู้จะมีอีกคนที่จะมาถามเราว่าอยากลงมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์หรือเปล่าก็เลยตอบตกลงเลย ถ้ารอให้อายุมากกว่านี้อีกหน่อยโอปอลก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ถ้าเรามัวแต่รอเราอาจไม่ได้ทำ”

เล่าถึงการผ่าตัดเนื้องอกในเต้านมของโอปอลหน่อยได้มั้ยเอ่

“เนื้อก้อนนั้นถามว่าเป็นเนื้อร้ายมั้ย คุณหมอเอาก้อนเนื้อไปตรวจแล้วก็ไม่ถึงขั้นเป็นมะเร็ง เราโชคดีที่เอาออกไว โอปอลโชคดีมาก ที่เราได้คิวและเรามีกำลังที่จะไปโรงพยาบาลแล้วไปเอาออก เพราะความจริงเหมือนโอปอลมีก้อนเนื้อนี้ตั้งแต่เด็กๆ ช่วงขึ้นม.ต้นแล้ว แต่มันเล็กมาก แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กอ้วนมาก่อน เราก็เลยคิดว่ามันเป็นไขมัน แต่พอโตขึ้นร่างกายมันยืดเราน้ำหนักลงแต่ก้อนนี้ก็ยังอยู่ แล้วมีอยู่วันหนึ่งตอนกลางคืนหนูรู้สึกว่ามันใหญ่จนหนูหุบแขนเข้ามาไม่ได้และรู้สึกเจ็บมาก เลยเดินไปบอกแม่ว่าเริ่มเจ็บแล้วนะทำไมถึงเจ็บขนาดนี้น่าจะไม่ดีแล้ว วันรุ่งก็ตัดสินใจไปโรงพยาบาลกันกับคุณแม่ ผลก็คือเป็นเนื้องอกคุณหมอให้เข้าผ่าตัดเลย 

การผ่าตัดเป็นเรื่องที่ใหญ่มากสำหรับเด็กคนหนึ่งแบบหนู ตอนนี้มีสองความรู้สึกนะคะ บางทีก็รู้สึกว่ามันผ่านมาได้ละก็แค่เรื่องเล็กๆ แต่ถ้าเกิดมานั่งย้อนดูก็โอ้โหผ่านมาได้ไง ข้างละ 10 เซนติเมตรค่ะ ก้อนเนื้อเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตรอยู่ในเต้านมทั้งสองข้าง แผลใหญ่มาก พักฟื้น 1 เดือน แต่นั่นล่ะค่ะสุดท้ายก็ผ่านมาได้เพราะคนรอบตัว คุณแม่ครอบครัวอยู่ข้างๆ ตลอด เวลาที่เราจะเข้าไปห้องผ่าตัด หรือเวลาที่เรานอนพักฟื้นขยับตัวไม่ได้ จะลุกจะนั่งก็เจ็บทรมานมากกกกก (ลากเสียง) โอปอลรู้สึกท้อทุกวินาทีทำไมถึงเป็นหนักขนาดนี้ เราอายุเท่านี้เอง แต่คนรอบข้างคุณแม่คอยดูแลหนูตลอดเวลา 24 ชั่วโมงไม่คลาดสายตาเลย ครอบครัว เพื่อนๆ ก็ส่งกำลังใจมาให้เราขอให้เราผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ

ทุกอย่างที่เจอมาทำให้โอปอลคิดว่าคนเราอยากทำอะไรให้ทำถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีก็ไม่ต้องรอแล้ว การมาประกวดของโอปอลคนอื่นอาจจะมองว่าเร็วไป แต่โอปอลรู้สึกว่าจะไม่รอแล้วถ้าโอกาสมันเข้ามา ลองดูสักตั้งสิ แล้วสุดท้ายดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น โอปอลว่ามันคุ้มค่านะ กับการที่ตอบตกลงไปวันนั้น ถ้าเกิดวันนั้นบอกว่าไม่เอาอะ ยังเด็กอยู่ชีวิตหนูก็จะไปอีกทาง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง เพราะก่อนประกวดเป็นช่วงที่เพิ่งเรียนจบม.6 โอเคเรามีมหาวิทยาลัยที่จะเรียนต่อละ แต่เรารู้สึกว่ายัง Blank เราไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร เราแค่ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ เป้าหมายในชีวิตคืออะไร

แต่พอมาประกวด Miss Universe Thailand เป็นเหมือน light at the end of the tunnel (แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์) ของโอปอลจริงๆ เพราะตอนนั้นรู้สึกว่างเปล่ามาก ไม่รู้จะเอายังไงต่อกับชีวิต การเข้าประกวดมันเป็นอะไรที่จุดประกายเป้าหมายในชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ความฝันนี่ค่อยๆ เลือนหายเพราะเราทิ้งโอกาสอะไรหลายๆ อย่างไป”

การเข้ามาประกวด การแข่งขันสูง คุณแม่ของโอปอลโดนดราม่าไปด้วย ว่าเรื่องเยอะเข้ามาเปลี่ยนทีมลูกสาว
“คือเราก็เห็นคอมเมนต์อะไรหลายๆ อย่าง แต่เราสองคนเป็นคนที่ไม่ตอบโต้ บางทีหนูเห็นนะคะคอมเมนต์ต่อว่า ซึ่งสิ่งที่เขาต่อว่าหนูก็เอามาแก้ไข อยากพัฒนาให้เขาเห็นไปเลยเป็นการกระทำว่าเราปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นนะ

เรื่องนี้ก็เหมือนกันเรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยากไปแก้ต่างหรืออะไร แต่ตามหลักความเป็นจริงทุกการตัดสินใจมาจากโอปอลเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยความที่เราเก็บตัวกับกองประกวดค่ะ หนึ่งโทรศัพท์เราแทบไม่ได้ค่อยได้ใช้ สองเราไม่ได้ออกไปไหนเลย เพราะฉะนั้นคุณแม่ต้องคอยมาช่วย แต่คุณแม่ไม่ได้เข้ามายุ่งหรืออะไรเลย ทุกการตัดสินใจเป็นของหนูแต่ถ้าไม่มีคุณแม่หนูลำบากเลย เพราะว่าเขาคือคนที่คอยเชื่อมระหว่างหนูกับคนข้างนอกที่เราต้องติดต่อประสานทำงานด้วย อยากให้มองว่าคุณแม่คือทีมคนหนึ่ง สุดท้ายแล้วโอปอล คุณแม่ รวมถึงสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ต้องมีส่วนในการตัดสินใจร่วมกันอยู่แล้ว”

มาคราวนี้ได้รองอันดับ 3 แฟนๆ อยากได้คำตอบว่าจะมาใหม่มั้ย
“มาแน่นอนค่ะ ตอนแรกก็ถามตัวเองนะว่ารู้สึกยังไง เพราะพูดตรงๆ เรามาครั้งนี้ก็หวังมงเหมือนกัน แต่เราเห็นคนที่ได้มงปีนี้ก็สมค่ะ เราก็ไม่ติด โอปอลเชื่อมั่นใจตัวพี่แอนนา เพราะฉะนั้นเราก็เลยกลับมานั่งถามตัวเองต่อ เอายังไงต่อ คำแรกที่โอปอลเดินเข้าไปหลังเวทีกับพี่เรเน่สองคน โอปอลถามพี่เรเน่คำแรกเลยว่าเราเอายังไงต่อกันดี

แล้วพอมีเวลามานั่งคิดและชั่งน้ำหนักในใจ เรารู้สึกว่าเรายังมีฝันอยู่ ความฝันมันยังไม่หายไปจากใจเรา เพราะฉะนั้นก็วิ่งตามความฝันของเราจนกว่ามันจะเป็นจริง ตอนนี้กำลังเรียงลำดับหลายๆ อย่าง เรื่องเรียนหนูอยากคิดไตร่ตรองกันให้ดี ถ้ามันไปควบคู่กันได้เราก็ประหยัดเวลา แต่คิดว่าคงกลับมาก่อนเรียนจบค่ะ เพราะว่าหลังเรียนจบอาจจะนานไปนิดนึง เพราะอย่างที่โอปอลผ่านประสบการณ์ชีวิตมา เรารู้สึกว่าคนเราอย่ารอนานถ้าอยากจะทำตามฝัน เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทำได้ให้ลงมือทำค่ะ”

ฝากถึงแฟนด้อมที่ให้กำลังใจกันมาตลอด
“อยากจะบอกทุกคนว่าเราเห็นทุกข้อความ ไม่ได้ดูทันที ก็จะกลับมานั่งไล่ดูก่อนนอน ทุกกำลังใจที่ทุกคนส่งมาให้โอปอลเห็นหมด อยากขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวโอปอล และขอบคุณที่เชื่อมั่นว่าถึงแม้ปีนี้จะไม่ใช่ปีของเรา แต่จะมีสักปีที่มงจะลงหัวโอปอล หลังจากประกาศผลว่าโอปอลได้รอง 3 โอปอลเข้าไปอ่านข้อความ ทุกคนก็ยังไม่ไปไหน เขายังรอ อยากบอกทุกคนว่าให้อดใจรอค่ะ เดี๋ยวจะเอามงมาให้นะคะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2465066
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2465066