เปิดใจ นิว ฐิติภูมิ จากหนุ่มการแสดงสุดห่วย พยายามจนเป็นพระเอกดังที่จีน


ให้คะแนน


แชร์

ขึ้นแท่นเป็นพระเอกสุดฮอตที่มีผลงานการแสดงมาแล้วนับไม่ถ้วน สำหรับ นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ ที่ค่อยๆ เติบโตฉายออร่าในหลายบทบาทการแสดง เป็นขวัญใจแฟนคลับคู่จิ้นสายวายเกือบทั่วโลก

และล่าสุดกับซีรีส์สุดโรแมนติกเรื่อง อุ่นไอในใจเธอ Put Your Head On My Shoulder ที่เคยโด่งดังมาแล้วในจีนรวมทั้งในเมืองไทย แจ้งเกิดคู่พระนาง หลินอี และ ซิงเฟย ซึ่งในฉบับรีเมกเวอร์ชันไทยนี้ นิว รับบทเป็น ภูผา หนุ่มวิศวะสุดจีเนียสที่เสน่ห์ของเขาจะขยี้ใจให้สาวๆ ฟินกันจนละลาย 

ก็ยิ่งทำให้ นิว ฐิติภูมิ ดังเป็นพลุแตก ขึ้นแท่นเป็นหนุ่มฮอตทันที เพราะมียอดฟอลโลว์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน Weibo แถมยังติด Top 10 นักแสดงไทยที่มีผู้ติดตามสูงสุดอีกด้วย ล่าสุด นิว ได้เปิดใจกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ เจ้าตัวได้เล่าถึงการทำงานว่า

เล่นซีรีส์รีเมกครั้งแรก 

“เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของ นิว เลยที่ได้เล่นรีเมกของทางจีนครับ รู้สึกตื่นเต้น ได้ยินว่าเรื่อง Put Your Head On My Shoulder นี้เขาประสบความสำเร็จในจีน พระเอกเขาดังมาก ดังจนผมรู้จัก เขาชื่อ หลินอี เขาดังมากในเอเชีย รู้สึกดีใจที่ได้มาเล่นรีเมกในเรื่องนี้

ถามว่าเกร็งมั้ย จริงๆ ก็มีนิดนึงครับ เขาประสบความสำเร็จมาก พอมาเป็นเวอร์ชันไทยก็อาจจะมีความคาดหวังของแฟนๆ ที่เคยติดตาม Put Your Head On My Shoulder ในเวอร์ชันจีนมาแล้วครับ คิดว่าเขาคงมีความคาดหวังครับ เราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำให้เต็มที่ที่สุดครับ”

“ตอนแรกผมยังไม่เคยดูซีรีส์เรื่องนี้เลย แต่พอรู้ว่าตัวเองต้องมาเล่น เลยรู้สึกว่าต้องไปดู ไปทำการบ้านมาหน่อยครับ แต่ผู้กำกับเขาก็บอกนะครับว่าเราอย่าเพิ่งไปดูเยอะ เดี๋ยวเราจะติดมา แต่เรารู้สึกว่าเราเอาบทมาดูแล้วตีความกับบท และแสดงให้เข้ากับบริบทของไทยดีกว่า

ผมก็จะมีผู้กำกับคือพี่โอ๊ต เราคุยกันปรึกษากันตลอดว่าบทแบบนี้ดีมั้ย คิดแบบนี้ถูกมั้ย คือให้เป็นตัวภูผาคือภูผาเลย ไม่ใช่ไปเอาตัวละครในเวอร์ชันจีนมา เราก็ตีความแบบใหม่ไปครับ”

“การทำงานในกองถ่ายสนุกครับ รื่นเริง เฮฮาในกองกันตลอดเวลา แต่ทุกคนจะพูดกันทีเดียวฟังครับ ตั้งใจทำงานกันมาก แต่พอนอกเวลางานก็จะเฮฮากันทั้งกอง”

งานละเอียดแคสติ้งตัวละครนานมาก

“มีการแคสติ้งครับ วันนั้นมีการแคสติ้งหลายคนเลยครับ วันนั้นผมแคสต์นานเลยครับ หลายชั่วโมงเหมือนกัน เพราะปกติผมจะแคสต์แค่ชั่วโมงเดียว แต่วันนั้นประมาณ 6 ชม. เพราะต้องลองเข้าบทกับคนอื่นด้วยว่าเคมีเราไปกันได้มั้ย ผมว่าเป็นการแคสต์ที่ละเอียดมากครับ 

แต่ตอนนั้นยังไม่ได้นะ เขาวางไว้ก่อนว่าถ้าเอาเราแล้วพอไปเข้าบทกับคนนี้ เคมีจะเข้ากันได้มั้ย หรือว่าถ้าเกิดเป็นอีกคน เคมีจะได้มั้ย ผู้จัดทางจีนเขาละเอียดมากครับและตั้งใจทำงานมาก และทางผู้กำกับก็ละเอียดอยู่แล้ว พอรวมกันงานเลยละเอียดมากครับ ถามว่ากดดันมั้ย ผมพูดกับเขาคำเดียวว่าไว้ใจได้ครับ”

อยากให้เปิดใจกับเวอร์ชันไทย

“ก็จริงๆ คาดหวังว่า แฟนๆ ที่เป็นแฟนซีรีส์เรื่องนี้ ได้เปิดในลองมาดูในเวอร์ชันไทยกันดูบ้างว่าเป็นยังไง อาจจะแปลกตาไปไหน เพราะเป็นคนไทยเล่นด้วย สถานที่ถ่ายทำก็ในประเทศไทย

อีกอย่างชาวจีนก็ชอบดูซีรีส์ไทยอยู่แล้วด้วย อยากให้เปิดใจลองมาดูว่าในเวอร์ชันไทยเป็นยังไง และสำหรับใครที่ไม่เคยดูในเวอร์ชันจีนมาก่อนเลย ก็ดูในเวอร์ชันไทยได้ครับ แต่ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยดูในเวอร์ชันจีนมาอยู่แล้วครับ

ถามว่าฉากไหนที่ยากเหรอครับ ก็ไม่แน่ใจนะ แต่ถ้าถามว่าฉากที่ประทับใจจะเป็นฉากลอยกระทงครับ คือเป็นซีนใหญ่ที่เราทำเต็มที่ มีกระทงจริง โคมไฟจริงๆ มีเรียกแฟนๆ มาร่วมลอยกระทงกันจริงๆ ด้วย วันนั้นเลยได้ลอยกระทงร่วมกันจริงๆ ประทับใจครับ

บอกเลยว่าเรื่องนี้ทั้งผู้จัดและผู้กำกับทุ่มทุนเต็มที่ครับ เพราะเขามีมาตรฐานของเขา และยอมรับเลยว่าเขาทำงานกันละเอียดมาก”

เหมือนโกอินเตอร์ไปอีกก้าวของชีวิต

“ผมจะเคยดูละครจีนตอนเด็กๆ แต่พอโตมายังไม่ค่อยได้มีโอกาสดูครับ แต่เคยเห็นเรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่โด่งดังมากๆ ครับ เลยลองดูว่าเขาดูอะไรกัน แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้มานั่งดูแบบจริงจังสักทีครับ”

“ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เล่นซีรีส์รีเมกเรื่องนี้ครับ เป็นโอกาสที่ดีที่เราได้มาเล่นในซีรีส์จีนแบบนี้ เพราะว่าผมมองว่าเป็นอีกโอกาสที่เราได้พัฒนาตัวเองไปอีกก้าวหนึ่งเลยครับ เหมือนเราได้โกอินเตอร์ไปอีกก้าวเลยก็ว่าได้ครับ ทางต้นสังกัดของซีรีส์เรื่องนี้เอง เขาก็ได้ลงทุนในหลายประเทศ และเขาจะเอาไปออนแอร์พร้อมๆ กันเลยในหลายประเทศครับ”

“ถามว่าคาดหวังมั้ย ผมก็คาดหวังว่าแฟนๆ จะชอบแหละ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เราก็มองว่าเหมือนเป็นอีกหนึ่งงานที่เราตั้งใจทำ เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ให้เราครับ”

ตั้งใจทำเต็มที่เพื่อแฟนคลับ

“แฟนๆ เขาก็ฟีดแบ็กว่าดีใจ เพราะเป็นแฟนคลับซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้ว และเขาก็บอกให้เราทำให้เต็มที่นะ ผมก็เลยทำเต็มที่เลยครับ ถ้าใครเคยดู Put Your Head On My Shoulder มาแล้ว อยากให้ลองเปิดใจดูเวอร์ชันไทยดูนะครับ ผมว่าสนุกเหมือนกัน

นิว ฝากซีรีส์เรื่องนี้ด้วยนะครับ “Put Your Head On My Shoulder อุ่นไอในใจเธอ” ออนแอร์ทุกวันอาทิตย์ – วันพุธ ดูกันให้ตาแฉะไปเลยครับ (ยิ้ม) เวลา 19.00 น. ดูได้ทาง WeTV นะครับ”

จากเด็กวิศวะเข้าสู่วงการบันเทิง

“ตอนนั้น นิว เป็นนิสิตอยู่คณะวิศวกรรมครับ ตอนนั้นเรียน ปี 1 วิชาเรียนมันก็เยอะครับ แต่เป็นวิชาพื้นฐาน และผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไร (หัวเราะ) ก็เลยไปหาเวลาทำงาน แล้วจับพลัดจับผลูได้เข้ามาอยู่ใน GMM TV ครับ เริ่มมาเป็นพิธีกรรายการ Five Live Fresh ตอนนั้นจะมีพิธีกรคือ ออฟ จุมพล, เต ตะวัน, นิว ฐิติภูมิ, กันต์ กรวิชญ์, กิ๊กกี้ ปริยวิศว์, หมอบอนด์ ธีรธัช ครับ เป็นพิธีกรชุดที่ 4 ของรายการครับ

จากนั้นได้ฉลอง 13 ปี Five Live แล้วก็ปิดตัวลง ก็ดีใจครับ ให้มันจบที่รุ่นเรา (หัวเราะ) พอจบปุ๊บ ผมก็เริ่มผันตัวมาเป็นนักแสดง เพราะว่าพิธีกรเริ่มมีช่องทางให้เราทำน้อยลงแล้ว และเรายังไม่แข็งด้วย ก็เลยลองผันตัวมาทางนักแสดงดูครับ 

ตอนนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ เพราะเราเรียนมาทางวิศวะ ก็ค่อยๆ เรียนรู้จากผู้กำกับ พอจะเดินได้ครับ มีล้มบ้างแต่ก็ไม่เป็นอะไร ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ครับ 

ละครเรื่องแรกคือเรื่อง Room Alone ครับ แต่ยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร เพราะตอนเด็กๆ เคยดูละครแต่แบบคุณพี่คะๆ แล้วตบกันทั้งฉาก คือภาพในหัวเราคือละครไทยเป็นแบบนี้ แล้วเราก็เล่นตามไง จนผมรู้สึกว่าละครพวกนี้มันเล่นตามไม่ได้ เราต้องเข้าใจจริงๆ ทุกอย่างมันต้องเชื่อ ทุกอย่างต้องเข้าไปอยู่ในนั้นจริงๆ 

บางทีเราดู เราไม่รู้เขาเล่นกันยังไง เราไปเล่นตาม มันก็ไม่ใช่ครับ ที่ผ่านมาเขาเล่นกันอีกแบบ เราเลยปรับตัวครับ กว่าจะเข้าใจก็ใช้เวลาประมาณ 5 ปีครับ”

เข้าแกรมมี่เพราะอยากเล่น MV

“ตอนนั้นที่เรียนอยู่วิศวะใช่มั้ยครับ เลยคิดว่าลองมาสมัครที่แกรมมี่ ว่าอาจจะได้ไปเล่น MV แล้วเอาไปอวดเพื่อน คิดแค่นั้นเลย สรุปคือได้เล่น MV เพลงแรกเลยของพี่โรส ศิรินทิพย์ เพลง ประโยคบอกเลิก ครับ มีพี่กู่ เอกสิทธิ์ เป็นผู้กำกับครับ

พอเล่นเสร็จ พี่กู่ ก็ถามผมเลยว่า เราเล่นเนี่ย อยากไปเรียนแอ็กติ้งบ้างมั้ย ผมก็ถามกลับไปว่าผมเล่นไม่ดีเหรอครับ พี่เขาก็บอกว่า อย่าเรียกว่าเล่นไม่ดีเลย เรียกว่า เล่นไม่ได้เลยดีกว่าลูกเอ๊ย (หัวเราะ) มันเหมือนแบบเราไม่รู้เรื่องเลย”

“แต่จากนั้นหลังจากเรื่อง Room Alone ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ครับ Ugly Duckling รักนะเป็ดโง่, Kiss the Series รักต้องจูบ, Kiss Me Again จูบให้ได้ถ้านายแน่จริง, Dark Blue Kiss จูบสุดท้ายเพื่อนายคนเดียว จนมาเรื่อยๆ ล่าสุดเล่นกับพี่แพนเค้ก เขมนิจ เรื่อง i need romance 3 รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ ครับ แล้วก็ละครช่อง one เหมือนเราได้โตขึ้นเรื่อยๆ เรื่อง วานวาสนา และล่าสุดที่กำลังจะออนแอร์เรื่อง อุ่นไอในใจเธอ Put Your Head On My Shoulder ครับ”

“จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมเข้ามาในวงการบันเทิงประมาณ 8 ปีแล้วครับ ตอนที่เป็นพิธีกรรายการ Five Live Fresh ตอนนั้นอายุ 22 ปี มีเงินเดือนเดือนแรกดีใจมากครับ ที่เราสามารถหาเงินเองได้ สมใจเราแล้วที่อยากหางานทำตอนเราเรียน”

พูดตรงเกินไปจนเป็นข้อเสียของตัวเอง

“ผมก็เป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง จริงๆ ผมเหมือนจะเล่นๆ แต่มีมุมจริงจังบ้าง คือผมเป็นคนไม่อยากเครียด พยายามทำให้บรรยากาศมันดูรีแลกซ์ครับ ถ้าทำงานอาจจะซีเรียสหน่อย แต่ถ้าเล่นกับเพื่อนก็จะสนุกสนานครับ”

“ถามว่าปรับตัวยังไง พอมีชื่อเสียงแล้ว จริงๆ นิว ไม่ได้ปรับตัวอะไรมากนะครับ อาจจะมีบางเรื่องที่พูดแล้วดูรุนแรงเกินไป แต่ก็จะพยายามข่มตัวเองว่าไม่ให้พูด แต่ส่วนมากพูดออกมาหมดครับ

ผมเป็นคนที่คิดแล้วพูด เรียกว่าเป็นข้อเสียมั้ย ผมว่าเสียนะ แต่มันอาจจะดีกับคนอื่นที่เราพูดออกไปเลย ก็เหมือนเราเป็นคนพูดตรงๆ เลยก็ว่าได้ครับ คิดอะไรแล้วรู้สึกว่าอยากพูดก็พูดเลยครับ ไม่รอ แล้วจังหวะมันก็จะไม่ค่อยได้ ถามว่าโดนเตือนมั้ย โดนตลอด โดนทุกวันครับ (หัวเราะ)”

“การเป็นคนดังมีชื่อเสียงเปลี่ยนชีวิตยังไง ผมว่าก็มีเปลี่ยนมากนิดนึงในเรื่องการใช้ชีวิต แต่ถ้าการพูดการจาผมก็พยายามมองให้รอบด้านมากขึ้นว่าจะมีใครเสียใจมั้ย เพราะว่าผมพูดไปแล้วมันเป็นสื่อทั่วโลก ถ้าได้ฟังไปแล้วเขาจะคิดมากรึเปล่า

ถ้าพูดไปแล้วเขาคิดมากเราก็ไม่พูดดีกว่า มันไม่คุ้มหรอกถ้าเราพูดออกไป ก็จะคิดมากขึ้นในตรงนี้ ส่วนการปฏิบัติตัว ผมก็ยังทำปกตินะ มีขึ้นรถไฟฟ้าบ้าง เดินไปโน่นไปนี่บ้าง ค่อนข้างจะเหมือนเดิมครับ”

ถ้าช่วงไหนเจอเรื่องดราม่าเยอะ ผมก็จะเล่นเกมครับ (หัวเราะ) คือผมเป็นคนที่ไม่ชอบเครียด รู้ตัวเลยว่าถ้าตัวเองเครียด ก็จะคิดเรื่องนั้นวนซ้ำไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดไม่ทำอะไรสักอย่าง ปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉยๆ ก็จะนั่งคิดไปเรื่อยๆ ผมก็จะไปนั่งเล่นเกม ทำสิ่งที่เราชอบ มันจะทำให้เราไม่ได้คิดเรื่องนั้น หายเครียดไปได้สักระยะหนึ่ง (หัวเราะ)”

พ่อแม่ให้อิสระใช้ชีวิตเต็มที่

“เขาเหมือนค่อนข้างไว้ใจครับ ตั้งแต่ผมเรียนมัธยมแล้ว ผมเป็นคนที่แบบไม่ได้เป็นเด็กเรียนมากขนาดนั้น มีเล่นเกมจนดึกยันเช้าบ้าง เขาก็จะบอกว่าอ่านหนังสือบ้าง เดี๋ยวสอบไม่ได้หรอก แต่พอเขาเห็นว่า เราก็เล่นบ้าง และการเรียนเอาอยู่ พอขึ้น ปี 1 ก็มาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวด้วย 

เขาก็เห็นว่าเราน่าจะไว้ใจได้ เพราะตอน ม.ปลาย เรารับผิดชอบตัวเราเองได้ เขาก็คงคิดมาดีแล้วว่าเรารับผิดชอบตัวเองได้ จนผมเรียนจบครับ”

“ผมเกิดที่กรุงเทพฯ แล้วย้ายไปอยู่ภาคใต้ จากนั้นก็มาอยู่หาดใหญ่ และพอเข้าเรียนปี 1 ก็มาเรียนที่จุฬาฯ ครับ แล้วก็เรียนต่อ ป.โท ที่จุฬาฯ ด้วยเหมือนกัน คือผมอยู่คนเดียวที่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่ ปี 1 แต่พ่อแม่เขาก็ไว้ใจเรา

ถามว่าพ่อกับแม่เลี้ยงผมมายังไงเหรอครับ พ่อแม่เขาค่อนข้างที่ไม่ได้เข้มงวดกับชีวิตเรามาก ถ้าเราอยากทำอะไร ก็แค่ไปขอเขาและคุยกันว่าเราทำอันนี้ได้มั้ย บางอันเขาก็บอกว่ามันไม่ดีนะ ส่วนมากเราจะฟังดู แล้วเอาเหตุผลต่างๆ มารวมกัน แต่บางอันเราก็จะมีเหตุผลไปบอกเขาว่าเราชอบแบบนี้มากกว่า เขาก็จะยอมครับ 

คือพ่อแม่เขาไม่ได้เคร่งมาก เขาให้เรามีอิสระในการใช้ชีวิต คือผมชอบนะ ตอนที่เราจะขึ้น ปี 1 พ่อเขาก็มีให้เราเลือกอยู่ 2 อย่างคือ หมอกับวิศวะ แต่ผมไม่ชอบหมอ เพราะว่าผมไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ถ้าเป็นทางวิศวะก็เป็นสายทางคณิตศาสตร์ที่เราถนัดอยู่แล้ว ก็เลยเลือกวิศวะดีกว่า แต่ว่าตอนแรกที่ชอบเลยคือชอบบัญชี อยากเรียนไฟแนนซ์แต่มองว่า เราค่อยมาเรียน ป.โท ก็ได้” 

“ถ้าถามว่า พ่อแม่ภูมิใจในตัว นิว มากขนาดไหน เอาจริงๆ ไม่เคยถามนะครับ แต่คิดว่าเขาคงดีใจกับเราแหละ ว่าเราก็พัฒนาตัวเองไปได้เรื่อยๆ เรื่องการเรียนเราก็ไม่ขาดตกบกพร่อง ถ้าเกิดเราจะไปทางสายวิชาชีพที่เรียนมา ผมว่าน่าจะกลับไปทำได้ ไม่ได้มีอะไรที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่เราตั้งไว้ครับ”

“ถามว่าไม่มีเลือกเรียนเกี่ยวนิเทศเลยเหรอ คือไม่มีเลย ชีวิตผมไม่ได้สนใจด้านการแสดงเลย พูดตรงๆ เลย ผมไม่รู้ว่านิเทศศาสตร์เขาเรียนอะไรกัน เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรเท่าไร (ยิ้ม) เหมือนประมาณว่า ถูกปลูกฝังมาว่า อาชีพที่มั่นคงก็จะเป็นหมอนะ แต่ถ้าเป็นวิศวะก็จะหางานง่ายหน่อย”

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด 8 ปี 

“ขอบคุณทุกคนนะครับที่ติดตาม นิว มาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามา ก็ยินดีที่เข้ามานะครับ ก็เดี๋ยวเรียนรู้กันไปนะครับว่า นิว เป็นในแบบที่คุณชอบรึเปล่าหรือว่าเป็นยังไง บางคนอาจมาเห็นเราในแบบนี้แล้วอาจไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร ลองเข้ามาเรียนรู้ครับ 

สำหรับใครที่ติดตามมาตั้งแต่แรก แล้ว ณ ตอนนี้ยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ขอบคุณมากเลยนะครับ ทุกคนเป็นหนึ่งในกำลังใจให้ นิว จริงๆ นิว ขอบคุณทุกคนมากครับ (ยิ้ม) หวังว่าจะติดตามกันต่อไป เพราะ นิว ก็มีผลงานดีๆ ตั้งใจทำผลงานออกมาเรื่อยๆ ให้ทุกคนได้ติดตามต่อไปครับ”.

ผู้เขียน : โอ้ว…ซาร่า

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

ภาพประกอบจากอินสตาแกรม : newwiee

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2216937
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2216937