“ท็อป จรณ” เผยสถานะโสด โอดครวญไม่ใช่สเปกของสาวๆ


ให้คะแนน


แชร์

ท็อป เผยว่า “หมดได้สักพักหนึ่งแล้วครับ ไม่นาน ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะเราอยากจะหาประสบการณ์เพิ่มเติม เหมือนเราอยู่ช่อง 3 มา 10 ปีแล้ว ก็อยากจะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ หาประสบการณ์เพิ่มเติมให้ตัวเอง คือผมรู้สึกว่ายังอยากที่จะพัฒนาทางด้านการแสดง แล้วก็ประสบการณ์อื่นๆอีก อย่างเช่นเรื่องนี้ ด้ายดิบ ก็อยากจะกลับมาฟิตอีกครั้ง พอมันต้องเป็นแอ็กชันหนักขนาดนี้ ก็เหมือนว่าเราได้พัฒนาในอีกด้านหนึ่ง ได้เรียนรู้ศิลปะมวยทั้ง 4 แขนง ซึ่งเราเคยเรียนมวยไชยามา แต่อีก 3 สายนี่เราไม่เคยเรียนเลย ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ที่มันจะพัฒนากับตัวเองไปเรื่อยๆ”

ตอนใกล้หมดสัญญาก็มีปรึกษาทางผู้ใหญ่มั้ย?

“ก็คุยครับ แต่เราก็คุยกันแบบเข้าใจนะครับ หมายถึงว่าตอนนั้นมันเป็นช่วงโควิดพอดี ก็เลยไม่ได้เข้าไปคุย แต่ก็มีการพูดคุยทางออนไลน์ครับ”

มีค่ายอื่นมาทาบทามมั้ย?

“คือผมไม่ได้บอกใครนะครับว่าตัวเองหมด เพราะผมรู้สึกว่าเราเองก็ยังทำงานให้กับช่อง 3 อยู่ ยังมีละครอยู่ ยังถ่ายเรื่องปมเสน่หาอยู่ ยังมีละครออนอยู่ ผมไม่ได้ว่าเราต้องไปบอกคนอื่นว่าเราหมดแล้วนะ คือจริงๆผมมองว่าการเป็นอิสระไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ไปร่วมงานกับช่อง 3 คือผมเองยังอยากทำงานกับช่องอยู่นะ แต่ก็อยากจะเปิดโอกาสให้ตัวเอง สมมติว่ามีเรื่องอื่น หรือเป็นซีรีส์ออนไลน์ หรือว่าช่องอื่นๆเสนองานมาให้ผม ผมก็ยินดีที่จะพิจารณารับเล่น”

ข่าวว่ามีผู้ใหญ่ช่องหนึ่งนัดกินข้าวแบบส่วนตัว พร้อมอัปเงินค่าตัวให้?

“ยังไม่ได้นัดกินข้าว ยังไม่ได้คุยกับใครเลยครับ ถ้ามีก็มีที่นี่ครับ ที่ได้คุยกัน แล้วก็ได้มองเห็นถึงวิสัยทัศน์ของคุณเอ็ม-อภิชาติ บุษยลักษณ์ ผู้อำนวยการสร้าง แล้วก็ความตั้งใจที่อยากจะสร้างซีรีส์แอ็กชัน แล้วก็ดึงเอาศิลปะการต่อสู้ให้เป็นสิ่งที่อยากจะบอกเล่าให้กับทั้งโลก ทีมเขามีวิสัยทัศน์ที่ดี แล้วก็ความตั้งใจที่ดี แล้วอีกอย่างก็คือเราได้ร่วมงานกับทีมที่ทำแอ็กชันระดับฮอลลีวูด ทีมกำกับคิวบู๊ และทีมถ่ายแอ็กชัน เป็นระดับที่ฮอลลีวูดก็ต้องมาจ้าง เราเลยรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมพัฒนาทางด้านการแสดงขึ้นไปอีก ผมมองว่ามันเป็นการท้าทายสำหรับตัวเรา เราจะทำได้ดีแค่ไหน ส่วนเรื่องค่าตัวเนี่ย ผมเรียนอย่างนี้ว่ามันเป็นเรื่องของดีเทลในการทำงาน บางงานอาจจะไม่เท่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางผู้ใหญ่เมตตาเราแค่ไหน เห็นว่ามันเหมาะสมไหม คือผมเป็นเด็ก เราก็มีเกณฑ์ มีมาตรฐานของเราในการรับงานอยู่แล้ว เมตตามากผมก็ยินดีนะครับ (หัวเราะ)”

มีเรื่องอื่นติดต่อเข้ามามั้ย?

“มีครับ ก็มีอีกหลายเรื่องครับ ช่องอื่นๆ ก็มี แต่เรื่องนี้ด้วยความที่ผมชอบเล่นแอ็กชันด้วย แล้วเรามองว่าคุณเอ็มก็เหมือนผู้จัดที่วางว่าเรื่องนี้มันน่าจะไปสู่ระดับโลกได้ หรือระดับเอเชียก็แล้ว แต่ ผมมองตรงนี้มากกว่า ว่าพี่เค้ามีวิสัยทัศน์ที่กล้าลงทุนสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะนำศิลปะการต่อสู้ไทยไปเผยแพร่ คือผมมองตรงนี้มากกว่า แล้วเขาก็จริงจัง เอาครูมวยแต่ละสายมาเลย มาฝึกให้กับเรา เพราะฉะนั้น เขาก็เต็มที่ เราก็อยากจะเต็มที่กับเค้าด้วย”

เหมือนได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ?

“ก็ตื่นเต้นมากครับ ในการร่วมงานกับทีมงานใหม่ๆ เราก็เชื่อว่าจากประสบการณ์การร่วมงานกับทีมงานที่เราเคยทำมา เป็นเหมือนพื้นฐานที่จะทำให้เราสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือพอเรามาเป็นอิสระแล้ว มันต้องผลักดันตัวเองมากขึ้น ต้องขยัน ต้องพัฒนามากขึ้นครับ”

ถ้าช่องอื่นทาบทามสนใจมั้ย?

“สนใจครับ ผมบอกตรงนี้เลย คือผมยินดีเต็มที่เลยครับที่จะร่วมงานกับทุกๆค่าย”

ถ้าเขาชวนเซ็นสัญญาเราเอามั้ย?

“ก็ต้องมาคุยกันอีกทีหนึ่ง ในแง่ของรายละเอียด การคุยกันเรื่องการทำงาน”

ตอนนี้นักแสดงอิสระก็มีเยอะ หวั่นงานจะไม่ต่อเนื่องมั้ย?

“ก็กังวลนะ ตอนแรกก็ค่อนข้างคิดหนักมากเหมือนกัน เพราะว่าเราอยู่ช่องมานานมาก แล้วเราก็รู้สึกว่ามันเหมือนเซฟโซนของเรา แต่ว่าในเมื่อเรารู้สึกว่าเราอยากจะพัฒนาตัวเอง คือผมรู้สึกว่าเรามีทางเลือกเยอะแยะเต็มไปหมดในการเสพคอนเทนต์ ณ ปัจจุบัน เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่เราอยากจะพัฒนาตัวเอง ในรูปแบบของบทบาทก็ตาม ฝีมือก็ตาม หรือการเล่นแอ็กชัน ผมก็อยากทำอะไรใหม่ๆครับ”

แล้วสถานะหัวใจโสดมั้ย?

“โสดครับ”

ยังไม่พร้อมมีความรักใหม่?

“ไม่เกี่ยวหรอกครับ คือมีเรื่องให้ต้องโฟกัสมากกว่า เรามีความสุขกับการที่จะต้องมาทำงานใหม่ๆ แล้วตอนนี้ผมแฮปปี้ดี ไม่ได้คิดอะไรๆ”

ตอนเรามีความรัก เราเป็นคนคลั่งรักคนนึงนะ?

“ครับ เป็นคนคลั่งรักครับ (หัวเราะ) แซวซะเขินเลย ก็จะพูดว่าไงดี มันก็ไม่ได้คิดมากว่าจะต้องมีหรือจะต้องไม่มี เพียงแต่ว่า ณ วันนี้เราก็ผ่านอะไรต่างๆมาเยอะประมาณหนึ่ง แล้วก็มองเห็นสิ่งที่เราควรจะทำมากขึ้น เพราะก็โตขึ้นในระดับหนึ่ง มันก็เลยทำให้ชีวิตเดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมากังวลกับเรื่องนี้”

เราไม่อยากหาที่ปรึกษาเป็นที่พักใจ?

“ผมสวดมนต์ นั่งสมาธิครับ เครียดก็สวดมนต์ ก็สบายใจดี คุยกับพระ พระก็ไม่ตอบ ก็บ่นกับพระไปไม่เป็นไร”

ไม่มีใครเข้ามาขายขนมจีบเลยเหรอ?

“คือผมว่าผมไม่ใช่สเปกสาวๆสมัยนี้ ผมรู้สึกว่าอย่างงั้นนะ ส่วนใหญ่จะมีแต่ LGBT มาทักๆ บ้าง อาจจะด้วยความที่ผมอาจจะดูนิ่งๆหรือเปล่า แล้วก็ไม่ได้เป็นสายแฟชั่นจ๋า เดี๋ยวนี้เค้าจะต้องเกาหลี ผมก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่มี”

เราปิดกั้นรึเปล่า?

“มันอยู่ที่จังหวะเวลาและคนที่เข้ามา ก็พยายามไม่ขวนขวาย”

แสดงว่าก็อยากมี?

“มันก็มี แหม คนเรา มันก็ต้องมีเป็นช่วงเวลา เป็นบางเวลา”

แต่คนรอบตัวเราก็มีกันหมดเลย?

“เพื่อนๆก็มีครับ ทั้งนอกและในวงการ เขาก็มีของเขาเราก็อาศัยไปเกาะเขาเอา ก็รู้สึกดี ไปไหนเดี๋ยวไปด้วยนะ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ทำงานเยอะไง คือในช่วงเวลานี้เราก็ต้องทุ่มเท เพราะแอ็กชันหนัก เราก็ทั้งซ้อมมวย ทั้งเตรียมร่างกายตัวเอง อีกเรื่องหนึ่งก็ยังถ่ายอยู่ครับ ก็รู้สึกว่าแค่นี้มันก็เหนื่อยแล้ว”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2227422
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2227422