จิ้งหรีดขาว เผยนาทีบีบหัวใจ สูญเสียแม่ช่วงโควิด ยังทำใจไม่ได้ หวั่นเป็นซึมเศร้า


ให้คะแนน


แชร์

จิ้งหรีดขาว เผยนาทีบีบหัวใจ แม่เสียช่วงโควิด รับยังทำใจไม่ได้ หวั่นเป็นโรคซึมเศร้า รุ่ง สุริยา เล่าความหลอนประสบการณ์เจอผี

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

นางเอกลิเกชื่อดัง จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เปิดเผยชีวิตหลังสูญเสียคุณแม่ที่ตนเองนั้นเศร้าหนักมาก หวั่นเป็นโรคซึมเศร้า พร้อมควงคู่หูนักร้องลูกทุ่งรุ่นพี่ รุ่ง สุริยา มาเผยความสนิทขั้นสุดจากการเป็นคอมเมนเตเตอร์ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ทั้งคู่เป็นศิลปินที่โด่งดังมาก แต่ที่ทำให้คนรู้จักมากคือ การทำหน้าที่คอมเมนเตเตอร์ในรายการ ศึกวันดวลเพลง ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกันมาก่อนไหม? จิ้งหรีดขาว : “ไม่เคย แค่เราเจอตามงานร้องเพลง ตอนเข้าห้องอัดเจอกัน เข้าไล่ๆ กัน”

เพลงของใครเป็นที่รู้จักก่อน? รุ่ง : “เพลงของผมมาก่อน แล้วก็เป็นของน้องหรีดครับ”
จิ้งหรีดขาว : “ตอนเจอกันในห้องอัดก็ได้พูดคุยกันนิดหน่อย แล้วหลังๆ มาเจอกันตามคอนเสิร์ต”
รุ่ง : “แล้วเคยแสดงภาพยนตร์ด้วย”
จิ้งหรีดขาว : “สักพักแล้วประมาณ 10 ปี”
รุ่ง : “มนต์เพลงลูกทุ่ง FM รวมศิลปินนักร้องเยอะแยะเลย ก็ได้ไปเจอกัน”

ตอนนั้นสนิทไหม? รุ่ง : “เจอกันตามงานคอนเสิร์ตประมาณหนึ่ง ก็มองเราไม่ค่อยกล้าคุยอะไรเท่าไหร่”

ที่สนิทกันจริงๆ เพราะมาเป็นคอมเมนเตเตอร์คู่กัน? รุ่ง : “ครับ”

จริงหรือเปล่า ตอนเจอแรกๆ แอบเกร็งซึ่งกันและกัน? จิ้งหรีดขาว : “ไม่เกร็ง”
รุ่ง : “พอรู้ว่าคอมเมนเตเตอร์มีใครบ้าง มีครูสลา แล้วต้องเจอกับน้องจิ้งหรีดขาว เราโอ้โห…น้องจิ้งหรีดขาว นางเอกลิเกร้อยล้าน นางเอกลิเกเบอร์หนึ่ง แต่เวลาเราเจอเขาเนี่ย เขาจะนิ่งๆ จะบอกเชือดก็ไม่ใช่ เขาจะนิ่งไม่ค่อยพูด”
จิ้งหรีดขาว : “ถ้าไม่สนิทจะไม่พูดคุยจะนิ่งเลย”
รุ่ง : “เอ๊ะ…เราจะทำงานยังไง ก็ดูเชิงกันก่อน ช่วงแรกๆ ก็มีอาการเกร็งๆ”

เห็นบอกว่าสนิทกันได้เพราะเรื่องห้องน้ำ? จิ้งหรีดขาว : “ไปสนิทกันที่ห้องน้ำจริงๆ คือพอเราทำงานด้วยกัน มันก็เริ่มคุ้นเคยกัน เวลาเขาคัต เราถามพี่ไปไหม ถ้าน้องไปพี่ก็ไป”

ห้องน้ำมีห้องเดียว? รุ่ง : “ห้องน้ำห้องรวม พอเข้าพร้อมกันก็ต้องกลับมาเข้าคอมเมนต์เหมือนเดิม บางครั้งผมรู้สึกว่าเกรงใจ เข้ากับน้องมันอึดอัดไง บางครั้งเราต้องหนักไง ก็เลยคุยกันตรงๆ หรีด ไม่ไหวแล้วนะ ขออนุญาตได้ไหม”
จิ้งหรีดขาว : “เต็มที่เลยพี่ มาทั้งลมทั้งฝนเลย แล้วสักพักบอกพี่ หนูก็ไม่เกรงใจแล้วนะจนสนิทกัน”

เคยมีปัญหาทะเลาะกันบ้างไหม? จิ้งหรีดขาว : “มีสิคะ เราเป็นคนที่คอมเมนต์ก่อน พี่รุ่งตาม พูดคนละเรื่อง”

มันทำให้เราเสียหน้าไหม? จิ้งหรีดขาว : “คือไม่ได้เสียหน้า เราโกรธเขาทำไมไม่ฟังน้องก่อน”
รุ่ง : “แว้ดใส่เลย เสียงมาเลยครับ ที่จริงผมมัวไปเขียนคอมเมนต์ไปเขียนอะไรอย่างนี้ ผมไม่ได้ฟังเขา ผมต่อเขาแล้วก็ครูสลา ผมก็บอกว่าเนี่ยใช้ไม่ได้เลย แต่เขาบอกว่าดีมาก”
จิ้งหรีดขาว : “แต่จริงๆ มันสามารถต่างความคิดได้ แต่แอบแกล้งเขาไง ทำไมไม่คิดตามหนู คนดูเขาจะดูเลยว่าทำไมมึงคอมเมนต์ไม่เหมือนกัน”
รุ่ง : “เราตกใจ เราเห็นนางเอกแว้ดมาเราตกใจ”
จิ้งหรีดขาว : “อันนี้เป็นตัวพี่จิ้งหรีดจริงๆ จะเห็นภาคมารของพี่”

พี่รุ่งเป็นสายนอยด์เหรอ? รุ่ง : “น้องเขาจะรู้ว่าพี่รุ่งจะจริงจัง เวลาคอมเมนต์จะเอาวิชาการบ้างอะไรบ้าง พอเสร็จงานปุ๊บนี่กริ๊งไปละ”
จิ้งหรีดขาว : “ต่างคนต่างขึ้นรถ ยังไม่ทันถึงบ้าน พี่ชายโทรมาแล้ว เฮ้ย…หรีดพี่ว่าอย่างนี้อย่างนั้น พี่มันจบไปแล้ว สิ่งที่เราทำ เราทำถูกแล้ว เราอยู่ข้างหน้า เรารู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก พี่อย่าคิด อย่าเอาไปนอนคิด แต่ก็ไม่เคยเชื่อ ไปนอนคิดอีก”
รุ่ง : “เป็นตลอด คือพี่เป็นสายประกวดมา มันจะมีความละเอียดอ่อนตรงนี้ เราก็เต็มที่ไปแล้ว พอพูดไปอย่างนี้มันถูกไหมอะไรไหม ก็ปรึกษาน้องไง น้องก็บอกว่ามันจบแล้วพี่ นอนเหอะ ซึ่งทุกวันนี้ก็ดีขึ้น แต่ก็ยังมีอยู่ เปลี่ยนรายการไปก็ยังไปเจอกันอีก ยังเหมือนเดิม”

เห็นว่าเคยมีถึงขั้นทัวร์ลงเลย? จิ้งหรีดขาว : “โดนเหมือนกัน ก็เรื่องคอมเมนต์นี่แหละ มันมีอยู่แมตซ์หนึ่งซึ่งเป็นแมตซ์ตัดสินได้เงินล้าน แล้วพี่หรีดกับพี่รุ่งตัดสินเหมือนกัน โห…ถล่มทลายเลย โดนด่าแบบสาดเสียเทเสียเลย กรรมการเห็นเหมือนกัน แต่ผู้ชมไม่เห็นเหมือนเรา”
รุ่ง : “คือมี 2 กับ 1 ไง ผมกับหรีดให้ด้วยกัน แต่ครูให้อีกคนหนึ่ง”
จิ้งหรีดขาว : “โดนหนักมาก พี่ไม่หัดอ่านคอมเมนต์ พี่รุ่งบอกมั้ง ผู้จัดการบอกมั้ง พี่แบบเศร้าใจมาก ชีวิตพี่เป็นนางเอกลิเกนักร้องซึ่งสนุกสนานให้แต่ความสุขผู้คน แล้วไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องลบ พอมาเจอแบบนี้ถอดใจ น้ำตาไหลเลยนะ แล้วบอกว่าหนูอยากเลิกทำแล้ว หนูไปบอกกับเจ้านายเลยว่าหนูไม่ทำแล้วได้ไหม หนูรับไม่ได้”

แล้วอะไรทำให้สองคนนี้กลับมาเป็นคอมเมนเตเตอร์อีก? จิ้งหรีดขาว : “คำพูดของครูสลาแล้วก็เจ้านายบอกเลยว่า หรีดเรามานั่งอยู่ตรงนี้แล้วต้องรับให้ได้ในสิ่งที่เราทำมันถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ ครูสลาพูดมาคำหนึ่ง หรีดรู้หรือเปล่าว่า ครูทำมาก่อนพวกเรา ครูโดนสารพัดเลย ครูยังอยู่ได้ พอฟังตรงนี้เราตัวน้อยเลย เปลี่ยนความคิดทันทีเลย”
รุ่ง : “มันเป็นกำลังใจที่จะทำงานต่อ แต่เรายังไม่ถึงขั้นไม่อยากทำแล้วมีงานก็โอเค ทีนี้มันก็กระทบความรู้สึกเราเหมือนกันแหละ เพราะทัวร์ลงมาเนี่ยใช้คำหยาบคายมาก เราไม่เคยเจอ เราเพิ่งไปทำไงแล้วดันไปดู ไอ้อีสารพัด แล้วรู้ได้ไงว่าเราไม่สูง ไอ้เตี้ยรุ่ง”

นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว ปรึกษาอะไรกันอีก? จิ้งหรีดขาว : “ส่วนใหญ่การอยู่ให้เป็นทำยังไง ยิ่งช่วงโควิดที่ผ่านมาเนี่ยก็ถามว่าเป็นไงกันบ้าง แล้วก็เรื่องสุขภาพ เรื่องคิดเลขอะไรอย่างนี้ ลอตเตอรี่อะไรอย่างนี้” รุ่ง : “เขาไปได้ของดีมาก็อยากให้พี่ชาย” จิ้งหรีดขาว : “จะคุยกันหลายๆ เรื่อง” รุ่ง : “ได้มีลาบมีก้อยกินบ้าง”

พี่หรีดกระทบ 3 เด้ง นอกจากโควิดแล้ว คุณแม่ไม่สบายด้วยถึงขั้นเสียชีวิต? จิ้งหรีดขาว : “นี่หนักหนาสาหัสสำหรับพี่หรีดมากเลย เราไม่เคยคิดว่าชีวิตเราน้องมาเจออย่างนี้”

คุณแม่เป็นอะไร? จิ้งหรีดขาว : “คุณแม่อายุเยอะแล้ว 83-84 แล้วก็เป็นหลายโรค เบาหวาน ความดัน หัวใจอ่อนๆ แต่ ณ วันหนึ่งเรารู้สึกว่าแม่แข็งแรง วันหนึ่งอากาศเย็นเหมือนไม่สบาย อยู่ๆ หนักไปเลย แล้วก็เริ่มโควิดมา มันหนักมาก”

เห็นว่ามีช่วงหนึ่งที่ท่านดีขึ้น เห็นว่าจิ้งหรีดไปบน? จิ้งหรีดขาว : “คือเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเรา จะบนบวชชีพราหมณ์ทุกปีอยู่แล้ว พอบวชแล้วแม่ดีขึ้น เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง แกขาหักเป็นหนักกว่านี้อีก แล้วก็เดินได้”

หมายถึงว่าท่านขาหัก น้าหรีดก็ไปบวช ท่านกลับมาเดินได้? จิ้งหรีดขาว : “ใช่ ดีเลย”

รอบนี้ก็เหมือนกัน ป่วยแล้วน้าหรีดไปบวช แล้วเกิดอะไรขึ้น? จิ้งหรีดขาว : “เขาก็อยู่ได้ แต่อยู่ใน ICU ไง ยื้อไว้ได้ 4 เดือน ณ ตอนนั้นมันยังพอมีงาน เริ่มโควิดใหม่ๆ พี่ยังถ่ายรายการ เชื่อไหมพี่เดินทางกรุงเทพฯ-ชัยนาท บางทีนั่งอยู่ ICU เฝ้าแม่เที่ยงคืนแล้วกลับมากรุงเทพฯ เช้าไปถ่ายรายการ ถ่ายรายการเสร็จกลับมาหาแม่ เป็นอยู่อย่างนี้เกือบๆ 4 เดือน”

ตอนนั้นน้องได้บอกไหมว่าแม่เขาไม่สบาย หรือเขาไม่พูดเลย? รุ่ง : “ไม่เคยคุยอะไรให้ฟัง ถึงเวลาทำงานเขาจะสดใสแล้วมืออาชีพมาก ขนาดเรายังแสดงอาการให้เห็น เพลียอะไรพวกนี้ถ้าเกิดไม่ได้นอน น้องเขาเฉย แสดงว่านอนอิ่ม เขาบอกหนูก็นอนดึกเหมือนพี่นั่นแหละ ก็สังเกตเห็นว่าเขาเงียบไป เวลาเขาทานข้าวตามหลักเขาจะมีคุยกับเราบ้าง แต่นี่เงียบๆ เราก็ถามเขา เขาก็บอกว่าหนูต้องวิ่งดูแม่ตลอดเลย เสร็จแล้วหนูก็มาถ่ายรายการ ก็ให้กำลังใจกันไป”
จิ้งหรีดขาว : “ถ้าเขาไม่ถามก็ไม่อยากเอาทุกข์ไปให้เขา”

เห็นบอกว่าก่อนคุณแม่จะจากไปท่านสั่งเสียน้าหรีดอย่างหนึ่ง? จิ้งหรีดขาว : “เขาบอกเลยว่าเขาไม่เจาะคอ แต่พอถึงเวลาจริงๆ หมอบอกว่าแม่เป็นภาวะหัวใจล้มเหลว หายใจเองไม่ได้ มันเหมือนต้องใส่ แล้วเราเหมือนขัดเขา มันบีบหัวใจมาก เราคิดว่าแม่อยู่ต่อได้ไหม แม่เคยดี แม่เคยกลับมาปกติได้ สรุปแล้วใส่ เห็นแม่สภาพแบบนั้น เราก็คิดกันเยอะ เราก็ปรึกษาพี่ว่าเราควรใส่ให้แม่ไหม พอใส่ไปแล้วก็ต้องเจาะคออีก มันเป็นสเต็ปของมัน เรารู้สึกมันบีบหัวใจทุกครั้งที่เราเห็นแม่นอนอยู่บนเตียง มันแย่”

เห็นว่าแม่อยากกลับไปหมดลมที่บ้าน วินาทีที่ขนกันขึ้น กว่าจะถึงบ้านตอนนั้นทรมานสุดๆ? จิ้งหรีดขาว : “คืออยู่ ICU 4 เดือน พี่น้องทุกคนบอกว่าแม่รักบ้านมาก แม่บอกอยากจะกลับมานอนตายที่บ้าน ทุกครั้งที่พูดกันก่อนที่จะป่วย พูดกันเล่นๆ ว่า ถ้าแม่ตาย ตายที่บ้านนะ พอหมอบอกไม่ไหวแล้ว พี่น้องทุกคนบอกจะเอาแม่กลับบ้าน หมอไม่การันตีนะว่าการเดินทางแม่อาจจะเสียชีวิตตรงนั้นได้เลย มันเป็นอะไรที่บีบหัวใจมาก จากโรงพยาบาลมาที่บ้านประมาณเกือบ 20 โล เขาบอกเลยว่ามีสิทธิ์ที่จะไปกลางทางได้เลย”

แล้ววิธีจัดการเพื่อให้ไปถึงที่บ้านทำยังไง? จิ้งหรีดขาว : “ตอนที่แม่มาไม่รู้สึกตัวแล้ว เหมือนทุกอย่างไม่ตอบสนอง จะมีลูกโป่งใหญ่ๆ บีบ ถ้าคุณหยุดบีบแม่ก็จะไปเดียวนั้น หลานชายซึ่งเป็นพยาบาลบีบ แล้วทุกคนนั่งล้อมแม่ในรถ บอกว่าแม่เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย จะถึงบ้าน ใจมันอยากให้แม่ถึงบ้าน ตรงนั้นบีบหัวใจมาก เราน้ำตาไหล แล้วมองแม่ แม่ไปให้ถึงนะ เอาที่แม่อยากถึงบ้าน พอถึงหน้าประตูบ้านลูกหลานทุกคนรอเต็มหน้าประตูบ้านเลย แล้วพอเอาแม่ลงก็ยังบีบกันอยู่ เขาบอกเลยว่าอยู่ได้ชั่วโมงครึ่งนะ ยากระตุ้นมันต้องหมดตามที่หมอสั่ง เราต้องหยุดบีบ พอแม่นอนที่บ้าน บีบลูกโป่งอยู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมา เหมือนเขาไม่ได้เป็นอะไร แต่เราต้องหยุดบีบลูกโป่งแล้ว มันเหมือน เฮ้ย…นี่เราจะฆ่าแม่เหรอ หลานบอกไม่ได้น้าหรีด เราต้องลงกันแล้ว ยังไงยากระตุ้นก็ต้องหมด พอทุกคนบอกแม่ไปทุกอย่าง ทำครบทุกอย่าง พอหยุดบีบลูกโป่งเขาไปเลยนะ”

คนจะไปตัดได้แล้ว แต่คนอยู่ยังตัดแม่ไม่ได้? จิ้งหรีดขาว : “เราอยากจะพูดว่าแม่อยู่ต่อไหม บีบกันต่อได้ไหม ยามันหมดคือเขาไป”

หลังจากที่คุณแม่ไปแล้ว เราก็ยังนอนร้องไห้อยู่เป็นเดือน? จิ้งหรีดขาว : “พี่คิดว่าพี่เป็นโรคซึมเศร้า เพราะว่าเวลาที่มันสะสม พี่มีความรู้สึกว่าเหมือนจิตพี่ป่วย มันอยู่ในภวังค์ อยู่ในความเศร้าตลอดเวลา 4 เดือนผ่านไป จนแม่เสียไป อีกประมาณ 2 เดือนพี่ยังไม่รู้สึกดีเลย ทุกคนจะรู้สึกว่าพี่เป็นคนสนุกเฮฮา แต่พอกลับบ้านไปพี่นั่งร้องไห้ มันเหมือนยังมีอะไรอยู่ในสมองเรา เหมือนแม่ยังอยู่ในใจตลอดเวลา”

แล้วอะไรทำให้เราดีขึ้น? จิ้งหรีดขาว : “มันรู้สึกว่าเราได้ทำงาน งานบำบัดจิตพี่จริงๆ เพราะว่าเราเจอคน อย่างเจอพี่รุ่งเนี่ย เขาจะรู้สึกว่าพี่หรีดไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่ใจมันเหมือนฉันเสียอะไรไป นอกเหนือจากเจอพี่รุ่ง เจอคนอื่น มันเริ่มเปิด ไม่ได้นะ แม่สั่งไว้แล้วอย่าเศร้า มันถึงเวลาก็ต้องไป แม่ทำบุญเยอะ เราเป็นคนทำบุญเยอะ แต่เราทำใจไม่ได้ช่วงแรกๆ จนถามผู้จัดการว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้าไหม ทำไมหนูทำอะไรช้า หนูนั่งเฉยๆ หนูก็น้ำตาไหล ช้าไปทุกอย่าง”

ผ่านมากี่เดือนแล้ว? จิ้งหรีดขาว : “น่าจะเป็นปีแล้วนะ ประมาณ 10 เดือนแล้ว เพราะว่าแม่ป่วย 4 เดือนแล้วจากไปประมาณ 6 เดือน”

ตอนนี้หัวใจเป็นไงบ้าง ผ่อนคลายได้บ้างหรือยัง? จิ้งหรีดขาว : “ดีขึ้นเยอะ เวลามันช่วยเยียวยา”

พี่รุ่งให้กำลังใจอะไรน้องสาวไหม? รุ่ง : “พอทราบข่าวก็แสดงความเสียใจด้วย แต่ว่าช่วงนั่นโควิดเลยไม่ได้ไปร่วมงานศพ”
จิ้งหรีดขาว : “บอกเลยว่าไม่อยากให้มาจริงๆ เพราะอยู่ที่ชัยนาท แล้วเป็นงานเล็กๆ ด้วย ตอนนั้นระบาดหนักมาก”

ถ้าวันนี้คุณยายดูอยู่ น้าหรีดอยากบอกอะไรคุณยาย? จิ้งหรีดขาว : “แม่หนูดีขึ้นเยอะ แล้วก็สานฝันแม่ แม่บอกว่าอยากให้ทำบุญ อยากให้อยู่กับบุญเยอะๆ เพราะเกิดมาเป็นคนไม่มีอะไรที่ช่วยเราได้มากกว่านี้ เพราะเราไม่ได้มีครอบครัวด้วย ทำงานไป ทำบุญไป แล้วก็ทำตัวดีที่สุด แม่เป็นคนดีมาก คือสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีที่สุด อย่าเอาเปรียบใคร หนูทำแล้วนะแม่นะ แล้วหนูอยู่ได้ มีความสุข เพราะคำสอนของแม่”

พี่รุ่งเองก็สูญเสียคุณแม่เหมือนกัน? รุ่ง : “ครับ กำลังจะบอกว่าพอน้องประสบปัญหาแบบนี้เราก็เคยสูญเสียเหมือนกัน ก็ให้กำลังใจน้อง ตัวเองก็มีอาการคล้ายๆ น้อง แต่ว่าพอเราผ่านมานานแล้ว แม่พี่เสียไปประมาณ 11 ปีแล้ว ก็ให้กำลังใจน้อง อย่างที่น้องบอกนั่นแหละคนเรามีพบก็ต้องมีจาก ก็ต้องสู้กันต่อไป แล้วเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันเลย แม่เป็นโรคหัวใจ แล้วไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล อยู่ห้อง CCU ไม่ถึงขั้น ICU วันหนึ่งไปเยี่ยมแม่ คุณหมอบอกว่าคุณแม่ต้องเจาะคอ ญาติพี่น้องต้องมาคุยกันว่าจะให้เจาะไหม ก็ยอมให้เจาะ เราไปเยี่ยมแม่ตั้งแต่ตอนเช้า เราไม่รู้จะต้องทำยังไง เราก็เลยไปบนที่วัดระฆัง บนว่าถ้าแม่ดีขึ้น ซึ่งทอนอายุตัวเองด้วยนะ กลับมาถามครูบาอาจารย์ตอนหลัง เขาบอกไม่สมควรทำ หมายถึงว่าเรามีอายุเท่าไหร่ในชาตินี้คือทอนให้แม่หมดเลย เพื่อให้แม่อยู่ต่อ”

จิ้งหรีดขาว : “หนูก็ทำนะ บุญที่ทำมาทั้งหมดยกให้แม่”
รุ่ง : “บุญอ่ะโอเค แต่เราหมายถึงอายุ เราบอก เราพร้อม แล้วจะบวช 15 วัน ในชีวิตไม่เคยบนเลย แม่ยังไม่ทันเจาะคอ จะเข้าห้อง ICU ตอนกลางคืนเครื่องที่ตรวจเกี่ยวกับการหายใจมันดีขึ้นมาเลย ช่วงเช้าสามารถใช้อาหารเหลวได้ แล้วหายใจเป็นปกติภายในคืนเดียว ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับตัวเอง ถึงบวช หลังจากนั้นอยู่กับครอบครัวได้อีก 2 ปี เกี่ยวกับหัวใจนี่แหละ ไปอาบน้ำแล้วหายใจไม่ออกแน่นหน้าอก แล้วมันจะมีเครื่องออกซิเจนอยู่ แต่ว่าแม่บ้านใช้ไม่เป็น กว่าพี่สาวจะกลับมาพาแม่ไปโรงพยาบาล แม่ก็ปั๊มหัวใจไม่ขึ้นแล้ว”

แล้วจริงไหมที่พี่เจอของดีตอนบวชเลย? รุ่ง : “เขาเรียกว่าลองพระใหม่ พอไปบวชปุ๊บพระอาจารย์ก็ถามว่าจะอยู่ห้องไหน มีอยู่ห้องหนึ่งนะ ห้องนี้ไม่มีใครอยู่ ผมก็เข้าไปดู เขามีรูปที่ตั้งหน้าศพ แล้วมีรูปที่เทินๆ กันหลายรูป เป็นรูปคนตาย เราก็แบบสบาย เป็นพระไม่กลัว”

พี่เป็นคนกลัวผีไหม? รุ่ง : “ประมาณหนึ่ง แต่เราจะท้าทายตัวเองว่ามีเครื่องแบบพระอยู่ไม่กลัว เข้าไปอยู่เลยครับประมาณ 3 วัน ก่อนทำวัตรเย็นช่วงประมาณ 4 โมงเกือบ 5 โมง งีบสักหน่อย เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ลืมตามาเหมือนมีคนแก่มานั่งมัดผมแล้วมีหนวด ภาพมันจะเบลอๆ นะไม่ชัดเป็นตัว เราเห็นก็ตกใจสะดุ้ง แล้วหายไปเลย ทีนี้เรื่องของเรื่อง มีโยมน้องที่ว่าสนิทกันมาถวายเพล เขาก็เห็นรูป เราก็บอกว่ารูปคนตายอย่าไปยุ่งนะ เขาไม่เชื่อไปเปิดดู อ่านนามสกุล ตระกูลเดียวกันหมดเลย แล้วต่อจากนั้นประมาณ 4-5 วันเขามาอีกครั้ง บอกว่านอนไม่ได้เลย มีคนตามไปรังควาญ จะบีบคอบ้าง เหมือนผีอำ ต้องกลับไปหาเรา ไปขอขมาแล้วกรวดน้ำแผ่เมตาให้”

เห็นว่าล่าสุดพี่ก็เจออีกแล้ว? รุ่ง : “บวชบ่อย ล่าสุดไปบวชที่ตราด อันนี้ไม่เคยเจอในชีวิตเลย เหมือนกันเลยครับ 2-3 วันเหมือนลองพระใหม่ ครั้งนี้ชัดเลยประมาณเที่ยงคืน สวดมนต์เสร็จกำลังจะนอน เสียงลมหายใจข้างๆ เฮ้ย…นอนคนเดียวอ่ะ สักพักมีเสียงเหมือนจะมาบีบคอที่สุดของชีวิต พี่สะดุ้งเลย เป็นพระเนี่ยบอกว่าอาตมามาดีนะโยม เครื่องแบบไม่ช่วยเลย”

แล้วคืนนั้นจบยังไง? รุ่ง : “รุ่งเช้าไปเล่าให้พระอาจารย์ฟัง หลวงพ่อบอกเล็กน้อย หลวงพ่อโดนจับขาดึงตลอด เสร็จแล้วก็ไปบอกเขากรวดน้ำแผ่เมตา อีกอาทิตย์หนึ่งก็มีหายใจมา เราเริ่มชิน แต่ที่มาบีบคอไม่มีแล้ว”

แล้วทุกวันนี้กลัวผีไหม หรือว่าเลิกกลัว? รุ่ง : “100% น่าจะมีสัก 10%”

แก่นมะขามคืออะไร? จิ้งหรีดขาว : “คือต้นมะขามนี่แหละ คนสมัยก่อนจะนำแก่นมะขามใส่กระป๋องเงิน แม่ค้าจะขายของดีมาก แล้วจะมีความเกรงขามเหมือนต้นมะขามเลย พี่เขยก็เลยบอกลูกพี่ลูกน้องว่าถ้าตัดบอกผมด้วยนะ เขานี่สายมูเลย เขารู้ สรุปแล้ววันนั้นเขาตัด ต้นใหญ่ไปเผาถ่านครึ่งต้นเลย พี่คนนี้เขาไม่รู้เลย เขาก็ให้พี่เขยเอาเป็นท่อนๆ เข้าบ้าน พี่เขยเขาก็สายมู เขาอธิษฐานจิตเลย ถ้าผมเอาเข้าบ้าน ถ้ามีเทพประจำต้นไม้จริง ผมมีที่อยู่แถวอู่ทอง ผมขายมา 10 ปีแล้ว ขายไม่ได้ ถ้ามีจริง ผมเอาเข้าบ้านเนี่ยขอให้ผมขายที่ได้ ไม่เกิน 7 วัน ขายได้ 12 ล้าน มันก็เลยเป็นที่มาที่ไป พี่เขยก็เลยเอามาให้พวกเราใส่ น้าหรีดมีเรื่องโชคแล้วก็เรื่องงาน”

เห็นถูกลอตเตอรี่บ่อยมาก ทุกงวด? จิ้งหรีดขาว : “ถูกไม่เยอะ 3 ปีกว่าๆ เอง”

ทำไมแก่นมะขามถึงศักดิ์สิทธิ์? จิ้งหรีดขาว : “เขาเป็นเทพประจำต้นไม้ แล้วมันอยู่ที่ใจด้วย มันเป็นอะไรที่คู่คนไทยมานาน โดยไม่ต้องปลุกเสกเลย”

คลิปสัมภาษณ์ จิ้งหรีดขาว-รุ่ง สุริยา

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6708734
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6708734