ณฉัตร เผยว่า “ตอนนี้เราก็หมดสัญญากับทางช่อง 8 แล้ว แล้วมีผู้ใหญ่ที่เค้าก็ชวนเรามาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ เราก็เลยตัดสินใจรับเลย เพราะถือว่างานนี้ก็จะเป็นใบเบิกทางให้เรา”

ทำไมถึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญา

“เพราะว่าเราอยากมาเจอประสบการณ์ใหม่ๆ เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองบทบาทที่หลากหลายและเยอะมากขึ้น ด้วยวัยตอนนี้ของเราก็ถึงเวลาที่ต้องออกมาตามหาประสบการณ์เพื่อที่จะได้พิสูจน์ความสามารถสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเองเพิ่มเติม”

จบกันด้วยดีใช่ไหมกับต้นสังกัดเดิม

“จบกันด้วยดีแฮปปี้มากๆ เรายังเคารพผู้ใหญ่ทุกคนและขอบคุณมากๆที่ให้โอกาสเรา ตอนนี้เราก็ยังมีละครกับทางช่อง 8 อย่างอีกเรื่องคือ ศีรษะมาร ก็รอกลับมาถ่ายทำอีกครั้งหลังจากที่เราต้องหยุดถ่ายไปเพราะสถานการณ์โควิด-19”

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นซีรีส์วาย

“ดีใจมากๆ ตื่นเต้นมาก เพราะว่าเรากังวล จะไปเจอทีมงานยังไง เราจะเข้าได้ไหม พอร่วมงานเราแฮปปี้มาก ทุกคนน่ารักเลยไม่กังวล ยิ่งได้เจอกับน้องโอห์ม น้องฟลุ้ค ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับน้อง รวมถึงน้องนักแสดงคนอื่นๆด้วย อยากบอกว่าเปลี่ยนฟีลเราเลย เวลาเข้ากองมีแต่น้องๆผู้ชาย หล่อด้วย เลยคิดแบบกองซีรีส์วายมันดีแบบนี้นี่เอง (หัวเราะ)”

ส่วนความรักหลังจากเลิกรากับ ไฮโซหมูตั้ง ไปพักใหญ่ ตอนนี้สถานะหัวใจของสาวณฉัตรเบ่งบาน อีกครั้ง? เราดูใจกันนานแค่ไหนแล้ว

“สองปีแล้วค่ะ แอบมีเงียบๆ (หัวเราะ) ไม่หรอกค่ะ ตอนนั้นมันเป็นช่วงโควิดด้วยเลยทำให้ทุกอย่างมันเงียบไปหมดเลย เป็นคนนอกวงการ นอกแบบนอกวงโคจรเลย”

เราไปพบรักกันได้ยังไง

“เพื่อนแนะนำค่ะ เป็นเพื่อนของเพื่อนเราอีกที ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน พอสนิทกันมันคุยกันได้ทุกเรื่องก็ลองคุยดู เพราะเราก็เหมือนโตแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้วเราเองเราเคยมีปัญหาหลายๆอย่าง พอเรารู้ถึงปัญหาเราก็เลยคุยกันเรื่องปัญหาที่มันอาจจะเกิดขึ้นได้ให้มันชัดเจน”

เราคาดหวังกับความรักในครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน

“จริงๆเราไม่คาดหวังแล้ว มันอยู่ที่การรับมือ”

อยากแต่งงานไหม

“ก็มีคุยแล้ว เป็นประโยคแรกที่คุยเลย เราเป็นคนชัดเจน เคยพูดมาก่อนหน้านั้นกับพี่หมูตั้ง เราก็เคยคุยแล้วสองปีสามปีนะถ้ามีวี่แววเราจะแต่งงานกันนะ เพราะชัดเจนมากว่าเราเองเป็นคนอยากมีครอบครัว ถ้าผู้ชายรับได้เราถึงจะค่อยคบ ถ้าผู้ชายรับไม่ได้เราก็เป็นเพื่อนกัน”

แสดงว่าหนุ่มคนนั้นโอเคกับเรื่องแต่งงาน

“ใช่ค่ะเค้าโอเค (ยิ้ม) ก็เลยเหมือนชัดเจนทุกเรื่อง แต่นี่ก็ 2 ปีใกล้เวลามาทุกทีแล้ว มันด้วยโควิดด้วย (หัวเราะ) แต่เราก็มีคุยกันตลอดอยู่แล้ว แต่คิดว่าถ้าจะมีก็คงจะไม่จัดงานแต่ง อาจจะแค่หมั้น หรือว่าถ้าอนาคตเหลือและว่างที่อยากจะทำเป็นอีเวนต์ ก็คงค่อยทำเพราะเรารู้สึกว่าด้วยสถานการณ์ทุกอย่างก็ไม่ควรมีงานจัด แต่สำหรับเราก็รู้สึกว่าเราโตแล้ว เราก็ไม่ได้มีฟีลอยากใส่ชุดเจ้าสาวแล้ว เพราะเราได้ใส่มาทุกแบบแล้ว (หัวเราะ)”

มีแอบลุ้นเซอร์ไพรส์จากเค้าไหม

“ไม่มีค่ะ เราเป็นคนคุยกันตลอดไม่มีการเซอร์ไพรส์ใดๆ เค้าไม่ได้เป็นคนโรแมนติกเลย แต่เป็นคนหวานกว่าเรา แต่ถ้าเค้าขอมาเราก็โอเคนะ”

ฝ่ายชายเข้ากับคุณแม่เราได้ดี

“ใช่หลักๆแล้วเค้าก็ต้องยอมรับแม่เราได้ก่อนเพราะว่าเราต้องพาแม่มาอยู่ด้วยตลอดเวลา ดังนั้นถ้าเค้ารับไม่ได้ ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ รู้สึกโชคดี เค้าเป็นที่พึ่งให้เราได้ เพราะชีวิตเรา เราก็เหมือนเป็นเสาหลักครอบครัวมาโดยตลอด วันนึงที่เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยแล้วเค้าก็จะเป็นเสาหลักให้เราแทน จากที่เราเคยเสียใจเรื่องความรักมาก เขาก็ทำให้เรามีความสุขขึ้นมากจริงๆ”.