ปราง เผยว่า “เรื่องนี้เป็นคุณแม่สุดดราม่า ไม่เคยเล่นบทคนท้องหรือคุณแม่ เป็นบทที่ไม่ใกล้ชีวิตจริงเลย เล่นเป็นอนงค์ เป็นภรรยา อานนท์ รับบทโดย พี่เต๋อ-ฉันทวิชช์ มีลูกคนนึง และท้องลูกคนที่สอง ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย สามีเป็นสตันต์แมน อยู่ดีๆเค้าก็มาเสียชีวิตจากเราไป เลยเป็นคุณแม่ชีวิตหนัก ต้องดูแลแม่สามีด้วย เรียกว่าดราม่าหนัก ร้องไห้ทุกซีนทุกฉาก บรรยากาศในกองสนุกแต่เข้าฉากทีไรก็เครียดทุกวัน เรื่องอื่นมันมีดราม่านะแต่ไม่ขนาดนี้นี่ทุกคิวเลย ตอนแรกติดต่อมาว่าเล่นเป็นภรรยาพี่เต๋อ คือฮาชัวร์ โอ้โห ไม่ฮาเลย แล้วบางฉากเวลาดราม่าก็ไม่ได้เล่นคนเดียว พี่เต๋อมาพูดข้างๆเราก็ต้องทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้ยิน ในขณะที่เราร้องไห้ บางทีพี่เต๋อไปเข้าสิงคนอื่นเพื่อมาเจอเรา เช่นไปสิงเดียร์น่า พี่ฟิวส์ผู้กำกับให้พี่เต๋ออยู่ในชุดของเดียร์น่า แต่งหน้าทาปากมากินข้าวกับเมีย ยากมากเพราะเราต้องร้องไห้ถล่มทลายแต่มองขึ้นมาเป็นพี่เต๋อในชุดกระโปรง (หัวเราะ) เราก็ได้เรียนรู้เมื่อก่อนเวลาเล่นฉากดราม่าเราจะตื่นเต้น พอเรื่องนี้ผ่านไปได้มันก็เหมือนเป็นพัฒนาการทางการแสดงอย่างหนึ่ง”

ตอนที่บอกว่าเล่นเป็นแม่ลูกสอง เราต้องคิดนานมั้ย เพราะเป็นการเปลี่ยนภาพเหมือนกัน?

“ตอนแรกคิดว่าโอ้โห ต้อนรับอายุ 30 ด้วยการเล่นเป็นแม่คนเลย (หัวเราะ) แต่พออ่านบท แล้วสนุกและท้าทาย ได้เล่นกับพี่เต๋อด้วย เลยน่าลองดู และในเรื่องก็ไม่ได้แก่มาก แค่แต่งงานเร็ว ปรางว่าตอนนี้ถ้าบทดีก็น่าเล่น มันได้ท้าทายความสามารถเรา และได้ให้คนดูได้เปลี่ยนภาพเราบ้าง และเราก็มีเรื่องอื่นๆที่เล่นในแบบอื่น”

ไม่ได้ยึดกับคำว่านางเอก?

“ปรางว่าเดี๋ยวนี้อะไรมันเปลี่ยนไป ไม่ว่า จะรูปแบบของละครหรืออะไร ละครเรื่องหนึ่งสามารถมีอะไรได้หลากหลายมาก ถ้าเรายึดติดก็ได้แต่ภาพลักษณ์ เดิมๆ คนดูก็คงไม่แฮปปี้เท่าไหร่ ตัวเราเองก็คงไม่มีความสุขกับการทำงาน”

ถามย้อนถึงโมเมนต์ตอนให้ของขวัญโต้ง 10 ชิ้น แถมยังผูกโบตัวเองเป็นของขวัญให้ด้วย?

“จริงๆไม่คิดว่ามันจะฮือฮาอะไรขนาดนั้น คือปรางไม่ได้เจอเค้าเลยช่วงโควิด เพราะตอนนั้นปรางก็กลัวมากจริงๆ เพราะเค้าก็ยังออกไปอัดเพลง เจอคนเยอะ เลยอยากทำอะไรพิเศษในวันเกิดเค้า โควิดยังอยู่เลยต้องทำอะไรที่มันเซฟๆ เลยคิดว่าทำอะไรดีนะที่มันน่ารัก เออ ของขวัญ 10 ชิ้นแล้วกัน เพราะรู้จักกันมา 10 ปี เราก็ยังไม่ได้ให้ของขวัญเค้าคืนเลย จริงๆเป็นของ ขวัญ 10 ชิ้นที่ไม่แพงอะไร เป็นของจุ๊กจิ๊ก แต่บางอย่างเป็นของที่เค้าอยากได้จริงๆ เช่น แผ่นเสียง สร้อย คือเค้าบอกแล้วว่าอย่าซื้อของแพงให้เค้า อยากให้เก็บเงินก็เซอร์ไพรส์เพราะเค้าคิดว่าเราไม่มีของขวัญจริงๆ แล้วเชื่อมั้ยว่าการผูกตัวเองไม่ได้อยู่ในความคิด คือ
ตอนหาไปได้สัก 5 ชิ้นก็เริ่มท้อเหมือนกัน ออกไปซื้ออะไรไม่ได้ เราก็คิดว่าเค้าชอบอะไรอีก ก็เลย อ่ะ ผูกโบตัวเองไปก่อน”

ฟีดแบ็กคนฮือฮา โต้ง ว่าไง?

“เค้าก็ยังเขินเหมือนเดิม”

หลายคนบอกว่าเวลาอยู่ด้วยกัน โต้งมีแต่รอยยิ้ม?

“คนก็มาคอมเมนต์กันว่าไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้เลย เค้าเป็นอย่างนี้แหละค่ะ อยู่กับเพื่อนก็อีกแบบลุยๆหน่อยๆ ปรางก็บอกเค้าว่าคนเค้าชอบ ลงได้ไม่เป็นไร เค้าก็บอกว่าเสียงมันแบ๊วนะ”

ปรางทำเซอร์ไพรส์ไว้อลังการ ถ้าวันนึงโต้งจะขอแต่งงานต้องปังกว่านี้รึเปล่า?

“อันนั้นเป็นหน้าที่เค้าแล้วค่ะ จริงๆเค้าก็บอกว่าไม่ต้องมีของขวัญ แต่เราคิดว่าตอนวันเกิดเราเค้าก็เซอร์ไพรส์”

เมื่อไหร่แต่งดี?

“อีกสัก 2 ปีดีกว่า จริงๆทุกวันนี้มันก็ดีแบบไม่ต้องปรับอะไรมาก ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่งงานมันก็เป็นพัฒนาการอีกขั้นของชีวิตคู่ แต่เราก็ไม่ได้กังวลว่าต้องเดี๋ยวนี้”

เป้าหมายที่มองร่วมกันล่ะ?

“เติบโตไปด้วยกันเรื่อยๆ ตอนนี้ก็มองเรื่องช่วยกันทำงาน เป็นที่ปรึกษากัน ตอนนี้เค้าทำออฟฟิศใหม่ บ้านใหม่ ก็ช่วยกันดู”

เรียกว่ามีอนาคตร่วมกัน?

“จะบอกอย่างนั้นก็ได้ แต่ไม่ได้รีบเร่งอะไร พัฒนาไปเรื่อยๆดีกว่า เพราะมันก็มีงานหลายๆอย่างที่ถูกเลื่อนมา”

มองแพลนถึงเรื่องมีลูกมั้ย?

“ยังไม่เคยคุยกันขนาดนั้น แต่ก็เป็นคนรักเด็กด้วยกันทั้งคู่ ก็ดูอายุและความพร้อมตอนนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิด”

เวลาคนบอกว่าแต่งงานเถอะ กระตุ้นอะไรเราบ้างมั้ย?

“ชินมากแล้ว ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เราเข้าใจกันอยู่แล้ว เราคิดไปในทางเดียวกันมากกว่า เลยยิ้มๆกันมากกว่า”.