“หนุ่ม กะลา” ฉีกกรอบสายร็อกเป็นสีสันใหม่ มอบความสุขอัลบั้ม JOY


ให้คะแนน


แชร์

พร้อมได้มีโอกาสร่วมงานกับศิลปินดัง ไม่ว่าจะเป็นเบิร์ด–ธงไชย แมคอินไตย์, Urboy TJ, บอย พีซเมกเกอร์, ส้ม–มารี รวมทั้งความพิเศษที่ชวนคุณพ่อมาร่วมร้องเพลงในอัลบั้ม ซึ่งคุณพ่อคือคนผลักดันให้หนุ่มได้เป็นศิลปินในวันนี้ ส่งต่อพลังงานดีๆ ความหวัง มีพลัง ซึ่งหนุ่มคือตัวแทนของคนที่ผ่านการเดินทาง บททดสอบชีวิตที่มีทั้งจังหวะขาขึ้นและลง เลยอยากส่งต่อพลังใจให้กับคนไทยให้มีความหวังกับปี 2565 นี้ งานนี้ “หนุ่ม” เปิดใจเริ่มจาก

อัลบั้ม JOY มีแต่ความเซอร์ไพรส์ กว่าจะได้ศิลปินแต่ละคนมาร่วมงานยากมั้ย?

“เป็นผลงานชุดที่ 10 ครับ ตั้งใจให้เป็นงานพิเศษ ทั้งแนวเพลงและสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน ตั้งคอนเซปต์ว่าจอย คือความสุขเลยอยากเอาคนมาจอยด้วย อย่างพี่ บอย พีซเมกเกอร์ เราเป็นพี่น้องสนิทกันอยู่แล้วบอกว่าหนุ่มอยากทำอะไรบอกพี่ ก็เป็นความจอยแล้ว อย่าง ทีเจ ผมตามงานเค้าอยู่แล้วแต่ไม่ได้รู้จักเค้าเท่าไหร่ ผมก็ไปดูยูทูบเค้าเลยได้เห็นว่าเค้าก็มีมุมน่ารักนะ อย่างน้อง ส้ม–มารี ผมก็ไปศึกษาเรื่องของเค้าก่อน ซึ่งความเป็นตัวตนของศิลปินเหล่านั้นก็ยังอยู่ในเพลง

ส่วนกับ พี่เบิร์ด อย่างที่เคยบอกไปว่าเป็นเกียรติมากๆและเกินกว่าฝันจริงๆ มีเพลงที่ร้องกับคุณพ่อด้วย เป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม ตอนที่อยู่ด้วยกันสมัยเด็กๆคือต่างคนต่างร้องเพลงของตัวเอง ทุกวันนี้ผมรับพ่อไปทำธุระนั่งในรถผมก็ฮัมเพลงเรา พ่อก็ฮัมของเค้าเลยรู้สึกว่างั้นเรามาร้องด้วยกัน เนื้อหาในเพลงคือให้พ่อพูดถึงแม่ที่เค้าเลิกรากันไปนานแล้วและพ่อยังรอ หลายคนฟังแล้วชอบ พ่อร้องลูกทุ่ง ผมร้องป๊อปร็อก มันตอบโจทย์สุดๆคือเราได้ร้องเพลงด้วยสักทีและมันอยู่ในอัลบั้ม เพราะแทบไม่มีคนที่ได้ร้องเพลงกับพ่อตัวเองโดยที่พ่อไม่ได้เป็นคนดัง ผมถือว่าจีนี่ เรคคอร์ดส ใจกว้างมากๆ มันเติมเต็มมาก ตอนที่ทำมาสเตอร์เสร็จ ผมรู้สึกว่าก้อนความคิดนี้มันสมบูรณ์ตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้ายจริงๆ อัลบั้มนี้มี 10 เพลง เป็นเพลงใหม่ 8 เพลง ผมเอาลูกสาวกับพ่อไปถ่ายปกด้วย เพราะพ่อคือความ JOY แรกในชีวิต สายเลือดของพ่อทำให้เราได้จอยถึงทุกวันนี้ และความ JOY ล่าสุดคือลูกสาวครับ”

อัลบั้มนี้ตั้งใจส่งต่อความหวัง พลังความสุขให้ผู้คน?

“สุขแรกคือการที่ผมได้ไปฟีเจอริงกับคนอื่นๆ ผมตั้งโจทย์กับตัวเองว่าปกติผมจะไม่ฟีเจอริงกับใคร เพิ่งจะมีก็คือเพลง “ตามตะวัน” ซึ่งก็เป็นโปรเจกต์พิเศษ แต่ปกติไม่ฟีตเพราะเวลาเล่นคอนเสิร์ตมันลำบาก ผมรู้สึกแบบนั้นเองนะ แต่แฟนๆอยากให้ไปฟีตกับคนนั้นคนนี้ ผมเลยคิดว่าแฟนๆจะได้เห็นสิ่งนี้ เป็นความจอยแรก ส่วนเพลงที่ได้ฟีเจอริงกับพี่เบิร์ด คือความตั้งใจของเราและค่าย เรามองพี่เบิร์ดเป็นตัวแทนความสุขของคนไทยมาเกือบ 40 ปี และผมว่าพี่เบิร์ดเป็นพลังงานบวกจริงๆ เราเลยอยากส่งเพลงนี้ไปถึงทุกคน”

ภาพหนุ่มกะลาคือหนุ่มร็อก แต่อัลบั้มนี้ทำให้เห็นความแปลกใหม่ สีสันใหม่ๆของตัวเอง? “งานชุดนี้คืองานชุดพิเศษที่ผมตั้งใจอยู่แล้วว่าผมจะทำเพลงที่ผมอยากทำและมันจะข้ามแนวด้วย ถ้ามันไม่ใช่งานชุดพิเศษก็อาจจะโดนด่าได้ในการที่เราจะไปทางฮิปฮอปอาร์แอนด์บี แต่พอมันเป็นงานพิเศษ ในโอกาสพิเศษ คนฟังน่าจะเข้าใจได้ อีกเรื่องหนึ่งคือผมรู้สึกว่าในช่วงหลังๆพยายามนำเสนอตัวตนในรูปแบบที่เป็นป๊อปมากกว่าร็อกด้วยซ้ำ ยังคงเป็นร็อกแต่กลิ่นของร็อกอาจจะไม่ได้มากเท่าเดิมเพราะบทบาทเปลี่ยนไปจากตอนเป็นวงกะลา”

ยิ่งอยู่นานยิ่งฮอต? “เอาจริงๆคือต้องขอบคุณมากที่ยังให้โอกาส ยังฟังเพลงของผมอยู่ก็ดีใจครับ เพราะทำงานมาก็อยากให้คนฟังชอบ และผมก็ยังจะต้องอยู่ไปอีกนานนะครับ ผมยังไม่รีบไปไหน”

แฟนๆฮือฮาได้เห็นมุมวัยรุ่นสดใสขึ้นของหนุ่ม กะลา?

“จริงๆผมว่าตอนนี้ผมเด็กที่สุดตั้งแต่เกิดมา ถ้าเกิดไม่นับตั้งแต่ 1-15 ปี เด็ก ไม่ได้หมายความว่าผมหน้าเด็กนะครับ แต่หมายความว่าหัวใจเรามีเงื่อนไขน้อยกว่าเดิม ตอนเราเป็นเด็กเราทำอะไรก็ตามที่เราอยากเรียนรู้ เราจะไม่ค่อยมีเงื่อนไขกับมัน และเราก็สนุกกับทุกสิ่งที่มันเข้ามา ตอนเป็นเด็กพอไม่มีเงื่อนไข ถึงจะลองทำสิ่งนั้นๆแล้วเลือดไหลเจ็บตัวเราก็ไม่ได้เสียใจนะเพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันคือการเข้ามาและได้เรียนรู้ ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกเหมือนตอนนั้น ผมเปลี่ยนลุคตัวเองไปไกลมาก แต่งตัวแฟชั่น ทำสีผม เปลี่ยนจนไปสุด แล้วมันก็สดชื่นนะครับ

พอมันไม่มีเงื่อนไขให้ตัวเองเหมือนพอเรายิ่งอยู่นาน สิ่งที่มันอันตรายกับตัวเราคือเรามีเงื่อนไขเยอะ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ทำ ไม่แตะ แต่พอเราลืมเงื่อนไข โอ้ ชีวิตมันสนุกจัง การมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ในเดอะสตาร์ ไอดอล ก็เป็นการได้เห็นโลกใบใหม่นะ เด็กๆเก่งมากๆ ได้เห็นเด็ก ที่แบกความฝัน มุ่งมั่น ทำให้เรายิ่งรักอาชีพเราเพิ่มขึ้น ได้เห็นเรื่องที่เด็กๆเค้าขยันเแล้วเรายังบกพร่องเรื่องนั้นๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าเออเราต้องกลับไปดูตัวเอง ได้อะไรจากพวกเค้ากลับมาเหมือนกัน ทำให้เรามีไฟขึ้น ผมก็จะบอกน้องๆว่ามีคนร้องเพลงเป็นร้อยล้านคนบนโลกนี้แต่เอกลักษณ์ต่างหากที่จะแยกตัวคุณออกมา”

คนรอบตัวที่มองเราว่าเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่ในตำนาน พอได้เห็นความแปลกใหม่ของเราเค้ามีฟีดแบ็กยังไงกันบ้าง? “ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ที่เปลี่ยนมากๆคือจากวันที่เป็นคอม เมนเตเตอร์ในเดอะสตาร์ไอดอล ใส่ชุดหลุยส์วิตตองสีม่วงทั้งชุด ตอนที่ใส่ชุดนั้นผมคิดไว้แล้วว่าผมกำลังจะมีอัลบั้ม JOY ถ้าผมใส่ชุดนั้นแล้วผมโดนด่า เราจะถอยมาทำอะไรให้มันน้อยๆ วันนั้นสรุปว่าฟีดแบ็กจากคอมเมนต์ของผม โอ้โห ทุกคนสนุก บอกว่าเฮ้ยพี่มันแปลกดี และมันลิงก์กับอัลบั้ม JOY พอดี ที่มันไปสุดเหมือนกัน สีสันสนุกแฟชั่น ส่วนเรื่องเพลงก็คิดคล้ายๆกัน อย่างที่เริ่มด้วยเพลงกับทีเจ ผมคุยกับที่ค่ายไว้แล้วว่าพี่ๆครับถ้าเพลงนี้ปล่อยออกมามีสองอย่างนะครับ คนไม่รักก็เกลียดเลยครับ (ยิ้ม) คือเราดูคอมเมนต์ตอนทำเพลงร็อกคนก็เข้ามาบอกว่าดีจังโชคดีที่พี่ยังทำเพลงแบบนี้ แล้วตอนนี้เรากำลังกระโดดข้ามไปอีกแนวที่เค้าด่าอยู่ แต่ผมรู้สึกว่านี่มันคืองานชุดพิเศษ ซึ่งทางค่ายก็น่ารักมากที่ตอบรับกับเราในเรื่องนี้ แล้วฟีดแบ็กก็ออกมาดีเลยครับ ซึ่งงานชุดนี้สิ่งที่ลองทำหลายๆอย่างทั้งซาวด์ดนตรี เมโลดี้

วิธีแต่งเพลงแนวใหม่ๆ แบบไหนที่มันถูกตอบรับ

มากที่สุด มันอาจจะเป็นหนึ่งในงานใหม่ของเราก็ได้ มันจำเป็นนะ เพราะโลกมันหมุนไปแล้ว”

แฟนคลับเก่าๆว่ายังไง? “ผมว่าถ้าเป็นแฟนๆที่เหนียวแน่นเค้าไม่ค่อยด่า เพราะเค้ารู้ว่ามันคืองานชุดพิเศษ ตอนเป็นวงกะลา หนุ่ม กะลาโดนด่าเยอะ แฟนๆเค้าจะรู้สึกว่าทำไมไม่มีเพลงแบบเดิม แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนังคนละเรื่อง ผมเป็นแค่นักแสดงนำคนเดียวกัน แต่ตอนนี้มันคนละบทบาทแล้ว พอมาถึงตอนนี้ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องทดลองอะไรใหม่ๆ เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว”

คนในครอบครัวล่ะมองยังไง? “เค้าเห็นผมคึกแบบนี้มานานแล้ว แต่ช่วงหลังเราสนุกกับการเรียนรู้ ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเก่งเรื่องนั้นๆ อย่างผมทำช่องยูทูบหรือคลิปที่ลงในเฟซบุ๊ก ถ่ายเองตัดต่อเอง ทีนี้ก็ไปเรียนตัดต่อเพื่ออยากรู้ในแนวลึกว่ามือโปรเค้าทำยังไง พอไปเรียนรู้ก็ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เราต้องใช้เวลาทั้งวันมานั่งตัดต่อ ทั้งที่เราเอาเวลาไปแต่งเพลง เพื่อทำงานของเราดีกว่า บางเรื่องมันก็ต้องเรียนให้รู้”

การดูแลตัวเองให้แข็งแรงสดใสตลอด ต้องฟิตขนาดไหน? “ฟิตมากเลยครับ (ยิ้ม) ออกกำลังกายทุกวัน ทำงานเสร็จจะดึกแค่ไหนก็ต้องทำคาร์ดิโอ 1 ชั่วโมง”

หนุ่มมอบพลังให้ผู้คนจากเสียงเพลงเสมอ แล้วในชีวิตตัวเองรับพลัง มีกำลังใจจากอะไรบ้าง?

“ความโชคดีคือผมเป็นคนมีความสุขได้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ นั่งๆอยู่เห็นคนเดินมาเอาขนมมาให้หมากิน เรารู้สึกดี พอเรามีความสุขกับเรื่องเล็กๆน้อยๆได้ เห็นอะไรมันก็มีความสุขไปหมด เรื่องนั้นก็ตลก ก็สนุก บางคนอาจจะเฝ้ารอว่าความสุขคือการจัดงานวันเกิด หรือทำเรื่องอะไรใหญ่ๆถึงจะสุข ตัวผมเองไม่ได้มองแบบนั้น ผมก็ใช้ชีวิตกับการนั่งดูเฟซบุ๊กหรืออะไรตลกๆแล้วมีกำลังใจดีไปเรื่อยๆ”

เส้นทาง 22 ปีมีทั้งกราฟขึ้นลง เวลาที่ผ่านช่วงลำบาก รวมทั้งช่วงโควิด–19 ผ่านเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร? “ถ้าอย่างช่วงโควิด-19 ผมมองว่าถึงผมจะคิดมากแล้วนั่งบ่นไปพรุ่งนี้ก็ยังไม่ได้ทำงาน มันไม่มีเหตุผลถ้าตอนนี้เรายังเปลี่ยนโลกไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือกลับมาดูตัวเองดีกว่าว่าเราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เราอยู่รอด ถ้าเราเคยใช้เงินเยอะไปกับการซื้อของช็อปปิ้ง ก็ทำตัวให้เป็นหมีจำศีลใช้พลังงานให้น้อยเพื่ออยู่รอดฤดูหนาวนี้ เราก็ดูเลยว่าเงินเรามีแค่ไหน ทรัพย์สินเรามีแค่ไหน ถ้ามันเกิดเหตุฉุกเฉินแบบนี้ 3 ปีเราต้องทำอะไรบ้าง บางอย่างมันเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ก็เลยช่างมัน ปรับจากตัวเรา”

โควิด–19 ทำให้ได้ ใกล้ชิดกับแฟนๆทางไลฟ์มากขึ้น? “ผมจะชอบหนีไปไลฟ์สดในเพจที่ผมไปแอบทำไว้ ชื่อเพจ น้ำพริกหนุ่ม Corner จะไปไลฟ์สดแบบบ่นพร่ำพรรณนา ถ้าร้องเพลงก็จะร้องเพลงคัฟเวอร์ คนที่เข้ามาดูก็ห้ามขอเพลงของผมเองไม่งั้นโกรธเพราะอยากร้องเพลงคนอื่น เหมือนเราอยากพักจากเพจใหญ่ของเราคือหลายๆ พฤติกรรม หรือนิสัยมันเกิดจากการที่เราต้องคีพลุคว่าเราคือหนุ่ม กะลา พอเรามาทำเพจเล็ก เราอยากหนีมาผ่อนคลาย ขำๆสนุกๆไลฟ์สดมีคนดู 100-300 คน มีความสุขมาก พอเริ่มมีคนดูเยอะๆ ผมก็เริ่มเฟด เพราะคนเริ่มเยอะแล้ว”

กับครอบครัวตอนนี้ล่ะ โควิด–19 เลยได้เลี้ยง ลูกแบบใกล้ชิด?

“ดีครับ ช่วงที่อยู่ด้วยกันเยอะๆเค้าก็จะติดเรา เพราะเย็นๆ พาเค้าไปเดินเล่น เค้าก็มีความสุขมาก พอเริ่มมาโปรโมตเพลง กลับไปลูกไม่สนใจแล้ว งอน ไม่ใช่ลูกงอนนะ ผมงอนลูก (ยิ้ม) การได้เห็นเค้าเติบโตมาถึงตอนนี้ต้องบอกว่าดีใจที่เค้ามา ดีใจที่ได้เห็นเค้าเติบโตทีละเซนเลย เพราะผมอยู่บ้านตลอด มันคือช่วงที่ได้เรียนรู้กัน ทำให้ผมเห็นเลยว่าถ้าผ่านช่วงที่เรากลับมาทำงานเยอะๆเพื่อประคับประคองช่วยเหลือทีมงานได้แล้ว ต่อไปผมคงจะไม่ทำงานเยอะมาก เพราะผมอยากอยู่กับลูกนานๆ และพัฒนาการต่างๆของเด็กมาแล้วไปเร็วมาก”

การมีลูกเปลี่ยน ตัวเราเยอะขนาดไหน? “ใจเย็นขึ้นครับ บวกกับต้องใจแข็งและใจร้ายในบางเวลา บางครั้งเค้าเจ็บตัวเราก็ไม่ได้อยากเข้าไปซัพพอร์ตเค้าตลอด ผมชอบให้ลูกได้เรียนรู้จากการเจ็บและหายเอง ผมกับแฟนเราเห็นตรงกันว่าโลกภายนอกน่ากลัวกว่านี้เยอะ ต้องฝึกให้เค้าเข้มแข็ง บางเรื่องก็ไม่ได้อยากดุ แต่ก็ดุให้เค้าจำ ผมถือคติในบ้านว่าเรายอมให้ลูกเกลียดเรา ดีกว่าลูกออกไปข้างนอกแล้วคนเกลียดลูก เราเลยจะเข้มตั้งแต่ในบ้าน”

รีวิว 22 ปีในวงการเปรียบ เป็นการเดินทาง การเดินทางนี้เป็นยังไงบ้าง?

“ผมมองว่ามันเป็นรถไฟเหาะที่มันขึ้นไป สูงที่สุดในโลกแล้วมันก็ลงมา ผมรู้สึกว่ามันสวิงสุดๆ ไปเลย นั่นคือชีวิตผม หวังว่าจะไม่มีความสวิงแล้ว มาถึงช่วงนี้อย่างที่บอกว่ารู้สึกว่าตัวเองเด็กที่สุดแล้ว ผมลงเรียนอะไรไปเยอะมาก อยากเรียนรู้อะไรเต็มไปหมด เรียนตัดต่อ การยิงแอด กีตาร์ ซึ่งมันยังรู้สึกสนุกและมีหนังสือที่เราอยากอ่าน อยากรู้เพราะยังมีเป้าที่ยังอยากจะไป ยังอยากทำอะไรอีกหลายๆ อย่าง มันไม่ได้เป็นเป้าของความคาดหวังที่ถ้าตกลงมาแล้วจะเสียใจ แต่แค่เป็นสิ่งที่อยากทำครับ”.

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย
ภาพ: สุรกิจ แก้วมรกต

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2282431
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2282431