แต้ว ณฐพร เปิดเผยครั้งแรก เคยเป็นโรคแพนิกเพราะพยายามเพอร์เฟกต์ (คลิป)


ให้คะแนน


แชร์

การใช้ชีวิตที่เป็นข่าวตลอดเป็นอย่างไร?
แต้ว ณฐพร : เอาจริงๆ แต้วเป็นคนที่ก่อนหน้านี้ได้ฉายาว่าเป็นคนที่ไม่มีข่าวด้วย แล้วอยู่ดีๆ อะไรก็ไม่รู้ กลายเป็นว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำอะไรก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปหมด ทุกอย่างที่เราใส่เข้าไปในโซเชียลมีเดียมันคือการที่เรากดโพสต์เอง ต้องรับผิดชอบทุกอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นก็ยอมรับ

ยอมรับเลยตั้งแต่วันแรก หรือต้องเรียนรู้?
แต้ว ณฐพร : ยอมรับเลย มันอาจจะมีคำพูดที่บางคนรู้สึกว่ามันเจ็บจังเลย แต่แต้วเข้าใจว่าเขาไม่ได้รู้จักแต้วในทุกมิติ เพราะฉะนั้นมันไม่ผิดที่เขาจะมองเห็นบางมุมแล้วตัดสินเราไปบ้าง เพราะฉะนั้นก็เลยรู้สึกว่าโอเคไม่เข้าใจไม่เป็นไร แต่คนรอบข้าง แม่ พี่ เก็ตนะ ทุกคนโอเคนะ ก็โอเค

ทุกครั้งที่เราเต้นหรือใส่ชุดว่ายน้ำ คิดไหมว่าเดี๋ยวเขาต้องไปโพสต์ เขาต้องไปเขียนข่าวเรา?
แต้ว ณฐพร : แต้วมองว่าโซเชียลมีเดียมันคือ Diary แต้วอ่ะ ว่าเราจะได้กลับมาดู Remind ว่าวันนี้ไปนั่นนี่ แฮปปี้ หรือไม่แฮปปี้ แค่นั้น

ความสัมพันธ์ของ “แต้ว-ประณัย” เดตแรกเป็นอย่างไร?
แต้ว ณฐพร : แฮปปี้ค่ะ กินข้าวอาหารอร่อย (หัวเราะ) ทุกอย่างก็ดีค่ะ

อะไรที่ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับคนคนนี้?
แต้ว ณฐพร : คือแต้วจะเป็นคนค่อนข้างแมนมากเลย กับครอบครัวเอง กับญาติพี่น้อง แล้วเรารู้สึกว่าเราจัดการได้โน่นนี่นั่นไม่ค่อยอ่อนแอ แต่กับเขามันทำให้เราดูตัวเล็กๆ ลงมา (หัวเราะ)

อะไรที่ทำให้แต้วกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คืออะไรในตัวเขา?
แต้ว ณฐพร : คือความจริงจังบางอย่าง Relationship ที่ทำให้เรารู้สึกโอเค ยอมก็ได้

มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เราไม่เคยบอกใครแม้กระทั่งประณัยไหม?
แต้ว ณฐพร : อย่างที่บอกเราแฮปปี้ทุกคนก็คงดูออก เด็กอมมือก็ดูออก (หัวเราะ) มันแฮปปี้จนเรารู้สึกอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้ เพราะชีวิตที่ผ่านมามันสอนให้รู้ว่าไม่มีอะไรยั่งยืน แม้กระทั่งเรื่องคุณพ่อ เราอยากเก็บมันไว้ ไม่รู้ว่ามันจะเก็บไว้ได้ด้วยวิธีไหน ภาพมันก็เล่าไม่ได้ ก็เลยเขียน Diary ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เจอ เขียนว่าเรารู้สึกยังไง Can take my eyes คือ ณ ตอนนั้นมันจริงในความรู้สึก เราก็เลยอยากเก็บมันเอาไว้

แชร์ให้ฟังได้ไหมว่าเราจะเข้าใจคนคนหนึ่งอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ความสัมพันธ์มันดี?
แต้ว ณฐพร : ก็ต้องกลับไปที่ความเป็นจริงแหละ ไม่มีใครเพอร์เฟกต์เลย เพราะฉะนั้นคืออย่ามองหา พยายามเข้าใจส่วนที่มันอาจจะไม่เพอร์เฟกต์ของเขา หรือดูว่าเขารับในส่วนที่เราไม่เพอร์เฟกต์ได้ไหม

เรื่องที่หนักที่สุดในชีวิต?
แต้ว ณฐพร : คงเป็นเรื่องที่แต้วเป็นแพนิก (Panic) คือแต้ววิเคราะห์ตัวเองนะว่าแต้วเป็นแพนิกก็ต่อเมื่อไม่โอเคกับสภาพร่างกาย คือไม่โอเคกับการหนาวเกินไป หรือว่าเจ็บปวดท้อง เหมือนเป็นอะไรที่คอนโทรลมันไม่ได้แล้วเราก็จะแพนิก รู้สึกว่าเราไม่สมควรจะอยู่ตรงนี้ มันไม่ใช่ที่ๆ ปลอดภัย แต่ไปไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เคว้งคว้าง หายใจไม่เข้า มันตะเกียกตะกายอยู่ข้างใน ทั้งๆ ที่ข้างนอกอาจจะดูปกติ เป็นมา 4-5 ปีได้แล้วค่ะ

ครั้งแรกที่เกิดขึ้น จำได้ไหมว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร?
แต้ว ณฐพร : ที่โรงพยาบาลค่ะ เหมือนช่วงนั้นคงเครียด อาจจะด้วยความที่เราพยายามเพอร์เฟกต์ อยู่ดีๆ ก็ปวดท้องไม่มีสาเหตุ ลำไส้แปรปรวน กลัวไปหมดเลย กลัวมันจะมาอีก คือรู้ว่าจะข้ามมันไปได้ก็ต่อเมื่อมียา ต้องเอายาไปทุกที่ แต่เราก็คิดว่าจะใช้ชีวิตโดยไม่พึ่งเขาให้ได้ ก็ค่อยๆ ฝึกลมหายใจ ลดยาลง แต้วว่าเหมือนเราต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ล่าสุดที่เป็นคือที่เกาหลี แล้วก็บอกคุณพ่อ พ่อก็บินจากกรุงเทพฯ มาหาที่เกาหลีเลยแล้วก็มากอด ซึ่งเรารู้สึกว่าเป็นกอดที่เราจำสุดๆ เลย เหมือนเขาจะดูดทุกอย่างที่เรารู้สึกไปหาเขา

คิดถึงคุณพ่อไหม?
แต้ว ณฐพร : คิดถึงค่ะ

แต้วเป็นคนที่ดูแลคุณพ่อได้อย่างดีเลยในช่วงสุดท้าย ความทรงจำสุดท้ายเราดูแลคุณพ่ออย่างไร?
แต้ว ณฐพร : ช่วงนั้นเป็นโควิด เราก็ได้ตื่นมาเจอกันใช้ชีวิตด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วก็ชงกาแฟให้พ่อให้แม่ จนคุณพ่อเกิดอุบัติเหตุ วันนั้นแต้วถ่ายโฆษณาอยู่ คุณแม่ไปด้วยตามปกติ อยู่ดีๆ คุณแม่ก็เฟดออกไปทำธุระ แล้วสุดท้ายผู้จัดการก็เดินมาบอกเกิดเรื่อง สั่นเลยตัวชา ต้องยกกองเพื่อไปโรงพยาบาล โดยที่ไม่รู้ว่ามันแย่อะไรขนาดไหน เห็นว่าพ่อทรมานมาก เราไม่ร้องไห้เลยนะตั้งแต่วันนั้น เพราะต้องมีสติมากๆ

การพาพ่อไปหาหมอที่รักษาได้ ต้องจัดการโน่นนี่นั่น แล้วก็อยู่แบบนั้นกันเกือบ 20 วันในการไปนอนโรงแรมใกล้ๆ มาเลกเชอร์กับหมอว่าจะตัดสินใจกันอย่างไร วินาทีต่อวินาที มีความหวัง หมคความหวัง สุดท้ายก็ค่อยๆ คุยกัน และยอมรับกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็เกิด จนถึงวันสุดท้ายที่เราเก็บบรรยากาศทุกอย่าง แม่ก็คุยกับพ่อ ไม่รู้ว่าเขารับรู้หรือเปล่า จดจำทุกวินาที

แต้วเล่าให้พี่ฟังว่าคุณพ่อเฝ้าสอนมาตลอดในการยอมรับกับสัจธรรม คุยกับคุณพ่อทุกเรื่อง ไม่มีอะไรค้างคากับท่านเลย จนถึงวันนี้มีอะไรที่เชื่อมโยงเรากับท่าน เราระลึกถึงท่านบ่อยครั้งแค่ไหน?
แต้ว ณฐพร : ทุกเช้าแต้วก็ยังชงกาแฟให้พ่ออยู่ตอนนี้ ท่านดื่มอเมริกาโน่ จริงๆ เราเป็นคนไม่ทานกาแฟ แต่แบบดื่มด้วยกัน คุยกันในใจ (ร้องไห้)

ได้คุยกับคุณแม่ไหมว่าเป็นห่วงท่าน?
แต้ว ณฐพร : คุยค่ะ แต่คุณแม่เข้มแข็งมาก เป็นกำลังใจให้กัน คุณแม่เป็นทุกอย่างในตอนนี้ คุณแม่จะชอบพูดว่าเหลือกัน 2 แล้วนะ นึกถึงวันนี้และต่อไป เพราะเราเหลือกันแค่นี้ ก็ค่อนข้างอยู่กับความกลัวเหมือนกันค่ะ

นี่คือสิ่งที่คุณพ่อบอกแต้วเสมอ การมาการไปเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่รู้ว่าเราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกใบนี้อีกกี่วันกี่ชั่วโมง ทำให้ดีที่สุดกับคนที่เรารัก?
แต้ว ณฐพร : ใช่ค่ะ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2285262
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2285262