“เขาก็มีมุมที่เป็น ด.ช.ตูนอยู่เบาๆ ก็จะมีมุมที่เห็นกันสองคน คุยกันภาษาเราสองคนเอง แบบที่เขาไม่ได้พูดกับคนอื่น ใช้คำว่าคิดถุง หรือ เส็ดแย้ว มันเป็นภาษา ย. อารมณ์แง่วๆ กันหน่อย” ก้อยเล่าไปก็ยิ้มไป และเสริมต่ออย่างอารมณ์ดีว่า

“เราก็รู้สึกว่าอยากให้เขาอยู่กับเราแล้วผ่อนคลาย เพราะพี่ตูนมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบเยอะมาก พอมาอยู่กับเราก็เป็นส่วนเฮฮา ผ่อนคลายมากขึ้น”

ทิ้งท้ายด้วยบทสนทนาปรัชญารักคู่ก้อย-ตูน ที่ก้อยพิสูจน์มาแล้วว่ามันไม่ใช่แค่คำพูดสวยๆ ความสัมพันธ์จากแฟนเป็นเวลา 10 ปี จนแต่งงานและมีโซ่ทองคล้องใจ คู่รักคู่นี้ยังเหนียวแน่น และเข้าอกเข้าใจกันอยู่เสมอ

“คนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ คือการยอมรับ ยอมรับในข้อเสียของกันและกัน ข้อดีมันรับได้ง่าย แต่การยอมรับข้อเสียมันยาก ซึ่งถ้าเราเข้าใจเขา ยอมรับได้ เราก็จะอยู่ด้วยกันได้นาน เวลามีปัญหาอะไรให้อภัยกันเร็วๆ ชีวิตมันสั้น ไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแค่ไหน เก็บความรู้สึกดีๆ เก็บความรักดีๆ เก็บพลังงานที่ดีที่มีให้กันไว้ อย่าเอาพลังงานลบๆ มาแล้วอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข”