พระพาย รมิดา ถูกวิจารณ์สวยไม่พอเป็นนางเอกช่อง 7 ขอใช้ฝีมือพิสูจน์ตัวเอง


ให้คะแนน


แชร์

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวที่น่าจับตามอง สำหรับ พระพาย รมิดา ธีรพัฒน์ นางเอกคลื่นลูกใหม่ของช่อง 7 ที่ได้เล่นละครประกบพระเอกเบอร์หนึ่งของช่อง 7 อย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ ในละครกรงน้ำผึ้ง ที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ 

วันนี้เรามีคิวสัมภาษณ์นางเอกสาวสวย พระพาย รมิดา นางเอกดาวรุ่ง ที่เพิ่งจะเจอข่าวถูกโยงเป็นมือที่สามของ เวียร์ ศุกลวัฒน์ หลังจากที่ทั้งคู่ได้ร่วมงานด้วยกัน จนทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น

จุดเริ่มต้นของพระพาย

เราไม่รอช้า เริ่มคำถามแรกกับ พระพาย ทันที ว่าจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นนักแสดงของเธอนั้น เป็นมาอย่างไร นางเอกสาวหน้าหวานเล่าให้เราฟังว่า 

“ตอนที่ได้เข้ามาทำงานในช่อง 7 ตอนแรกเข้ามาเป็นผู้ประกาศคั่นรายการก่อน ตอนนั้นเขาเปิดรับสมัครค่ะ คุณแม่ก็ถามว่าหนูสนใจมั้ย ซึ่งตอนนั้นหนูอยู่ ม.6 และจะว่าง 6 เดือนหลังจากที่สอบติด ก็เลยมาลองมาหาประสบการณ์ดูค่ะ 

ที่อยากลองเข้ามาทำงานในวงการ เอาตรงๆ นะคะ ตอนนั้นอยากมีรายได้ อยากหาเงินแล้วก็เข้ามาทำ ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเป็นนักแสดง ระหว่างที่เป็นผู้ประกาศคั่นรายการ ก็ได้ลองไปแคสต์มา 2 รอบ รอบแรกไม่ผ่าน และก็ได้มาลองอีกครั้ง

พอได้ลองมาแสดงละครจริงๆ เล่นละครเรื่องแรกงงมากๆ ค่ะ ทำไมต้องเดินมาแล้วหยุดตรงนี้ มีหลายอย่างมากที่ได้เรียนรู้ ทุกอย่างคือเซตไว้หมดเลย จากที่เป็นคนดู พอได้มาแสดงจริงก็รู้สึกว่ามันยากนะคะ

ภายนอกมันดูเหมือนจะสนุก เหมือนจะง่าย ได้แต่งตัวสวยๆ แต่พอได้มาแสดงจริงๆ มันใช้พลังเยอะมากๆ ในการเล่นละครเพื่อที่จะเป็นตัวละครนี้ให้ได้

และหนูต้องขอบคุณการที่ได้เล่นละครเรื่องแรกของหนู เพราะทำให้หนูเป็นหนูอย่างทุกวันนี้ ละครเรื่องนั้นหนูต้องโดนทุบตี ร้องไห้ตลอดเวลา

ผู้กำกับละคร พี่แดน บูรพา ก็จะสอนเทคนิคในการแสดงว่าจะต้องเล่นยังไง ทำแบบไหน สอนทุกอย่าง จนหนูเป็นงาน ถ้าไม่เจอพี่เขา หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นยังไง (ยิ้ม)”

ยังดีไม่พอที่จะเป็นนางเอก

จากนั้นเราถามนางเอกสาวหน้าหวานต่อว่า เอาจริงๆ เคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกของช่อง 7 ซึ่งพระพายยิ้มหวานและตอบคำถามนี้ว่า 

“เอาจริงๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเป็นนางเอก แต่พอมีโอกาสก็ได้มาเป็น ซึ่งพอได้โอกาสมาก็คิดว่ามันไม่ใช่ทุกคนนะที่จะได้โอกาสดีๆ แบบนี้

ซึ่งเราก็พยายามทำเต็มที่แล้ว บางทีหนูก็ยังมีความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เหมาะหรือเปล่านะ มีกังวลบ้างเล็กน้อยแต่พอมีโอกาสได้งานมาเรื่อยๆ หนูก็จะพยายามตั้งใจทำให้เต็มที่ค่ะ 

จากวันนี้ก็ 5-6 ปีแล้วค่ะที่ได้โอกาสเข้ามาทำงาน แต่หนูรับละครปีละเรื่องเอง แต่มีช่วงหนึ่งที่ไม่รับเลยเพราะไปเรียนให้จบ เลยทำงานไม่ค่อยต่อเนื่อง พอได้กลับมาทำงานก็ต้องเร่งฝีมือตัวเอง และพอหายไปก็ทำให้ไม่ค่อยมีกระแส คนดูก็อาจจะลืมหน้าไป”

เราถาม พระพาย รมิดา ต่อว่า มีความกดดันมั้ย เพราะช่องดูเหมือนจะดันพระพายให้ขึ้นมาเป็นนางเอกแถวหน้า ด้วยการป้อนละครให้เล่นประกบคู่กับ เวียร์ ศุกลวัฒน์ ซึ่งเราได้รับคำตอบของคำถามนี้ว่า  

“มีความกดดันอยู่แล้วค่ะ เพราะบางทีหนูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แอบคิดอยู่ลึกๆ ว่ากลัวตัวเองทำไม่ได้อย่างที่คนอื่นหวัง กลัวตัวเองทำไม่ได้อย่างที่เขาตั้งเป้าไว้ให้ มันคือสิ่งที่กดดันที่สุดค่ะ

หนูไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดว่าตัวเองไม่ดี อาจจะเป็นเพราะในช่องก็มีนักแสดงผู้หญิงใหม่ๆ อีกหลายคนที่แสดงเก่ง และมีความสามารถ

ก็รู้สึกว่าทุกๆ คนมีโอกาสเท่าเทียมกัน แต่คนไหนจะไปได้ไกลกว่ากัน มันก็อยู่ที่ฝีมือด้วย และก็เป็นเรื่องของจังหวะ โชคชะตาที่จะเข้ามามันก็เกี่ยวด้วย หนูมองว่ามันเป็นที่ดวงของคนแต่ละคนด้วยค่ะ”

เป็นนางเอกได้อย่างไรไม่เห็นจะสวย

ต้องยอมรับว่า พระพาย นั้นเป็นนางเอกที่โดนกระแสวิจารณ์ในเรื่องของรูปร่างหน้าตาเช่นกัน ซึ่งเราถามเธอว่า คำวิจารณ์ไหนที่ทำให้รู้สึกนอยด์และเสียใจที่สุด ซึ่งพระพายตอบเราว่า 

“น่าจะเป็นคำวิจารณ์ที่ว่า น้องเป็นนางเอกได้ยังไง ไม่เห็นสวยเลย ก็เสียใจค่ะตอนที่ได้เห็นคำวิจารณ์นี้ ตอนนั้นคิดว่าฉันทำอะไรผิด

แต่ก็บอกตัวเองว่าเราก็ได้แค่นี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เคารพความคิดของเขาที่มองว่าเราไม่สวยไม่เหมาะ เพราะหนูก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้

ก็ได้แต่บอกตัวเองว่าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ ทำให้เต็มที่ โฟกัสแค่ตัวเราเอง ถ้าไปโฟกัสกับเรื่องแบบนี้หนูคงเป็นซึมเศร้านอนอยู่บ้านแล้ว (ยิ้ม)

และเอาจริงๆ ก็ยังมีคนที่เขาชอบการแสดงของเราอยู่ หนูก็จะไปโฟกัสกับกระแสบวกมากกว่าค่ะ เวลามีคนติแบบนี้ หนูก็จะเอามาคิด ถ้าเป็นจริงก็ปรับปรุง

แต่บางเรื่องสิ่งที่เขาว่ามาไม่ได้เกี่ยวกับการแสดง เกี่ยวกับหน้าตา ซึ่งเป็นอะไรที่เราทำไม่ได้แล้ว ก็ต้องปล่อยวาง มีคนชอบ คนไม่ชอบ มันเป็นเรื่องของสัจจธรรม ไม่ได้ใส่ใจกับตรงนั้นมาก”

เวลาโดนคนวิจารณ์ว่าไม่สวย บางคนก็จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้สวยขึ้น แล้วพระพายทำหรือเปล่า หรือว่าก็ปล่อยผ่าน ไม่สนใจ พระพายหัวเราะก่อนตอบคำถามเราว่า

“ทำค่ะ ออกกำลังกาย บำรุงผิวพรรณ คอยดูแลตัวเอง เข้าคลินิกเพื่อดูแลผิวหน้าบ้าง เพราะเราทำงานตรงนี้ก็ต้องดูแลให้ดี เพราะใช้หน้าตาทำงาน และพักผ่อนน้อยก็ต้องดูแลให้มากขึ้นเป็นพิเศษค่ะ”

และเป็นเรื่องปกติ เหล่านางเอกในช่องเดียวกันมักจะถูกแฟนๆ ละครเปรียบเทียบกับนางเอกในรุ่นเดียวกัน พระพาย รมิดา รู้สึกอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้ ซึ่งนางเอกสาวก็บอกกับเราว่า 

“หนูขอทำงานให้เต็มที่ ใครจะเปรียบเทียบยังไงก็เคารพสิทธิ์ของเขาที่เขาจะเอาเราไปเปรียบเทียบ หรือพูดถึงอย่างไร เราเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ มันเป็นเรื่องทั่วไปที่คนเราต้องเจอ ไม่ใช่ดาราก็เจอเรื่องการเปรียบเทียบอยู่แล้ว ทุกคนต้องเจอเหมือนกันหมด ขอมองบวก ไม่เอามาใส่ในใจค่ะ

ปล่อยวางและเข้าใจเมื่อได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง เพราะขนาดดาราหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เราเป็นใคร มันก็ไม่แปลกที่จะมีคนมาว่า และไม่ชอบหนู”

วงการบันเทิงคือวงการมายา

และเมื่อได้ก้าวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ได้เป็นนักแสดงเต็มตัว จากชีวิตเด็กผู้หญิงที่แค่อยากจะมีงานทำเพื่อหาเงินด้วยตัวเอง ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่ง พระพาย รมิดา บอกกับเราว่า 

“สำหรับหนูความเป็นตัวเองก็เหมือนเดิม ตัวหนูไม่ได้เปลี่ยนไป เพราะหนูไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายขนาดนั้นจนทำให้ออกไปไหนไม่ได้เลยเพราะมีแต่คนรุม ซึ่งตอนนี้ก็พอจะมีคนรู้จักบ้าง คนทักบ้าง 

และตั้งแต่มาเป็นนักแสดง ชีวิตในเรื่องของการทำงานและความคิดเปลี่ยนไปทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งการวางตัว การเข้าสังคม การที่จะได้รู้จักกับคนเยอะขึ้น ทำให้มุมมองชีวิตความคิดและวิถีการใช้ชีวิตของหนูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนค่อนข้างมาก

พอได้เข้ามาอยู่ มาทำงานในวงการมันก็สนุกในแบบของมัน มีทั้งสนุก ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ สำหรับหนูวงการบันเทิงคือวงการมายา ถ้าบางคนเข้ามาแล้วไม่เข้มแข็งพอก็อาจจะหลงเหลิงไปกับแสงสี หรือเงินทอง และชื่อเสียงที่ตัวเองได้รับมา 

แต่ถ้ามองจริงๆ มันก็ไม่ได้เหมือนกับที่หนูคิด การที่จะมาเป็นนักแสดงได้ มันต้องใช้ความพยายามจริงๆ มันไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่จะเข้ามาแสดงได้” 

จากนั้น พระพาย เล่าให้เราฟังต่อว่า “ตอนที่ยังไม่เข้ามา ตอนดูจากหน้าจอ ดูมันน่าสนุกจัง ได้แต่งตัวสวยๆ ได้เงินค่อนข้างเยอะ และได้ไปเที่ยว เจอคนเยอะๆ แต่พอได้เข้ามาทำงานจริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดทุกอย่าง

การไปถ่ายละครมันเหนื่อยมาก ต้องตื่นเช้ามาก ต้องวางแผน ต้องอ่านบท ต้องมีพลังเยอะมากๆ กว่าจะถ่ายได้แต่ละฉากก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง และแต่ละเรื่องก็ใช้เวลานานมาก ไม่เคยรู้มาก่อน

พอได้มาเล่นถึงรู้ว่าเขาต้องถ่ายกันเกือบปี เรื่องเงินยอมรับว่ามันโอเคได้ค่อนข้างเยอะ ทำให้สร้างตัวได้เร็ว แต่อายุการทำงานในอาชีพนี้อาจจะสั้นกว่าอาชีพอื่น และเงินที่ได้มาก็ได้มาเยอะจริง แต่ก็ต้องใช้เยอะเหมือนกันในการที่อยู่ตรงนี้” 

พ้นข้อหามือที่สาม เวียร์ ศุกลวัฒน์ 

เพราะในช่วงที่ เวียร์ ศุกลวัฒน์ ยอมรับว่าเลิกรากับ เบลล่า ราณี และทำให้ พระพาย ตกเป็นข่าวมือที่สามของคู่นี้อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะถูกคนเปิดวาร์ปว่านักแสดงสาวมีคนรักอยู่แล้ว ชื่อว่า หนุน ชนน์ชนก ชิดชอบ เป็นถึงลูกชายนักการเมืองชื่อดัง เนวิน ชิดชอบ 

เราจึงไม่พลาดที่จะอัปเดตเรื่องราวความรักของเธอกับแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมานานหลายปี ซึ่ง พระพาย รมิดา ก็ตอบคำถามเรื่องนี้แบบยิ้มไปตอบไปว่า 

“ความรักโอเค เรื่อยๆ ไม่มีอะไรค่ะ หลังจากที่มีข่าวกับพี่เวียร์ก็มีคนมาเปิดวาร์ป (หัวเราะ) ซึ่งตอนแรกไม่มีคนสนใจเลย แต่พอมีข่าว คนก็รู้กันหมดเลย คือหนูไม่ได้ปิดอะไร พอโดนจับตามองมากขึ้น หนูก็ไม่ได้อะไร และเขาก็ไม่น่าจะเครียด หรือกดดันอะไร 

ตอนที่เป็นข่าว เขาขำมากกว่าค่ะ เพราะมันไม่มีอะไร แต่เขาขำที่โดนเปิดวาร์ป เขาไม่ตกใจ แต่แค่พูดว่าบางสื่อเขียนชื่อเขาผิดนะ 

พอเปิดวาร์ปและคนเห็นว่าเขาเป็นลูกชายคนมีชื่อเสียง คือหนูไม่เคยเปิดเผยอะไร แต่ไม่ได้ปิด และมันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว พอมีข่าวคนก็ให้ความสนใจมากขึ้นแค่นั้นเอง 

ส่วนประเด็นที่หลายคนมองเป็นดาราเลยคบกับคนมีฐานะ หนูไม่ได้คิดมาก เพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เรารู้จักกันมานานมากๆ แล้วค่ะ เลยไม่ได้รู้สึกอะไร เป็นเรื่องที่คนคิดกัน เราเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ รู้จักกันมาก่อนที่จะเป็นดาราอีก หนูไม่อยากพูดอะไรมาก 

ถามว่ากดดันมั้ยคนโฟกัสว่าคบกับลูกนักการเมืองชื่อดัง หนูไม่กดดันนะคะที่ผู้ชายเป็นลูกใคร มันไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญกับชีวิตของเรา

แม้พวกเราจะคบกันมานาน แต่ก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องอนาคตค่ะ ตอนนี้ต่างคนต่างทำงาน มีหน้าที่ที่ตัวเองต้องโฟกัส เหมือนยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเรื่องความรักตรงนี้ ก็คุยกันไป เป็นกำลังใจให้กันทุกวัน” 

จากนั้นเราถาม พระพาย ตรงๆ ว่า หวานใจหนุ่มของเธอนั้นแอบหวงมั้ย เพราะมีแฟนเป็นถึงนางเอกของช่อง 7 สี ถึงพระพายก็ได้เฉลยข้อสงสัยนี้ให้เราทราบว่า  

“ช่วงแรกๆ ที่หนูเข้าวงการก็จะมีไม่ค่อยเข้าใจบ้าง ก็มีถามบ้าง แต่พออยู่มาเรื่อยๆ ก็ไม่ได้มีปัญอะไร เพราะเขารู้ว่าหนูเป็นคนนิสัยยังไง และเขาก็เชื่อใจแล้ว ตอนนี้ก็ให้หนูทำงาน ไม่เคยมาก้าวก่าย หรือยุ่งวุ่นวาย หรือทำให้หนูรู้สึกกดดันต้องรายงานตัวตลอดว่าทำอะไร

ผลงานละครเรื่องล่าสุด

เพราะ พระพาย รมิดา ได้รับโอกาสมาเล่นละคร กรงน้ำผึ้ง ประกบคู่พระเอกเบอร์หนึ่งของช่อง 7 อย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ จึงเป็นที่จับตามองและถูกพูดถึงตั้งแต่เปิดตัวนักแสดง 

เราจึงถามพระพายว่า รู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าจะได้เล่นละครกับพระเอกรุ่นพี่ซุป’ตาร์อย่างเวียร์ ซึ่งนางเอกน้องใหม่ก็ได้ตอบคำถามนี้กับเราว่า 

“ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้เล่นละครเรื่องนี้ก็ไปซื้อนิยายมาอ่านค่ะ แต่บทไม่ได้เหมือนในนิยายขนาดนั้น เพราะเขาเปลี่ยนเยอะมาก

มีการเพิ่มสีสันตัวละคร และทำให้ทันสมัยเข้ากับยุคมากขึ้นด้วยค่ะ และในเรื่องพระพายก็มีบู๊กับเขาด้วยนะคะ วิ่งหนีค่ะ และมีได้ยิงปืนด้วย ซึ่งพี่เวียร์เป็นคนสอนค่ะว่าจับยังไง ยิงยังไง 

ความยากง่ายของบทนี้ หนูต้องเล่นเป็นคนความจำเสื่อม ซึ่งตอนที่คิดไว้ว่าจะต้องเล่นแบบนี้ แต่พอมาคุยกับผู้กำกับเขาก็อยากให้เล่นอีกแบบหนึ่ง เลยต้องปรับเยอะอยู่

ฟีดแบ็กละครก็ดีนะคะ เพราะแฟนๆ ไม่ได้เห็นพี่เวียร์เล่นละครมานาน คนก็มาดูละครพี่เวียร์กัน ก็เลยได้ผลประโยชน์ไปด้วย (ยิ้ม)

ส่วนฟีดแบ็กของหนูก็มีทั้งติและชมค่ะ ซึ่งหนูก็น้อมรับทุกคำติชมค่ะ พอดูตัวเองแสดงแล้วก็รู้สึกพอใจในระดับหนึ่งค่ะ เพราะละครเรื่องนี้ถ่ายช่วงโควิด มันมีเว้นช่วงเล่น ทำให้เวลากลับมาถ่ายก็คุมความต่อเนื่องยากหน่อย 

การได้มาร่วมงานกับพี่เวียร์ ครั้งแรกที่รู้ตกใจมาก แต่พอได้มาเจอพี่เวียร์จริงๆ พี่เวียร์น่ารัก ทำงานด้วยง่าย เพราะพี่เขารู้ตัวทุกคนที่ได้ร่วมงานกับเขาจะเกรงใจ

เขาก็พยายามทำตัวรีแลกซ์เพื่อให้ทุกคนไม่เกร็งค่ะ ซึ่งตัวหนูตอนแรกก็เกร็งมาก เพราะไม่เคยร่วมงานกับพี่เวียร์มาก่อน แต่พอได้เข้าฉากกันบ่อยๆ ก็ปรับตัวได้ค่ะ 

ส่วนฉากเลิฟซีน ฉากกุ๊กกิ๊กกับพี่เวียร์ก็เล่นไม่ยากค่ะ (ยิ้ม) เราจะซ้อมกันก่อน พี่เวียร์ก็จะบอกเทคนิคในการเล่น พอถ่ายจริง เทค 2 เทคก็ผ่านแล้วค่ะ ตอนที่เล่นไม่เขิน แต่เกร็งค่ะ แต่ก็พยายามไม่คิดมาก ตั้งใจทำงาน เกรงใจพี่เขา ไม่อยากหลายเทคค่ะ 

และตอนนี้ละครกำลังเข้มข้น ยังไงก็ฝากติดตามชมกันนะคะว่าใครจะเป็นอย่างไร ปมจะค่อยๆ คลาย ก็อยากจะฝากแฟนๆ ละครให้ติดตามกันด้วยนะคะ”.

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Varanya Phae-araya

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2397047
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2397047