เบสท์ รักษ์วนีย์ ชีวิตที่มากับดวง ได้เป็นนางเอกในวันที่ไม่อยากจะเป็น


ให้คะแนน


แชร์

ก่อนหน้านี้ เบสท์ รักษนีย์ คำสิงห์ ถูกรู้จักในฐานะที่เธอนั้นเป็นลูกของนักชกเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของประเทศไทยอย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ แต่ในวันนี้ หลายคนรู้จักเธอในฐานะยูทูบเบอร์ชื่อดัง และนางเอกน้องใหม่ของทางช่องวัน ที่ตอนนี้กำลังมีผลงานละครเรื่อง กู้ภัยหัวใจสู้ ที่กำลังออนแอร์เรียกเรตติ้งเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในตอนนี้ 

วันนี้เราได้คิวสุดฮอตของ เบสท์ รักษ์วนีย์ มาเพื่อพูดคุยและทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้นในฐานะนางเอกน้องใหม่ของช่องวันที่รุ่งทั้งเรื่องงานและความรักสุดๆ

จากยูทูบเบอร์มาเป็นนางเอกละคร

เราเริ่มคำถามง่ายๆ ที่ถามเธอว่ารู้สึกอย่างไรกับการได้มาเป็นนางเอกละครเรื่องแรก ซึ่งนางเอกน้องใหม่ตอบคำถามนี้ของเราด้วยเสียงหัวเราะและท่าทางที่ดูจริงจังว่า 

“การเป็นนางเอกละครเรื่องแรกมันเครียดมากกว่าสนุกค่ะ เพราะว่าด้วยความที่เรายังเล่นไม่เป็น แต่คิดว่าทำไปแล้วถูกต้อง แต่ที่ไหนได้มันผิด มันต้องเรียนรู้อีกเยอะมากค่ะ

ตอนแรกเบสท์เล่นไม่ได้เลยค่ะ ที่ทุกคนเห็นในละครคือดีแล้วนะคะ เพราะก่อนหน้านั้นเล่นไม่ได้เลย พูดก็ไม่ธรรมชาติ ไม่รู้มุมกล้อง ไปบังคนอื่นผิดไปหมดเลย ต้องเรียนรู้เยอะมาก

เพราะเบสท์ไม่ได้ไปเรียนการแสดงเลย และต้องไปเรียนรู้ของจริงหน้างาน แต่มันได้เร็วกว่าไปเรียนการแสดง หลังๆ ก็เริ่มเล่นได้ค่ะ

ยอมรับว่าช่วงแรกๆ เบสท์งอแงไม่อยากไปกองละครเลย เครียด ไม่เอา ยิ่งวันไหนมีฉากดราม่าเยอะๆ นะ เบสท์จะเครียดมากไม่อยากไปทำงานเลย เพราะเบสท์กลัวมาก กลัวทำไม่ได้ แต่พอทำได้มันก็รู้สึกใจชื้นขึ้น ก็เลยทำให้เบทส์มั่นใจในตัวเองมากขึ้น”

เล่นละครเรื่องเรตติ้งก็ปังสุดๆ พุ่งทะยานตั้งแต่วันแรก ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างที่แฟนๆ ให้การตอบรับและติดตามชมผลงานละครเรื่องแรกของเบสท์ นางเอกน้องใหม่ตอบเราว่า 

“สำหรับเรื่องเรตติ้งที่ดีนั้น เบทส์ไม่รู้นะคะว่าในมุมดาราเขาคิดกันอย่างไร แต่สำหรับมุมของเบทส์นั้นแฮปปี้ตั้งแต่คนรู้ชื่อเรื่องตั้งแต่ละครยังไม่ออนแอร์แล้วค่ะ

พอเรตติ้งอันดับหนึ่งยิ่งทำให้รู้สึกว่าแฟนๆ เขารอดูละครของเราจริงๆ เขาไม่ได้โม้ ไม่ได้แค่แชร์เท่านั้น แต่เขาดูจริงจนเรตติ้งอันดับหนึ่ง

รู้สึกดีใจมาก ทำให้เบสท์อยากเล่นละครเรื่องต่อไปแล้วเพราะรู้สึกว่ายังมีกลุ่มคนที่เขารอดูละครของเรา เล่นไปก็มีคนดู เลยทำให้เบสท์อยากเล่นละครต่อเรื่อยๆ ค่ะ (ยิ้ม) 

เรตติ้งละครดี จนทำให้เบสท์เริ่มติดใจกับการเป็นนักแสดง การเป็นนางเอก จะผันตัวจากยูทูบเบอร์มาเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้วใช่มั้ย ซึ่ง เบสท์ รักษ์วนีย์ ตอบคำถามนี้ของเราว่า 

“ก็ไม่ได้ติดใจขนาดนั้น เพราะถ้าให้เลือกก็เลือกเป็นยูทูบค่ะ ไม่เลือกงานแสดง ไม่ได้ติดใจจะต้องเล่นต่อ แค่รู้สึกว่าพอทำได้ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปฏิเสธ

เรารู้ตัวแล้วว่าเราเล่นได้ ร้องไห้ได้ แอ็กติ้งคอมเมดี้ได้ เล่นกับนักแสดงรุ่นใหญ่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว ถ้ามีเรื่องไหนติดต่อมา ถ้าว่างเบสท์ก็จะเล่นค่ะ เพราะเราทำได้แล้วไม่ต้องกลัวที่จะต้องมาเล่น”

จากพี่น้องมาเป็นคนรัก

จากนั้นเราให้ เบสท์ รักษ์วนีย์ เม้าท์เรื่องราวการกับทำงานกับ ตงตง กฤษกร ก่อนเป็นแฟนและหลังเป็นแฟนกันให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้นางเอกสาวเล่าไปยิ้มไปให้เราฟังว่า 

“ก่อนเป็นแฟนกัน เบสท์กับพี่ตงสนิทกันมาก เม้าท์กันมันมากเลยนะ ถ้าทุกคนได้เห็นเบื้องหลังก่อนจะมาเป็นแฟนกัน คือเราเม้าท์กันอยู่ตลอดเวลา เหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ ค่ะ

เราเริ่มจากการเป็นพี่น้องกันจริงๆ แล้วคุยกันทุกเรื่อง เม้าท์เรื่องคนนู้นคนนี้ ชาวบ้านเขาเป็นอย่างไร เม้าท์กันหมด เม้าท์แหลก จนมันสนิทกันเลย ตอนนั้นก็ยังบอกกับพี่ตงว่าเรื่องหน้าเราต้องเจอกันอีก คือตอนนั้นยังไม่เป็นแฟนกันนะคะ 

แต่พอมาเป็นแฟนกันก็คนละแบบ จะไม่ค่อยเม้าท์กันแล้ว ฟิวแฟนก็จะมีความง้องแง้งกัน เดี๋ยวก็หวานกัน เดี๋ยวก็มีเรื่องงอน อยู่กัน 2 คน เดี๋ยวก็เถียงกันบ้าง เข้าฉากใครพูดผิด หรือบล็อกกิ้งผิดก็จะเอาแล้ว ถล่มกันแล้ว เริ่มมีการว่ากัน

จากตอนแรกที่เป็นพี่น้องก็จะให้กำลังใจกัน ไม่เป็นไรเอาใหม่ แต่พอเป็นแฟนก็จะเถียงกัน พี่แหละผิด หนูแหละผิด แต่พอคบกันก็ไม่ได้ทำให้การทำงานของเรามันยากขึ้นนะคะ เพราะพอเข้าฉากปุ๊บเบสท์ก็เป็นตัวละครตัวนั้นแบบเต็มที่ค่ะ”

จากนั้น เบสท์ เล่าให้เราฟังต่อว่า หลังจากที่ตกลงศึกษากัน ก็มีกระแสข่าวออกมา ทำให้ทีมงานเข้ามาสอบถามเรื่องดังกล่าว ซึ่งเบสท์และตงตงก็ยอมรับกับทีมงานว่ากำลังคบกันจริงๆ ว่า 

“ตอนแรกที่คุยกัน ทีมงานก็เข้ามาถามเลยว่ายังไง เรื่องราวเป็นยังไง ต้องบอกเขานะพวกเขาจะได้รู้ เราก็ยอมรับกับทีมงานและคนในกองว่าเราคุยกันจริง เขาก็เลยไม่แซวหรือชง เพราะเขารู้แล้วว่ามันคือเรื่องจริงว่าเราคบกัน (ยิ้ม)”

กว่าจะมาเป็น เบสท์ รักษ์วนีย์ 

เบสท์ รักษ์วนีย์ ชื่อนี้มีหลายๆ คนอิจฉา อยากจะมีชีวิตแบบเบสท์ ประสบความสำเร็จแบบเบสท์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เอาจริงๆ กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน ซึ่งเบสท์เล่าให้ฟังว่า 

“กว่าจะมาเบสท์ มันมีทั้ง 2 อย่าง ชีวิตเบสท์ไม่ได้เหนื่อยมากเพราะมีคนที่เหนื่อยมากกว่าเบสท์อีก ถามว่าแฮปปี้มั้ยก็ไม่ได้ราบรื่น ที่ผ่านมาได้เพราะไม่ได้คิดเยอะ ไม่ได้นอนร้องไห้ทุกวัน ไม่ต้องเครียดไปตลอดเวลา ตื่นเช้ามาทำงาน เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเอง เวลาจะพาโอกาสเข้ามา ก็ใช้ชีวิตปกติไปค่ะ 

จะบอกว่าชีวิตเบสท์น่าอิจฉาก็ได้ ดูมีตังค์ มีชื่อเสียง ก็อิจฉาได้ แต่มุมที่ไม่น่าอิจฉาก็มี เบสท์ก็ไม่ได้สบายขนาดนั้น มุมที่ลำบาก เสียใจและเหนื่อยก็มี

ชีวิตคนอื่นที่น่าอิจฉากว่าเบสท์ก็มี เราต้องมองเยอะๆ เราอิจฉาใครไม่ได้หรอกบนโลกใบนี้ เพราะบางคนที่นอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำงานอะไรเลยก็มีตังค์มีเยอะแยะ เราก็แค่มองและทำตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า

กว่าเบสท์จะเป็นยูทูบเบอร์ที่มีคนติดตามเยอะก็ทำคลิปมาเยอะมาก ทำทุกวันแบบไม่ท้อ จากไม่มีคนดูเลยก็มีคนดูเพิ่มมาเรื่อยๆ เบสท์ทำคลิปทุกวันจนเป็นงานอดิเรกค่ะ ก็เริ่มมีคนติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ

และในวันนี้ก็ได้เป็นนางเอก เป็นนักแสดง แต่เบสท์ก็ยังอยากทำทั้งยูทูบเบอร์และงานในวงการบันเทิงควบคู่กันไปนะคะ เพราะทุกวันนี้ที่เป็นอยู่มันโอเคและดีแล้วค่ะ” 

จากนั้น เบสท์ รักษ์วนีย์ ก็เล่าให้ฟังว่า “ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นไอดอลของใครได้ เบสท์มากับดวงแท้ๆ (หัวเราะ) หมอดูเคยบอกนะว่าการงานดี รุ่ง ปัง เจริญรุ่งเรือง ตอนแรกก็ไม่รู้ไม่เชื่อว่าจะปัง แต่พอเวลาผ่านไปก็ อ๋อ รู้แล้วว่าจะรุ่งจะปังเพราะมาทำยูทูบ มาเล่นละคร (ยิ้ม)”

เราถามเบสท์ต่อทันทีว่า หาเงินได้เยอะตั้งแต่เด็กแบบนี้ แล้วเรื่องการใช้เงินล่ะ เป็นอย่างไร ใช้เงินเก่งหรือว่าประหยัด ไม่ค่อยใช้เงิน งานนี้เจ้าตัวบอกกับเราว่า 

“หาเงินเก่งเบสท์ก็ใช้เงินเก่งค่ะ (หัวเราะ) ใช้ปกติเพราะเหนื่อยด้วยตัวเอง อยากใช้อะไรก็ใช้ ไม่ได้คิดเยอะ พรุ่งนี้เดี๋ยวก็มีเข้ามาใหม่ เชื่อในตัวเอง เลยทำให้ใช้เงินเก่ง แต่ก็ใช้กับตัวเองและคนรอบข้างไม่ได้เปย์คนขนาดนั้น

ถ้าไปช็อปแบรนด์เนมก็ใช้เยอะหน่อย เวลาซื้อเยอะๆ ก็ไม่มีใครดุ เพราะเราหาเงินเอง แต่ทุกอย่างที่ซื้อคือใช้นะคะ ซื้อมาแล้วได้ใช้งานเบสท์ถึงจะซื้อค่ะ”

ฝันของพ่อเป็นจริง 

อย่างที่รู้กัน พ่อบาส สมรักษ์ นั้นหมายมั่นปั้นมืออยากให้ลูกสาวสุดที่รักได้เป็นนางเอกเล่นละคร ตอนเด็กๆ พาไปตระเวนแคสต์เป็นนักแสดงตามช่องต่างๆ จนในที่สุดวันนี้ เบสท์ ก็ได้เป็นนางเอกละครแล้ว พ่อกับแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง สาวเบสท์เล่าให้เราฟังว่า 

“วันที่รู้ว่าเบสท์จะได้เป็นนางเอกละคร พ่อกับแม่ดีใจมากค่ะ เพราะอยากให้เบสท์เป็นดาราตั้งแต่เด็กแล้ว และตอนนี้เขาติดละครเบสท์มาก (ยิ้ม)

ซึ่งเบสท์จะถามเรื่องฝีมือการแสดงของตัวเองจากคนที่บ้านไม่ได้เลยนะ เพราะทุกคนจะบอกว่าเบสท์เล่นดีมาก เบสท์ต้องดูด้วยตาตัวเองค่ะ ไม่อย่างนั้นหลงตัวเอง เหลิงแน่ๆ (หัวเราะ)

เราต้องดูเองในแต่ละฉาก ฟังใครไม่ได้เพราะเขาชมอย่างเดียว ตอนนั่งดูฉากแรกๆ รู้สึกอยากกลับไปถ่ายใหม่ เล่นเหมือนท่องบทเลย

คนไม่ต้องด่าเบสท์นะ เพราะเบสท์รู้ตัวค่ะ เช็กการแสดงของตัวเองตลอด เบสท์ไม่โกหกตัวเอง แต่แค่ไม่ออกมาพูดว่าตัวเองเล่นไม่ดี (หัวเราะ) อันไหนเล่นดีก็เก็บไว้ อันไหนเล่นไม่ดีก็บอกตัวเองว่าเรื่องหน้าต้องไม่มีแบบนี้อีก (ยิ้ม)”

แล้วเบสท์ล่ะ รู้สึกอย่างไร เมื่อตัวเองได้มาเป็นนางเอกละคร ตื่นเต้น กดดัน เครียด ซึ่ง เบสท์ รักษ์วนีย์ เล่าให้เราฟังถึงความฝันของตัวเองที่ก่อนจะมาเป็นยูทูบเบอร์ เบสท์อยากเป็นดารามาก่อนว่า 

“คือเบสท์เคยอยากเป็นดาราก่อนหน้านี้มาสักพักแล้วค่ะแต่ไม่ได้เป็น จนเราไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้มาทางนี้ แต่พอได้ก็รู้สึกว่าทำไมสิ่งที่เราอยากได้มันมาตอนที่เราไม่อยากได้แล้ว

แต่อย่างที่รู้คนอื่นอยากได้โอกาสแบบนี้เยอะ เบสท์ก็เลยรับเล่นเพราะเห็นว่ากว่าแต่ละคนจะได้เป็นนางเอก ต้องแคสต์กันมา นั่งต่อคิวกันยาว กว่าจะได้เป็นนางเอกมันไม่ใช่เรื่องงาน และช่องวันให้โอกาสเบสท์มาเป็นนางเอกละครเรื่องแรกโดยที่ไม่ต้องแคสต์อะไรเลยก็ดีใจมากค่ะ

และถ้าเบสท์ได้เล่นละครอีก เบสท์อยากเล่นบทเป็นคนโรคจิต เป็นนางเอกแบบโรคจิต (หัวเราะ) เพราะถ้าเราอยากเก่ง เราต้องเล่นบทที่ยากเลย

ถ้าเล่นค่อยๆ ยาก เราจะเก่งช้า ถ้าเล่นบทยากๆ เพื่อให้ตัวเองทำให้ได้อันนี้จะเก่งเร็ว เบสท์ชอบทำอะไรที่มันยากๆ เลย ขอทำยากไว้ก่อน

ด้วยความเป็นคนไม่ชอบทำอะไรนานๆ เสียเวลา เช่นต้องไปเสียเวลาเรียนการแสดงแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปอันนี้เบสท์ไม่ชอบ

อยากให้ทำอะไรสั่งมาแล้วเบสท์จะทำให้ได้ แม้จะกดดันตัวเองในตอนนั้นว่าต้องทำให้ได้ แต่ถ้าเราทำได้ เราจะเก่ง (ยิ้ม) ไม่อยากทำอะไรเดิมๆ อยากก้าวกระโดดแบบพีกๆ เลย จะได้เก่งเร็วๆ ค่ะ (ยิ้ม)”

จากนั้น เบสท์ รักษ์วนีย์ เล่าให้ฟังต่อว่า ในวัยเด็กเธอต้องติดตามพ่อไปตามร้านอาหารและจะถูกพ่อบังคับให้ขึ้นไปร้องเพลง และการขึ้นไปร้องเพลงนั้นทำให้เธอได้เงินจากการทำงานเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า 

“เบสท์ทำงานหาเงินตั้งแต่เด็ก สมัยที่ยังมีร้านอาหาร แล้วมีคอนเสิร์ตที่จ้างพ่อให้ไปร้องเพลง พ่อก็จะชอบให้เบสท์ขึ้นเวทีไปร้องเพลงด้วย แล้วก็จะได้ทิปมา

ซึ่งเบสท์ร้องเพลงไม่เป็นนะคะ แต่เป็นเด็กเขาเลยให้อภัย (หัวเราะ) ถูกผิดไม่รู้แต่ได้ตังค์ หาเงินได้ตั้งแต่ตอนนั้น

แต่เบสท์ไม่ได้เป็นคนชอบกล้าแสดงออกนะคะ แต่พ่อบังคับ ให้ไปออกทีวี ให้ร้องเพลง เล่นกีตาร์ เบสท์ก็ต้องทำ ต้องไปฝึกเพราะพ่ออยากให้เบสท์กล้า ก็เลยทำให้กล้ามาจนถึงทุกวันนี้

ตอนเด็กๆ ก็คิดว่าพ่อบังคับ แต่พอโตขึ้นก็รู้ว่าเขาทำเพราะอยากให้เรากล้าแสดงออกตอนโต แต่ตอนเด็กก็รู้สึกว่าพ่อจะบังคับอะไรหนักหนา 

สิ่งที่เขาให้เราทำมันทำให้เบสท์มีภูมิ เหมือนสอนให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง การเรียนก็เรียนเอง พ่อแม่ไม่เคยสอนการบ้าน ถ้าไม่ทำก็โดนครูตี ก็ต้องทำเอง ทำไม่เป็นก็ต้องทำ พึ่งตัวเองตั้งแต่เด็ก (ยิ้ม)”

โดนคนด่าจนร้องไห้

เพราะหลังจากที่เข้ามาในวงการบันเทิงอย่างเต็มที่ เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ เบสท์ รักษ์วนีย์ ต้องเจอทั้งคนรักและคนไม่รัก เข้ามาคอมเมนต์อย่างมากมาย ยิ่งตอนเปิดตัวคบกับ ตงตง กฤษกร กระแสโจมตียิ่งแรงมากขึ้น ซึ่งนางเอกสาวเล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นให้เราฟังว่า 

“ถ้าโดนหนักๆ ก็เป็นตอนที่คบกับพี่ตงตง เป็นคนอวดแฟน ออกตัวแรง เป็นผู้หญิงแรงๆ คำวิจารณ์แนวนี้ทำให้เบสท์รู้สึกไม่โอเค

ตอนนั้นเบสท์ร้องไห้ ไม่เข้าใจ ทำไมไม่เปิดรับซะที เบสท์ไม่ได้เรียนอินเตอร์และเกิดที่เมืองนอกนะ แต่แค่รู้สึกว่าทุกอย่างมันเปิดได้แล้ว เรามีแฟน เราสามารถถ่ายรูปคู่แฟนเราได้ เราสามารถบอกรักกันได้

ไม่ใช่อะไรต้องมาปิดซ่อน ถ้าวันหนึ่งต้องเลิกกันแล้วรูปที่ถ่ายๆ ลงไปก็ค่อยมาลบก็ได้ รอให้ถึงวันนั้นก่อน ทำไมต้องมานั่งคิดไปก่อน

เราก็ต้องเต็มที่กับความรัก คนเรามันมองไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่เราทำได้คืออยากทำเพราะเรามีความสุข ถ้าวันนี้เราไม่ทำ แล้ววันข้างหน้ามาย้อนมองตัวเองก็จะเสียใจว่าทำไมเราไม่ทำ

ก็จะบอกตัวเองว่าทำในสิ่งที่เรามีความสุขไปเลยดีกว่า ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลังคนอื่นด่าก็ช่างเขาเพราะถึงเขาด่าแต่เขาก็ดู ก็คิดในแง่ดี (ยิ้ม) 

ต้องยอมรับว่าการที่มีคนด่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะ เบสท์ไม่ค่อยมานั่งร้องไห้กับคอมเมนต์พวกนี้แล้ว รู้แค่ว่าถ้าเขาชอบเขาก็ชม แต่ถ้าไม่ชอบเขาก็ด่า แค่นั้นเอง

และเบสท์รู้สึกว่าคนที่บอกว่าเบสท์ไม่สวย อยากจะบอกว่า เบสท์ดูออกว่าตัวเองสวยหรือไม่สวยค่ะ ดูออกว่าอ้วนหรือผอม เบสท์ดูออกค่ะไม่ต้องเมนต์ (หัวเราะ) อันไหนเล่นแข็ง เบสท์ดูตัวเองออก

เบสท์เลยไม่อ่านคอมเมนต์ เพราะบางเรื่องมันแก้ไขไม่ได้ ก็ทำให้ปัจจุบันมันดีที่สุด คนว่าเราไม่สวยก็ทำให้ตัวเองสวยขึ้นดีกว่า เล่นให้ดีกว่าเดิมดีกว่า

พอเราทำให้มันดีขึ้นคนพวกนั้นเขาจะมาเห็นหรือเปล่าอันนี้ก็ยังไม่รู้ แต่เชื่อว่าสักวันหนึ่งเดี๋ยวคนก็ต้องเอาเรื่องเก่าๆ มาพูดอีก มันเป็นเรื่องปกติ เลยไม่สนใจกับคอมเมนต์ไม่น่ารักพวกนี้เท่าไรค่ะ”

ถูกคนล้อเพราะเป็นลูกสมรักษ์ คำสิงห์

จากนั้นเราถาม เบสท์ ต่อว่า การที่เป็นลูกพ่อบาส เป็นลูกคนมีชื่อเสียง เคยโดนคนล้อ หรือว่าพูดจาไม่น่ารักใส่บ้างหรือไม่ งานนี้สาวเบสท์รีบเล่าให้เราฟังว่า 

“โดนเพื่อนล้อเป็นปกติค่ะ แต่เบสท์ไม่เคยรู้สึกอะไรเลย รู้สึกโชคดีมากกว่า เพราะหลายคนอยากจะเกิดมาแล้วมีชื่อเสียงมีเยอะแยะ แต่เรามีต้นทุนที่ดี เกิดมาพ่อเรามีชื่อเสียงเป็นสิ่งที่เราต้องดีใจ ภูมิใจไว้ก่อน ก่อนที่จะไปเสียใจว่าโดนเพื่อนล้อ เรารู้สึกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป

คนที่ล้อเราตอนนี้พอเราดังก็มาคุยกับเรา เราก็สะบัดใส่ค่ะ ไม่คุย (หัวเราะ) เราจำได้นะเธอเคยว่าเรา พอมีชื่อเสียงคนก็เข้ามาอยากเป็นเพื่อน อยากรู้จักอันนี้เบสท์รับรู้ได้เลย นี่คือมนุษย์ค่ะ

ส่วนใหญ่ที่โดนล้อเพราะบุคลิกเบสท์ไม่ค่อยมีใครชอบ เพราะว่าเบสท์ดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง เลยทำให้ดูไม่ค่อยน่าคบหาเท่าไร และเป็นคนไม่ได้มีเพื่อนเยอะตั้งแต่เด็กพอเข้ามาในวงการก็ไม่มีเพื่อนในวงการเลยค่ะ” 

ปลดหนี้ก้อนโตสุดภูมิใจในตัวเอง 

ถ้าคนที่ติดตามชีวิตของ เบสท์ รักษ์วนีย์ จะรู้ว่า เธอต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย และยังสามารถหาเงินปลดหนี้ให้พ่อแม่และซื้อบ้านหลังใหญ่ให้ครอบครัวได้ด้วยอายุแค่ 20 เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กอายุเท่านี้

เราถามเบสท์ตรงๆ ว่า เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาทำให้ชีวิตของเบสท์นั้นโตเกินวัยไปมั้ย งานนี้นางเอกสาวตอบกับเราด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความภูมิใจในตัวเองว่า 

“เบสท์รู้สึกว่าตัวเองโตเกินวัยค่ะ เพราะเพื่อนรุ่นเดียวกันยังแค่เรียนหนังสือ ยังไม่ต้องทำงาน หรือมาคิดเยอะ ซึ่งเบสท์ก็ไม่ได้ติดอะไรนะคะ มันเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เป็นผู้ใหญ่เกินวัย

เราโชคดี ไม่ได้อยากเป็นเด็กหรือกลับไปเป็นเด็ก วันที่พาครอบครัวก้าวผ่านวิกฤติ เบสท์ภูมิใจในตัวเองมาก ไม่อยากให้คนคิดว่าหลงตัวเองนะคะ แต่เบสท์รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

ถ้ามีลูกก็อยากมีลูกแบบตัวเอง ไม่ได้ว่าตัวเองเก่งนะคะ แต่โชคชะตาและดวงของเบสท์มันดีเหลือเกิน อายุ 21 ซื้อบ้านซื้อรถ มีตังค์หลายๆ บาท อยากซื้ออะไรก็ซื้อ

ถ้าเป็นลูกเบสท์ทำได้แบบนี้ก็คงดีใจที่อายุแค่นี้ทำได้ขนาดนี้จนเราต้องนอนอยู่บ้านเฉยๆ อยากมีลูกแบบตัวเองมาก (ยิ้ม)

แต่พ่อกับแม่ไม่ได้บอกอะไรที่ทำให้เบสท์ตัวลอย แค่เขาบอกว่าเบสท์เกิดมาเขาก็ภูมิใจมากแล้ว เขารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้เป็นเพราะเบสท์ แค่นี้ก็ภูมิใจแล้ว

ต่อให้เบสท์ทำงานหนักก็ไม่เป็นไรถ้าได้ทำเพื่อครอบครัว และเบสท์ก็ทำงานตั้งแต่เด็กจนไม่รู้แล้วว่าอันไหนงานหนัก หรือไม่หนักเพราะเบสท์ไม่เคยเหนื่อยเลย (หัวเราะ)

เบสท์ไม่เคยไม่อยากรับงาน รู้แค่ว่าถ้าไม่ทำก็จะไม่ได้ตังค์ มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องทำงานถึงจะมีเงิน เลยทำให้เบสท์เข้าใจและปลงกับโลกโดยไม่ต้องศึกษาธรรมะ (ยิ้ม)”

คนคลั่งรัก 

แม้จะเพิ่งก้าวเข้ามาเป็นนางเอกละครเรื่องแรก แต่งานนี้ เบสท์ รักษ์วนีย์ ก็ขอฉีกกฎการเป็นนางเอกน้องใหม่ ด้วยการออกมายอมรับว่ากำลังคบหากับ ตงตง กฤษกร พระเอกดาวรุ่งสุดฮอต ในระหว่างที่ทั้งคู่ถ่ายละครเรื่องกู้ภัยหัวใจสู้ งานนี้สาวเบสท์รีบบอกเราทันทีว่า 

“เบสท์ไม่ได้ฉีกกฎค่ะ เพราะก็มีคนที่เป็นแบบนี้ แค่เขาไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกันกับเบสท์ ไม่ได้มีชื่อเสียง ไม่มีคนรู้จัก เบสท์เป็นแค่วัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่มีความรักอยากถ่ายรูปก็ลง อยากถ่ายคลิปก็ลง ซึ่งพี่ตงก็คิดเหมือนกัน เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกก็เลยเข้ากันได้ ลงรูปกันทั้งคู่ก็เลยกลายเป็นคลั่งรัก”

จากนั้น เบสท์ เล่าให้ฟังต่อว่า ในช่วงที่เปิดตัวคบกัน เธอนั้นโดนแฟนคลับด่าจนทำให้ร้องไห้มาแล้ว เรื่องที่ว่าเธอนั้นไม่เหมาะสมกับ ตงตง กฤษกร เพราะไม่สวย

“แต่พอเปิดตัว ยอมรับว่าน้อยใจที่คนด่าว่าไม่เหมาะเป็นแฟนพี่ตง ผู้หญิงทุกคนรู้สึกแย่แหละถ้ามีแฟนแล้วโดนบอกว่าไม่เหมาะ ไม่เหมาะเพราะหน้าตา หุ่น สีผิว มันเป็นอะไรที่ไม่ควรพูดว่าไม่เหมาะเพราะว่าคนเรารักกันก็คือรักกัน ไม่มีคำว่าไม่เหมาะ

แต่เบสท์ก็เข้าใจว่าพี่เขาหล่อ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเขามาจีบเบสท์เอง เพราะฉะนั้นอยากให้มองความเป็นจริง เขามาจีบเบสท์ เบสท์ไม่ได้จีบเขา ถ้าจะด่าต้องดูความเป็นจริงว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร 

ตอนนั้นที่เจอทัวร์ลงก็คิดว่าจะไม่ไปต่อแล้ว แต่พอมานึกดู พี่ตงเขาไม่ได้ผิด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่ตงผิด เช่น พี่ตงพูดต่อหน้าว่าเบสท์ไม่สวย ไม่เหมาะกับเขา เบสท์เลิกเลยนะ

แต่เขาไม่เคยพูด ซึ่งเขาไม่ผิด เพราะฉะนั้นเขาไม่ควรได้รับความเสียใจ คนอื่นต่างหากที่พูดแบบนี้ เราก็ไม่ควรจะเลิก ก็เลยคบกันมาจนถึงทุกวันนี้” 

เบสท์ รักษ์วนีย์ ยังเล่าต่อว่า “เรื่องการแสดงความรักก็แล้วแต่มุมมองของคน บางชอบแบบเปิดตัว บางคนไม่ชอบ หรือเปิดนิดเปิดหน่อย ซึ่งเบสท์บอกใครไม่ได้หรอกว่าต้องเปิดนะ เพราะโลกมันไปไหนต่อไหนแล้ว เพราะแล้วแต่คนชอบ

แต่สิ่งเดียวที่อยากจะบอกคือ ถ้าเราไม่ทำอะไรเต็มที่แล้วมันผ่านไป จะมานั่งเสียใจเสียดายไม่ได้นะ อะไรที่ทำได้ก็ทำอนาคตจะได้ไม่มานั่งเสียใจ (ยิ้ม)”

คลั่งรักแบบนี้ความรักแฮปปี้ทุกวันหรือเปล่า งานนี้สาวเบสท์ตอบคำถามนี้กับเราว่า “ก็แฮปปี้นะ พอมันรักกันทั้งคู่ ก็จะมีมุมแฮปปี้ จุ๊กจิ๊กกัน แต่ก็มีง้องแง้งกัน แต่ไม่ได้สุข 365 วันค่ะ เป็นเรื่องปกติของคนมีความรัก ทะเลาะกันแต่ก็ยังจับมือกันไปต่อ 

ถ้าถามเรื่องขี้งอนจะเป็นเบสท์ แต่ถ้าน้อยใจไม่ออกอาการจะเป็นพี่ตง จะชอบน้อยใจแล้วไม่พูดออกมา ถ้าขี้หึงพี่ตงก็เยอะกว่า เบสท์มีแต่ไม่เยอะ แค่ดูๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ผ่าน

แต่พี่ตงจะบอกเลยว่าเขาหึงอันนี้นะ หึงทุกคนเลย ดักทางเอาไว้ก่อน เช่น ไปเล่นละครกับพระเอกใหม่อย่าคุยเยอะนะ อย่าชวนเขาเล่นเยอะนะ แตกต่างจากเบสท์ที่ไม่ได้ห้าม”

แม้จะมีความแตกต่างกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เบสท์และตงตงคลิกกันสุดๆ นั่นก็คือเรื่องของความง่ายๆ ชิลๆ ซึ่งเบสท์อธิบายให้เราฟังด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขว่า 

“สิ่งที่เราคลิกกันที่สุด ความชิลๆ ของเราค่ะ กินอะไรก็ได้ แต่งตัวยังไงก็ได้ ไม่ได้ห่วงหล่อห่วงสวย อันนี้เข้ากันได้จริง ไม่สวยหล่อตลอดเวลา เรื่องนี้คลิกกันที่สุด

และอยากจะบอกว่า พ่อแม่เบสท์โอเคกับทุกคนที่เบสท์คุย เพราะเบสท์เชื่อว่าตัวเองเลือกคนดีๆ แน่นอน พ่อแม่ไม่ต้องห่วง พ่อแม่เห็นเรารักใครก็รักด้วย เขาเอาเราเป็นหลักอยู่แล้ว เบสท์รักใครเขารักตามค่ะ” 

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Anon Chantanant, Sathit Chuephanngam

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2410525
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2410525