น้าหมู เล่ายุคพีกซื้อรถเป็นสิบ-7ตึก จุดพลิกวันที่หมดจริงๆ คอนเสิร์ตสุดท้ายร้องไห้กันหมด


ให้คะแนน


แชร์

ขายกีต้าร์จนไม่มีใครซื้อขายรถ ขายก็เหมือนปี40 โควิด3ปีผมไม่มีงานเลย หนักคนละแบบ ไปยืมเงินแอ๊ดเมื่อไม่นานมานี้ น้าหมู เล่ายุคพีกเงินไม่รู้มาจากไหน ซื้อรถแพงๆเป็นสิบคัน ตึก7ตึก จุดพลิกวันที่หมดจริงๆ เผยอาการป่วย คอนเสิร์ตสุดท้ายไม่มีใครรู้ ร้องไห้กันหมด รถไฟขบวนสุดท้ายในเพลงเพื่อชีวิตแบบผม

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

หนุ่ม คงกระพัน เดินทางไปเปิดใจตำนานเพื่อชีวิต น้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ใน คุยคุ้ยคน 40ปี กวีศรีชาวไร่ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ รถไฟขบวนสุดท้าย โดยเล่าเรื่องราวชีวิตทั้งหมดจากเด็กโคราชผ่านเหตุการณ์มากมายถึงวันนี้

โดยตอนหนึ่ง น้าหมู ได้เล่าถึงยุคพีกสุดๆของความโด่งดัง ยิ่งช่วงเพลง ตังเก ซื้อวอลโว่เลย เช่าบ้านหลังใหญ่อยู่ซอยอ่อนนุช เช่าแพงด้วย หลังเป็นหมื่น บ้าพลังเลย เราเป็นคนที่ไม่เคยมีเงินมา ตอนนั้นปี34 จากนั้นเตรียมทำชุด จ.ป.ล. เพลงคิดถึงบ้าน ผีแมว จันทราคาลิปโซ่ ฝนจางนางหาย

ตอน แอ๊ด (คาราบาว) ทำค่ายเพลงมาขอให้ผมทำสักชุด ผมไปบอกแกรมมี่ แกรมมี่โกรธจะฟ้องผม เขาก็ลงทุนมาเยอะผมก็เห็นใจ ผมก็กราบเขา กราบอากู๋ (ไพบูลย์) ขอโทษเถอะผมคนบ้านนอก แอ๊ดเขาเคยมีบุญคุณกับผมมากเลย เขาขอผมชุดหนึ่งผมต้องให้ ผมจะเป็นจะตายก็ต้องทำให้เขา แกรมมี่เลยเข้าใจนะเลิกโกรธไม่ฟ้อง

ต้องชื่นชม ชุด จ.ป.ล. ระเบิดเลย เพลงคิดถึงบ้านมาแรงมาก ชุดนี้สมบูรณ์กว่าชุดตังเกอีก ชุดตังเกได้เพลงตังเก เพลงเขาใหญ่ กับเพลงคนจนรุ่นใหม่
แต่ชุดนี้ได้คิดถึงบ้าน จ.ป.ล.จีนปนลาว ฝนจางนางหาย ผีแมว โคราชา เป็นต้น ชุดนี้บริษัทมีปัญหาเลยเอาไปขายให้รถไฟดนตรี

จากนั้นมาลอยเพดานเลย มีอีกหลายชุด น้ำตาหอยทาก ตอนนั้นน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ปี38 ขายไม่ได้เลย 6 เดือนแรก เปลี่ยนปกจากปกเดิมเป็นเบอร์คนรักที่เลิกกันไป มาเป็นรูปหน้าผมและรูปหอยทาก อยู่บนหน้าเลย ขายได้เกือบล้านม้วน เอามารวม รอบนี้สามช่ารอบหน้าค่อยว่ากัน ขายได้อีกล้านกว่าม้วน

ไม่รู้เงินมาจากไหน เงินเยอะไปหมด ผมซื้อรถเป็นสิบคัน มี 13 คัน ซื้อรถสปอร์ต รถเบนซ์ รถบีเอ็ม รถเบนซ์ ปิกอัพ รถจี๊ป มาสด้า MX-5 แต่ก่อนมีกี่คน ผมขับผ่านหน้ารามคำแหง มันจอดอยู่ริมถนนผมชี้เอาเลย กูรวยนี่หว่า เดี๋ยวนี้เหรอ (หัวเราะ)

น้าหมู บอกด้วยว่า ตอนนั้นเหมือนคนที่เหมือนคางคกขึ้นวอ จากจนติดดินขึ้นมาอยู่วอ รู้สึกว่าเงินหาง่าย รวมตั้งแต่ชุดตังเกมาจนก่อนชุดเจ้าสาวผีเสื้อ ผมว่าผมขายได้เกิน 5 ล้านม้วน (หนุ่มบอก50ล้าน) ไอ้ที่แสดงสด ถูกจ้างเล่น อัดบันทึกการแสดงสดอีกต่างหาก ผมเป็นคนไม่ชอบเก็บเงิน ซื้อของ 7 ตึกในโคราช เพราะไม่รู้จะเอาเงินไปใช้อะไร เที่ยวทุกวันอยู่แล้ว

จนมาซื้อที่นี่ปี38 มาทำสตูดิโอ ทำห้องอัดสร้างที่อเมริกา สร้างสระว่ายน้ำ รีสอร์ต สร้างบ้านหลายหลัง เนื้อที่ 35 ไร่ ไปทัวร์อเมริกาหลายรอบ เห็นบ้านศิลปินเมืองนอกทำกัน

ถามว่าอยากเป็นฮับให้นักดนตรีต่างประเทศมาอัดเพลงมาอยู่เลย น้าหมู บอกว่า มีห้องซาวน่า ห้องออกกำลังกายครบ ไม่ได้ทำ สั่งเครื่องอัดไป รวมๆ 11 ล้าน เขาให้รอเครื่องรุ่นใหม่ รอยังไม่ทัน 3 เดือน ฟองสบู่แตกปี40 ไม่งั้นกูเป็นหนี้20ล้าน ค่าเงินเปลี่ยน ก็ยังไม่ได้ทำ

พอไม่มีงาน ต้องช่วยลูกวง หรือคนที่รู้จักเราก็ช่วย เรามีเราช่วย ของพวกนี้ตายไปก็เอาไปไม่ได้ รถที่ผมซื้อไว้ขายไปหมด ทีละคันสองคัน ทยอยขาย มีที่ขายที่ มีตึกขายตึก ที่วังน้ำเขียว ที่ปักธงชัย ขายหมด

เหมือนคำที่บอกคนเราทำเหมือนไม่เคยเจ็บ ไม่เคยตาย หาเงินงกๆๆ เก็บซื้อโน่นนี่ ทรัพย์สินเงินทองเก็บหอมรอมริบ ถึงเวลาร่างกายทนไม่ไหวทำงานมาก ป่วยก็เอาทรัพย์สินที่เก็บได้ทั้งหมดทุ่มเทกับการรักษาตัวเอง เหมือนผมเลย สุดท้ายไม่มีอะไรเหลือ

น้าหมู เล่าถึงอาการเจ็บป่วยว่า ป่วยมะเร็งลำไส้ ผ่าตัด มาเป็นเส้นเลือดตีบในสมอง อีกครั้งเป็นลิ่มเลือดอุดตันก้านสมอง มะเร็ง คีโม 3 ครั้ง หายแล้ว แต่เส้นเลือดไม่หายหรอก เป็นตลอดชีวิต ด้านขวาผมเคยเป็นอัมพฤกษ์ เดี๋ยวนี้ก็เล่นกีต้าร์ไม่ได้ การเดินก็เดินไม่ถนัด เขียนก็ไม่ถนัด ตอนนี้ยังเป็นอยู่ เราต้องรักษาให้ร้องเพลงได้

แต่ก่อนกินข้าวกัดลิ้นตัวเองทุกวัน ผมต้องฝึกเดิน ฝึกอ่านหนังสือ ให้ร้องเพลงให้ได้ นี่ดีขึ้นเยอะมาก ต้องฝึกอ่านให้ลิ้นไม่ติดเล่นกีต้าร์ตั้งแต่เป็นมาฝึกทุกวันเล่นไม่ได้ ประสาทส่วนเล็กๆ ไม่ทำงาน เหลือแต่ประสาทกล้ามเนื้อมัดใหญ่

น้าหมู ยังเผยว่า โควิด 3 ปี ผมไม่มีงานเลย ขายกีต้าร์จนไม่มีใครซื้อเพราะขายยาก ขายรถ ขายก็เหมือนปี40 หนักคนละแบบ ผมไปยืมเงินแอ๊ดเมื่อไม่นานมานี้ แสนหนึ่งก็พออยู่ได้ เราไม่อยากขอมากเขาก็หามา ไม่รู้เราจะได้ใช้ไหม เขาก็ถามว่าพี่เงินแค่นี้จะพอใช้เหรอ ผมบอกว่าไม่ใช่จะพอใช้ ต้องถามว่าผมจะทำชีวิตอย่างไรให้ใช้เงินแค่นี้ให้พอ

มันหมดจริงๆ เหลือตรงนี้ที่ขายไม่ได้เพราะมันไม่มีใบถือครองอะไร สิ่งที่เหลือก็มีเหลือความสุขที่เราได้เป็นศิลปินที่เราอยากเป็น และมีแฟนเพลงที่เหนียวแน่น

ครั้งสุดท้ายที่ผมไปเล่นวันที่ 4 ผมไม่อยากบอกเลยว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย มันเหนื่อยมาก วันนั้นวงก็ไม่รู้ คนจัดก็ไม่รู้ ไม่เตรียมการบันทึกแสดงสด คิดว่าเล่นคอนเสิร์ตไปประจำปี คนดูก็ไม่รู้ ผมรู้คนเดียว ผมขึ้นเพลงยอดหญ้า คือเหนื่อยมาก เลยประกาศบนเวทีว่าขอเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย โอ้โหคนร้องไห้

ถามว่า น้าหมูพูดไปไม่เศร้า? น้าหมู กล่าวว่า ไม่ต้องพูด ไม่รู้จะพูดยังไง มันไม่ไหวจริงๆ ผมกะจะมีอีก 2 คอนเสิร์ตปีหน้าครบ 70 และครบ 40 ปี(กวีศรีชาวไร่) ปี66 ผมจะครบ70 แต่มันไปไม่ไหว มันเหนื่อย แต่ถ้าเป็นกลุ่มเล็ก 50 คน ก็พอรับได้ แต่คอนเสิร์ตน้าหมูร้านนั้นร้านนี้ไม่ไหวต้องรักษาตัวก่อน

ตำนานเพื่อชีวิต เผยด้วยว่า ผมอยู่ได้ทุกวันนี้ ทุกอย่างที่มีและที่ขาย ที่ได้และที่ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของชีวิตเลย สิ่งที่เหลืออยู่และผมได้คือเพลงที่เขียน งานที่ทำ แฟนเพลงเขาได้ความสุข แปรความทุกข์เป็นพลัง ทุกอย่างเป็นผลงานที่อยู่ในใจและมีความสุขมากกว่ารถร้อยคัน มากกว่าบ้านร้อยหลัง มากกว่าเงินทอง แม้วันนี้เหลือไม่มากไม่เป็นไร ปกติเราก็ไม่มีอะไรอยู่ ทำเท่าที่ทำได้มันไม่ตาย

น้าหมู ให้ข้อคิดด้วยว่า ทางตันทำไมหนูออกได้ ก็ทำตัวให้เป็นหนู อย่าทำตัวเป็นยักษ์ เป็นช้าง ผมเขียนบทกลอนในเฟซบุ๊กผม ผมถือว่าผมเป็น ผขร. รถไฟขบวนสุดท้าย ผมเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายในเพลงเพื่อชีวิตแบบผม อย่าถามว่ารถผุๆ รางพังๆ เราจะวิ่งยังไง แต่จะถามว่าเราจะวิ่งอย่างไรไม่ให้ตกราง นั่นคือตัวผม

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7122394
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7122394