เป้ วงมายด์ งง! ทำงานเยอะแต่มีเงินในบัญชีแค่3-4 พัน-ภรรยามีคำตอบ


ให้คะแนน


แชร์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เป้ วงมายด์ / อัพเดตพัฒนาการลูกแฝด “น้องมิวสิค-น้องลีริคส์” กับนักร้องหนุ่ม เป้ บดินทร์ เจริญราษฎร์ หรือ เป้ วงมายด์ พร้อมภรรยา กร ษิภูตา หลังทั้งคู่สร้างบ้าน ถอยรถเพื่อครอบครัว หวังเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เพียบพร้อมสมบูรณ์ เผยเห่อมาก ใช้เวลาที่มีทั้งหมดให้กับลูกๆ

ล่าสุด เป้-กร ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์ถึงเรื่องพัฒนาการของลูกแฝด และเงินที่เก็บโดยภรรยาเพื่อเป็นทุนการศึกษา เลี้ยงดูลูกในอนาคต เผยอยากให้ลูกเรียนเมืองนอก

อัพเดต 2 แสบหน่อย?
เป้ : 11 เดือนไปเมื่อวาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขากำลังพยายามทดลองต่างๆ ในร่างกายของตัวเอง ลุกขึ้นยืน ปีนป่าย ไต่ราว ทำทุกอย่างที่เราไม่ควรที่จะเขาทำครับ เราต้องคอยดูแล ทั้งบ้านก็จะทุ่มเทไปที่เขาหมดเลย พัฒนาการยอดเยี่ยมครับ กำลังจะเข้าสู่วัย 1 ขวบในเดือนหน้าครับ
กร : พร้อมจะหัวแตกตลอดเวลา กำลังจะเดินแล้วค่ะ 2-3 ก้าว

คุณแม่เหนื่อยมากใช่ไหม?
กร : มันเลยจุดนั้นไปพอสมควร(ยิ้ม) ใกล้จะหยุดปั๊มนมแล้วค่ะ คิดว่าเดี๋ยวน่าจะดีขึ้น เพราะยังปั๊มอยู่ นมเยอะมากเลยตัดใจไม่ได้ที่จะหยุดปั๊มค่ะ เสียดาย จริงๆ สต็อก 2 คน พอให้น้องแฝดทาน มีสต็อกตู้หนึ่งตู้ไอติมใหญ่ๆ แต่ช่วงนี้เขาก็ทานข้าว 3 มื้อแล้วค่ะ แล้วก็เริ่มฝึกให้ทานนมผง มีนมแม่มื้อหนึ่ง นมผงด้วยค่ะ สลับไปเพราะนมแม่จะเลิกแล้วฝึกเขาให้เป็นนมกล่องแทน

เริ่มจะสบายมากขึ้นแล้ว?
เป้ : มีเวลานอนมากขึ้นครับ
กร : ใช่ น่าจะเป็นเรื่องการนอนมากกว่าที่เหนื่อยมาก ถามว่าแบ่งเวลาเลี้ยงลูกยังไง ไม่แบ่งค่ะ ให้ลูกหมดเลย
เป้ : กำลังคิดว่าอยากไปนั่งกินยากินิกุ ก็คิดไปคิดมาถ้าเอาลูกไปด้วย แล้วถ้าเกิดเขาโวยวายขึ้นมา โต๊ะข้างๆ จะทำยังไงเนี่ย สุดท้ายก็เอามาอยู่ที่บ้าน คือใช้เวลาร้อยเปอร์เซ็นต์ให้กับลูกๆ ครับ อย่างผมเองไม่ทำอะไรเลยนอกจากเขียนเพลงอยู่ที่บ้าน ถ้าไม่นับการออกไปคอนเสิร์ตนะครับ เรียกว่าอยากจะใช้ทุกๆ โมเมนต์กับเขา

เพราะทุกๆ เช้าเราอยากจะเจอเขา อย่างเมื่อเช้าเขาก็จะมีสิ่งใหม่มาให้เราตื่นเต้นตลอด อย่างบางวันเขายังลุกไม่ได้เลย อีกวันหนึ่งลุกขึ้นมาเกาะคอกแล้วก็หัวเราะ อย่างเมื่อเช้าอยู่ก็เข้ามาเล่นจ๊ะเอ๋กับเรา เราเพิ่งสอนไป เขาก็มาเล่น คือแบบเมื่อวานยังทำไม่ได้เลย วันนี้ทำได้แล้ว ทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากจะพลาดโมเมนต์ต่างๆ ระหว่างนี้เลยแม้แต่วันเดียว

พัฒนาการไปเร็วมาก?
กร : ล่าสุดไปเล่นคอนเสิร์ตต่างจังหวัดก็กลับเลยถึงบ้านตั้งแต่ตี 5 ก็ฝากลูกไว้กับอาม่า เหล่าอี๊ จริงๆ เลี้ยงกันเองมาตั้งแต่เกิดเลยค่ะ เพิ่งจะมีพี่เลี้ยงตอนที่น้อง 9 เดือน จนตอนนี้จากไปแล้วเปลี่ยนไป 3 คนแล้วนะ

ไม่รู้ว่าพี่เลี้ยงไม่ไหว หรือลูกเราไม่ไหว จริงๆ น้องปรับตัวค่อนข้างยากกับคนแปลกหน้าค่ะ สมมุติเจอคนทั่วไปเขาจะโอเคมาก แต่ว่าถ้ามาเลี้ยงเขา อุ้มเขาทั้งวันเขาจะมีความต่อต้านเพราะเขาไม่ชิน เขาจะชินกับเหล่าอี๊ อาม่า ถ้าเป็นคนอื่นมานั่งป้อนข้าวป้อนนม เขาจะไม่เอา

แสดงว่าเราไม่ค่อยพาไปเจอผู้คน?
กร : เจอได้ค่ะ สมมุติพามาเจอพี่ๆ เขาก็จะยิ้มเล่นด้วย แต่ถ้าจะขออุ้ม ป้อนนม ป้อนข้าว เขาไม่เอา หรือจะนอนก็ไม่ได้ เขาติดคนในบ้าน
เป้ : คือถ้ามาอยู่ด้วยแป๊บๆ ได้

เห่อลูกๆ กันไหม?
กร : เห่อนะคะ ไอแพดรูปลูกเต็มหมดล้วก็ตัดใจลบไม่ได้เลยสักอัน โดนลูกยึดไปแล้ว
เป้ : ผมว่าผมไม่ค่อยเห่อเท่าไหร่ ไปลองดูในไอจีผม ไม่เห่อเลยจริงๆ

เรามักจะอัพเดตเรื่องลูกๆ ตลอดเวลา?
เป้ : สมัยก่อนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราจะมีการเขียนไดอารี่ ถ่ายรูปแล้วก็แปะเป็นโฟโต้บุ๊กไว้ อย่างตอนนี้เราก็มีเฟซบุ๊ก ไอจี ที่รู้สึกว่าอยากจะเอาจุดนี้ไปเขียนเป็นไดอารี่ให้กับเด็กๆ แล้วตอนนี้เราก็มีช่องยูทูบของเราอย่างที่บอกครับ ชื่อช่องว่า KP Family ซึ่งจะลงคลิปทุกๆ วันอาทิตย์ อันนี้มันก็เป็นเหมือนไดอารี่ของเราเหมือนกันว่าทุกๆ อาทิตย์มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่มันน่าเบื่อ แต่สำหรับเรามันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ

กร : อย่างกรเมื่อก่อนจะเป็นวัยรุ่นติดตาม เดี๋ยวนี้ก็จะเป็นแม่ๆ ค่อนข้างจะเยอะ แล้วก็จะถามเข้ามาว่าทำอย่างนั้นยังไง เลยคิดว่าการที่เราแชร์ลงไปลงโซเชียลมีเดีย มันก็เป็นประโยชน์เหมือนกัน เช่น การเจ็บป่วยเข้ารพ. การรักษา วิธีการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ กับการรับมือ มันเหมือนเลี้ยงลูกกับเพื่อน แล้วก็แชร์กัน บางคนก็บอกว่าทำแบบนี้ไม่ถูก ต้องเป็นแบบนี้นะ บางคนก็ดีเอ็มมา หรือบางคนไม่รู้หรือลองแล้วไม่ได้ผลก็จะกลับมาคุยกัน มันก็เหมือนเป็นสังคมแม่ลูกอ่อนช่วยกันเลี้ยงลูกค่ะ

โซเชียลช่วยเลี้ยงลูกเยอะไหม?
เป้ : ก็มีเยอะครับ มันจะมีทั้งที่อยากจะเลี้ยงลูกเราจริงๆ กับที่แบบเข้ามาเฮด สปีช
กร : แต่ว่าส่วนใหญ่ก็มาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อย่างถ่ายรูปเขาก็บอกอย่าให้มีแสงเข้าตาน้องนะ น้องติดเอามือเข้าปาก ก็จะมาช่วยอัพเดตกันมาเรื่อยๆ สนุกดีค่ะ
เป้ : หันคาร์ซีตให้ถูกทิศนะครับ (เปลี่ยนรถเลย) ตอนแรกนั่งรถทั่วไป แล้วขาผมยาว แล้วลูกต้องอยู่ข้างหลัง ซึ่งการหันคาร์ซีตที่ถูกต้องคือต้องหันหลัง ซึ่งพอหันหลังผมขับไม่ได้ สุดท้ายวิธีการไม่ได้เปลี่ยนคาร์ซีต เปลี่ยนรถครับ พอเปลี่ยนปุ๊บเราก็หันคาร์ซีตไปในทางที่ถูกต้อง ก็มีพี่ๆ เข้ามาบอกว่าอย่างนี้ถูกต้องแล้ว ปลอดภัย

ก็เลยเห็นว่าในไอจีได้ซื้อรถใหม่ให้กับครอบครัว?
เป้ : ใช่ๆ อีกอย่างคือขนของไม่พอครับ สมมติเราคิดว่าอยากจะพาลูกไปทริปสั้นๆ ไปพัทยา ชลบุรี เวลาที่เป็นลูกอ่อน ผมเชื่อว่าทุกคนที่มีลูกเล็กๆ จะทราบดีว่าของมันเยอะแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนึ่งขวดนม ผ้าเปียก แพมเพิร์ส ยกไปทีนึงเหมือนย้ายบ้าน ต้องให้ทิปพี่ๆ เบลบอยเยอะมาก เพราะต้องช่วยยกครับ
กร : มันเป็นความปลอดภัยด้วยที่มันจำเป็นมากๆ ต้องใส่ลังพลาสติดต่อๆ กัน ของมันไม่พอ อ่างอาบน้ำก็ต้องเอาไปเอง เพราะที่โรงแรมอ่างเขาใหญ่มาก แต่เด็กตัวจิ๋วเดียว เราก็ต้องเอาอ่างไปเองอีก คือมีทริปหนึ่งที่ไม่ได้เอาอ่างไป แล้วเขาหัวกระแทกอ่าง


เป้ : ก็เลยเป็นความฝังใจ จริงๆ แล้วบ้านเราของมันอาจจะเยอะไปเองครับ(ยิ้ม) คืออยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก
กร : ล่าสุดใช้แบบสูบลม มันต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไป

สร้างทั้งบ้าน ซื้อทั้งรถ เปย์ลูกหนัก?
เป้ : จริงๆ การที่เรามีครอบครัว มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมว่ามันคือเศษหนึ่งของชีวิต จากที่เราเป็นวัยรุ่นเราทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง พอเราโตขึ้นเราทำทุกอย่างเพื่อที่จะตอบแทนพ่อแม่ พอมาอีกช่วงหนึ่งเราทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวตอนนี้มันเป็นช่วงเวลานั้น ผมอายุ 35 ปีแล้ว ปีนี้รู้สึกมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากที่เราจะสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว

เลยรู้สึกว่าอะไรที่เราทำได้ เราก็ทำดีกว่า อีกอย่างคือลูกเราเล็กมาก ช่วงเวลาที่เราจะสามารถจะเอ็นจอย หรือให้เขาได้อยู่ในอ้อมอกของเราเยอะๆ ที่สุดมันสั้นมาก เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขาติดเพื่อน เขามีสังคมของเขา เราก็จะไม่ได้มีโอกาสได้มากอด มาหอมเขาแบบนี้อีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เราอยากจะใช้โมเมนต์ให้เยอะที่สุดกับเขา เพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีที่สุด

กร : สปอยล์ไหมคะ
เป้ : ไม่นะ

ตอนนี้บ้านไปถึงไหนแล้ว?
เป้ : ตอนนี้บ้านผมพักไปนิดหนึ่งเพราะว่าด้วยความที่มันเป็นโควิดด้วย เลยทำให้การก่อสร้างบ้านล่าช้าไปเยอะมาก ค่าใช้จ่ายในการจ้างคนงานก็จะยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบต่างๆ ก็เยอะขึ้น แพงขึ้นเรื่อยๆ เราเลยหยุดไว้ก่อน และคิดว่าจะลองหาแผนใหม่ดูว่าจะต้องออกไปในแนวทางไหน แต่คิดไว้ว่าจะต้องมีบ้านให้กับเด็กๆ แน่นอน

วางงบไว้เท่าไหร่?
เป้ : ไม่น่าจะวางงบไว้ได้ เอาเป็นว่าเราจะทำให้ดีที่สุดในงบที่เราพอไหวแล้วกัน
กร : ตอนแรกเราคิดว่าเราต้องเต็มที่มากๆ กับเรื่องนี้ แต่พอลูกโตขึ้นทุกวันนี้คิดว่า จริงๆ แล้วเงินสดมันสำคัญกับชีวิตมากนะ โควิดสอนเราแบบนี้ สมมติเรามีบ้านใหญ่มากหรือเรามีรถที่หรูมาก แต่สุดท้ายมันแปรเป็นเงินสดเพื่อเอามากินข้าวไม่ได้

กรเลยคิดว่าจริงๆ แล้วบางอย่างแค่พอดีก็พอแล้ว เก็บเงินสดไว้ยามฉุกเฉินดีกว่า ทุกวันนี้พี่เป้หาเงินมา เราคิดว่าจะต้องแบ่งเงินและเก็บไว้ใช้ส่วนตัวกันบ้าง แต่นี่คือเก็บใส่กระเป๋าลูกเยอะมากๆ ก็บอกพี่เป้อย่างเดียวว่าไม่มีตังค์ เพื่อให้เราดูไม่มีเงินใช้

เป้ : จริงๆ แล้วเรามีเหรอ คำถามผม ผมต้องการจะชี้ว่าทำไมผมไม่มีเงินเลยฮะ(ยิ้ม) ภรรยาบอกผมตลอดว่าเก็บให้ลูกนะ(หัวเราะ) ผมก็งงว่าผมทำงานเยอะมาก ผมมีเงินติดแบงก์อยู่ประมาณ 3-4 พันตลอดเลย เพราะอะไร
กร : เราเก็บให้ลูกหมด คือของตัวเองก็เก็บใส่ในบัญชีไม่เยอะ อยากให้แบบเปิดไปดูแล้วคิดว่าเราไม่ได้มีตังค์เยอะ เราประหยัดดีกว่า แต่พอเงินเข้ามาก็โอนเข้าของลูกไปเลยแล้วเก็บที่เหลือเอาไว้ แค่เหลือไว้แค่ ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าประกัน ค่าบัตรเครดิตก็เก็บไว้แค่ตรงนั้นที่เหลือคือโยนแบบหลับหูหลับตา แบบไม่รู้ยอดของลูกมีเท่าไหร่ทั้งนั้น

ภรรยาเป็นคนจับเงินในบ้าน?
เป้ : เงินทองที่หามาได้ผมยอมโอนให้เธอเก็บ Happy Wife Happy Life เพลงผมยอดวิวจะร้อยล้านแล้วครับทุกคน วันนี้ผมมีเงินนะ แต่ผมไม่เคยรู้ว่าผมมีเงิน เพิ่งมารู้วันนี้เอง
กร : แต่ก็ไม่ให้ใช้อยู่ดี เพราะว่าตัวกรเองก็ไม่ใช้ค่ะ ให้ตัวเองรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีใช้มันดีกว่า ไม่งั้นเราก็สุรุ่ยสุร่าย แบบพอรู้สึกว่ามีเงินมันเริ่มอยากใช้ แบบซื้อนี่ดีกว่า มื้อนี้ไปกินโอมากาเสะดีกว่า ไม่เอาอ่ะ

สามีไม่รู้รหัสเอทีเอ็ม?
กร : เขาไม่รู้ตัวเลขเลยค่ะ จริงๆ ตัวกรก็ไม่รู้นะ เพราะว่าโอนไปบัญชีแบบที่ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้ยอดเท่าไหร่ แต่รู้ว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเงินก้อนที่เข้ามาของลูกหมดเลย
เป้ : เข้าใจครับ

เก็บเงินไว้ขนาดนี้ เตรียมรร.ไว้ให้ลูกหรือยัง?
กร : เราอยากให้เขาไปเรียนต่างประเทศค่ะ เราไม่รู้ว่าสถานการณ์โควิดมันจะมาอีกกี่รอบ หรือเมื่อไหร่มันจะฟื้น เพราะฉะนั้นวันที่มีเงินเข้า เราต้องเก็บไว้ให้เยอะที่สุดก่อน อยากให้ลูกไปเรียนเมืองนอก
เข้าใจแล้วเนาะ?
เป้ : ครับ

ถึงคดีเรื่องลูก?
เป้ : คือเรื่องราวมันเกิดอย่างนี้ วันนั้นเราโพสต์รูป โพสต์วิดีโอในช่องทางของน้องกร ปรากฏว่ามีไอจีอวตารคนหนึ่ง เขามาพิมพ์เป็นเฮดสปีชใส่ไปในคอมเมนต์ประมาณ 4-5 คอมเมนต์ ซึ่งเป็นคำที่ค่อนข้างจะรุนแรงในฐานะที่เป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่อย่างเรา เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้วยังรู้สึกเลยว่ามันค่อนข้างจะคุกคามมากๆ แล้วพอเราลองมาดูความสมควร ความน่าจะเป็น ลูกเราอายุแค่ 10 เดือน เขาไม่น่าจะไปทำความเกลียดชังใดๆ กับจิตใจของใคร

ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มันค่อนข้างจะล้ำเส้นในครอบครัวของผมมากเกินไป ชั่งใจอยู่ครับว่าสมมติเกิดขึ้นกับเราเอง หรือกับใครสักคนในบ้านเรา ผมเข้าใจดีและยินดีที่จะยอมรับมัน ผมว่าเรามีทั้งคนรักและคนเกลียด แต่พอเป็นกับลูกผมว่ามันไม่แฟร์กับเขา สิ่งๆ นี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่ยังไม่ได้ทำร้ายใครเลย เขาไม่ควรที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ แล้วถ้าเราไม่ดำเนินการใดใดสักอย่าง

สุดท้ายแล้วความรู้สึกเกลียดชังมันมีแต่เพิ่มขึ้น หรือมันอาจจะไปจุดประกายใครบางคนที่กำลังอยากจะพูดหรือคันปากมาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดกับเด็กๆ ผมรู้สึกว่าเคสนี้ควรที่จะเป็นตัวอย่าง และปรึกษากับทางปอท. และมีการแถลงข่าวไปครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนได้ทราบว่าเรากำลังดำเนินการกับตัวไอจีอวตารตัวนั้น ซึ่งก็มีการรวบรวมหลักฐาน ใกล้พอที่จะมองหาตัวคนได้แล้วแหละ อยากให้ชัวร์จริงๆ ก่อนและดำเนินการตามกฎหมาย เรียกมาเจอกันแน่นอน

เรื่องนี้ยังไงก็ไม่ยอม?
เป้ : อย่างที่ผมบอกครับ คือถ้ามันเกิดขึ้นกับเราเอง เราไม่มีปัญหา
กร : เราค่อนข้างเข้าใจดีว่าลูกเราอาจจะไม่ได้น่ารักสำหรับทุกๆ คน แต่ว่าในโซเชียลมันสามารถเลื่อนผ่านได้นะ คือไม่ชอบอาจจะอุทานมาตอนนั้นเลยก็ได้ว่าเด็กอะไรไม่น่ารักเลย แต่ก็อยู่ในพื้นที่ของคุณไง แต่นี่คือเขาลุกล้ำมาที่พื้นที่ของเรา แล้วพอมันลงไปในโซเชียลมันก็ติดไปตรงนั้นแล้ว วันหนึ่งถ้าน้องอ่านออก น้องมารับรู้มันดูไม่แฟร์สำหรับเขา ถ้อยคำมันหยาบคายมาก ถ้าออกสื่อคงต้องเซ็นเซอร์ค่ะ มันโหดร้ายเกินไปนิดหนึ่ง

เป้ : มันทำให้เกิดคำถามในใจกับเราว่า แล้วเขาไปทำอะไรให้คนๆ นั้นเกลียดนักหนา หรือถ้าจะพูดแบบสนุกปากก็ทำไมไม่ทำอย่างอื่น ถ้าไม่ชอบก็แค่ผ่านไปไม่ควรที่จะต้องทำแบบนี้ มันลุกล้ำสิทธิกันมากเกินไป หรือถ้าไม่สบายหรือป่วยก็ควรที่จะไปรักษาให้ถูกที่ ไม่ควรที่จะมาพิมพ์แบบนี้แล้วใช้เหตุผลว่าป่วยมีสิทธิ์ทำได้

ถ้าเจอตัวแล้วเขาขอโทษจะทำอย่างไร?
เป้ : ผมบอกไปแล้วครับว่าผมแพ้เกสรดอกไม้ ผมไม่รับกระเช้า ผมไม่รับดอกไม้ ไม่รับช่ออะไรทั้งนั้น ให้มันเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย ถ้าสมมติมันมีเรื่องเงินทองเข้ามา ผมคิดว่าจะต้องเอาไปช่วยมูลนิธิเด็ก
กร : คือจริงๆ เราไม่ได้อยากได้เงิน แต่กฎหมายว่ายังไงก็ต้องอย่างนั้น ก็ให้ตำรวจเป็นคนจัดการ ให้เขาได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ ตัดสินออกมาเป็นแบบไหนก็แบบนั้น

ไม่ต้องไกล่เกลี่ย เจอกันที่ศาลอย่างเดียว?
กร : ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เขาก็ลบคอมเมนต์ไปหมดแล้วนะคะ หลังจากข่าวลงไปว่าไปที่ปอท. เขาก็ลบคอมเมนต์ออกหมดเลย แต่เราก็แคปไว้หมดแล้ว จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็มี แต่เพิ่งรู้ว่าอายุความมีอยู่ 3 เดือน ถ้าเราปล่อยนานเกิน มันหมดอายุความก็ไม่สามารถแจ้งความ
เป้ : คงไม่ปล่อยครับ ติดตามอยู่ แค่ยังไม่ได้พูดเฉยๆ ว่าเราทำอะไรไปถึงไหนแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7162948
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7162948