นิชคุณ ทุ่มเต็มร้อยให้งาน เล่าเส้นทางความสำเร็จ กดดัน-เครียด ต้องบาลานซ์ชีวิต


ให้คะแนน


แชร์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

นิชคุณ ทุ่มเต็มร้อยให้งาน / ทุ่มเทให้กับทุกการทำงานอย่างเต็มร้อย สำหรับซุปตาร์คนดัง นิชคุณ หรเวชกุล “นิชคุณ 2PM” เล่าประการณ์การประสบความสำเร็จในชีวิต ทำการบ้านอย่างหนัก กดดันตัวเอง จนได้มายืนจุดนี้อย่างภาคภูมิใจ ตอนนี้พยายามบาลานซ์ชีวิต การทำงานและการใช้ชีวิต

โดย นิชคุณ ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน”Wilson Greeting by Nichkhun” ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ซึ่งภายหลังจบงานได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว

ได้เล่นซีรีส์เรื่อง Finding The Rainbow เป็นอย่างไรบ้าง? “ตัวละคร ‘วิลสัน’ ผมว่าใกล้ตัวผมหน่อย เพราะเขาเป็นคนทำงาน มุ่งมั่น มีความพยายาม พอลองอ่านบทรู้สึกว่าเนื้อเรื่อง มีความท้าทายค่อนข้างสูง คิดว่าสนุกเลยอยากมาแสดงเรื่องนี้ครับ”

บทนี้เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง?ภายนอกครับ ตามบทเขาเป็นคนที่เพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง แต่ว่าด้วยความรักทำให้เขาเป๋ไปนิดหนึ่ง ก็ต้องติดตามดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเรื่อง แต่ว่าภายนอกวิลสันเป็นคนเพอร์เฟ็กต์มากมีทุกสิ่งทุกอย่าง มีความฉลาด มีเงิน ประสบความสำเร็จครับ แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่มันเดินไปก็จะเห็นว่า ไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ในโลกนี้

ประทับใจบทบาทนี้อย่างไร? “ประทับใจกับทุกๆ ท่านที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงทุกๆ ท่าน ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ การทำงานมันสนุกครับ เหมือนกับไปด้วยกัน อย่างพี่เจมส์ (ธนดล นวลสุทธิ์) ผู้กำกับ ก็ไม่ได้ฟิกว่าบทนี้ต้องทำอย่างนี้นะ อยากทำอะไร ลองทำไปก่อน แล้วเราค่อยมาปรับ เหมือนเราสร้างซีรีส์เรื่องนี้ไปด้วยกัน”

ออม สุชาร์บอกว่าทำการบ้านดี กลับไปซ้อมบทตลอด? “พอถ่ายเสร็จเขาจะให้บทสำหรับวันรุ่งขึ้นติดตัวกลับบ้านไป ผมก็ไปนั่งเช็กว่าจะเติมสีสันเข้าไปยังไงดี เพราะถ้าเราอ่านแค่บทมันก็คือตัวหนังสือในกระดาษ ซึ่งก็เหมือนอ่านหนังสือธรรมดาแล้วจินตนาการไป แต่ว่าสิ่งที่คนดูเห็นคือสิ่งที่เราจินตนาการในหัว ว่าอยากให้มันออกมาเป็นยังไง ก็ต้องกลับไปทำการบ้าน ทุกซีนมันจะได้มีความหมาย ไม่ใช่แค่ออกมาทำให้เวลาเต็ม”

การร่วมงานกับออม สุชาร์เป็นอย่างไร? “สนุกมากครับ ออมเป็นคนไม่อ่านบทมา(หัวเราะ) เขาเป็นคนที่ชอบอิมโพรไวส์มากครับ แล้วผมก็ชอบเวย์นั้น เพราะว่าผมก็เหมือนกัน บางบทที่เขาเขียนมามันไม่เข้าปากผม พูดไม่ถูกครับ เราพูดผิด ถ้าเราอิมโพรไวส์เราก็ใช้ภาษาที่เราคุ้นเคย เคยชินแล้วมันไปได้สมู้ดกว่า สนุกกว่า ทำงานกับออมสนุกมากเลย”

ตอนนี้ถ่ายไปถึงไหนแล้ว? “จริงๆ เราถ่ายไปได้ไม่กี่คิวเองครับ(ยิ้ม) แต่ก็ถ่ายซีนสำคัญๆ ไปหลายคิวเหมือนกัน หลายซีน”

ความยากของการรับบทคืออะไร?มันคือการย้อนเวลากลับไปกลับมาครับ เขาก็จะเขียนกำกับำว้เลยซีนนี้ซีนอะไร พ.ศ.อะไร เราก็ต้องไปดูว่าพ.ศ. นี้เราอายุเท่าไหร่ ต้องทำตัวยังไง ถ้าสมมติ ตอนอายุ 22 ปีปลายๆ เราก็ต้องกระฉับกระเฉงมากขึ้น แต่ถ้าตอนอายุ 40 ขึ้นไป ก็ต้องไปทำการบ้านมาว่าซีนนี้ต้องวางตัวยังไง ก็เป็นความท้าทายปนกับความสนุก”

ภาษาไทยมันจะออกไปแนวยุคก่อนๆ? “อ๋อ ไม่ถึงขนาดนั้นครับ คือด้วยความที่เป็นไทยอเมริกัน ก็จะมีปนไปปนมา ก็จะสะดวกปาก”

การรับบทบาทแต่ละเรื่อง พิจารณาจากอะไร? “ก่อนอื่นเลยต้องดูว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง แล้วตัวละครมันช่วยในเรื่องการพัฒนาสกิลการแอ๊กติ้งยังไง แล้วก็ให้อะไรกับคนดู ไม่ใช่ดูผ่านไปเรื่อยๆ แล้วจบ อยากให้คนดูแล้วได้ส่ระ ได้ความคิดไปด้วยครับ”

มีบทบาทไหนที่อยากเล่น แต่ยังไม่ได้เล่น? “มีนะ จริงๆ งานแสดงผมไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นครับ จริงๆ มีหลายบทบาทที่อยากเล่น แต่ยังไม่เคยเล่นบู๊ แอ๊กชั่นครับ แต่ผมก็เปิดรับทุกๆ โอกาส ถ้ามันเหมาะ มันดีสำหรับผม”

ฝากซีรีย์? “ฝากซีรีส์เรื่องนี้ด้วยครับ เรื่อง Finding The Rainbow พวกเราทุกคนตั้งใจสร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา หวังว่าทุกท่านจะชอบและได้ความคิดดีๆ กลับไปด้วยครับ”

สำหรับแฟนเพลงทุกๆ คนยังจะพอมีโอกาสได้เห็นผลงาน? “เรื่องซิงเกิลตอนนี้ผมยังไม่มีแพลน หรือความคิดว่าอยากจะทำเพลงขึ้นมา เพราะผมว่าการทำเพลงมันเป็นอะไรที่ไม่ควรจะไปกดดัน ไปผลักให้มันเกิดขึ้น ผมว่ามันน่าจะโฟลออกมาเป็นงานศิลปิน เดี๋ยวขอพิจารณาก่อน(ยิ้ม) ผมก็รู้แหละว่าแฟนๆ อยากฟัง อยากจะเจอในด้านที่ไม่ใช่แค่การแสดง แต่เป็นในด้านเพลงด้วย”

ต้องเต็มร้อยทุกๆ ครั้งกับการทำงาน?ต้องเต็มร้อย หรือว่าเกินร้อยทุกครั้งครับ เพราะมันไม่ใช่ว่าทำง่ายๆ เราก็คือศิลปินคนหนึ่งที่พยายามสร้างศิลปะชิ้นหนึ่ง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้ดู ได้ฟัง ได้สัมผัส การไม่ทำการบ้าน มันเป็นอะไรที่ไม่อนุญาติให้ตัวเองทำครับ ต้องเต็มที่ ผมเป็นคนกดดันตัวเองมานานแล้วครับ แต่ช่วงนี้ก็จะน้อยลงเยอะ เวลาทำงานก็จะกดดันไปเลย เวลาไม่ทำก็ปล่อย แล้วค่อยกลับมากดดันอีกทีเวลาทำงาน

วิธีที่ทำให้ตัวเองกดดันน้อยลง?ด้วยอายุ ด้วยประสบการณ์ครับ ช่วงที่ทำงานหนักๆ จริงๆ ไม่ค่อยได้นอน บินตลอดเวลา มันก็จะมีความสุขแค่ในเวลาที่เห็นบัญชี(ยิ้ม) แต่มันไม่มีความสุขโดยที่มนุษย์ไม่ควรจะใช้ มันเหมือนโรบอทเครื่องจักรที่หมุนได้ตลอดเวลา มนุษย์ควรจะแบ่งบาลานซ์เวลาทำงาน และพักผ่อน เครียด มีความสุขมันต้องไปด้วยกันครับ

ตอนนี้เราใช้ชีวิตลงตัว บาลานซ์ได้หรือยัง? “ตอนนี้คือใช่เลย การทำงานก็ทำงานเลย อย่างงานซีรีส์เรื่องนี้ ผมก็รับงานนี้ แล้วก็ไม่รับเรื่องอื่นเลย แล้วมีเวลาก็ค่อยไปใช้ไปอยู่กับที่บ้านครับ”

การพักผ่อนของนิชคุณคือการทำอะไร?ไม่ทำเลยครับ(ยิ้ม) ดูทีวี เล่นเกม ไม่คิดว่าวันนี้ต้องทำอะไรครับ มันก็คือการพักผ่อน แล้วพอเวลาทำงานก็คิดแต่งาน แล้วพอมีเวลาปุ๊บก็เที่ยวกับที่บ้าน แต่ตอนนี้ลงตัวครับ ตอนนี้มีความสุข เหมือนกับทำงานไปด้วยได้สร้างความทรงจำครอบครัว คนที่รักไปด้วย”

ตอนนี้รับจ๊อบเดียว ถ้ามีเวลาว่างก็ให้ครอบครัว?ใช่ครับ หรือไม่ก็เตรียมตัวของวันรุ่งขึ้นครับ ถามว่ามาไทยรอบนี้จะอยู่นานมั้ย ก็อยู่อีกเกือบเดือนครับ แต่เดี๋ยวก็ต้องบินไปถ่ายต่อที่นิวยอร์ก

มีแพลนไปเที่ยวที่ไหน?ช่วงนี้คงไม่มีเวลาแล้วครับ แต่เท่าที่ดูตารางแน่นเกือบทุกวันเลยครับ

กระแสที่โน่น เป็นอย่างไรบ้าง? “ผมไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่ครับ ผมไม่ค่อยได้ดูข่าว พอดูแล้วเครียดครับ(ยิ้ม) แต่ผมว่ามันมีเวลาของมันที่จะติดกระแสและไปเรื่อยๆ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7186688
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7186688