ดวงตา คงทอง ควงสามีเปิดใจหลังวิวาห์ เคยห้ามลงรูปงานแต่ง ทำสามีนอยด์ขั้นสุด


ให้คะแนน


แชร์

ดวงตา คงทอง ควงสามีเปิดใจหลังแต่งงาน รู้สึกผิดเคยห้ามลงรูปงานแต่ง กลัวแฟนคลับไม่เข้าใจ ทำสามีนอยด์ขั้นสุด ปล่อยผ่านคนนินทาได้สามีแก่

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ดวงตา คงทอง เจ้าของเพลงดัง อยากเจอคนจริงใจ ควงสามี ญี่ปุ่น ทรงเดช แนวสุวรรณ เปิดใจหลังเข้าพิธีวิวาห์ไปหมาดๆ เล่าเส้นทางความรัก รวมไปถึงข้อห้ามก่อนแต่งที่ทำคุณสามีเสียความรู้สึกไม่น้อยถึงขั้นเสียน้ำตา แต่งงานแล้วกลัวแฟนคลับไม่เข้าใจ ในรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ และธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร

เพิ่งแต่งงานไปสดๆ ร้อนๆ? ดวงตา : “31 กรกฎาคมค่ะ”

แต่งงานแล้วเป็นยังไงบ้าง? พี่ญี่ปุ่น : “เหมือนเดิมแหละครับ รักเหมือนเดิม ชีวิตเราก็ไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ครับ”

ในความเป็นภรรยาการดูแลกันต้องเพิ่มมากขึ้นไหม? ดวงตา : “ก็น่าจะนะ จริงๆ แล้วเราใช้ชีวิตหรือเราคบหากัน เราเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่แรก การคบหากันระหว่างเราสองคน เรารู้จักกันมานาน มันไม่มีอะไรต้องปรับเยอะ เราก็ดูแลกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอแต่งงานไปแล้วเราก็แค่ทำหน้าที่ต่อ”

หลายคนก็สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ดวงตาถึงรีบแต่งงาน ใช้คำว่ารีบถูกไหม? ดวงตา : “หลายๆ คนอาจจะมองว่ารีบ แต่จริงๆ แล้วด้วยวัยของเรา ซึ่งเราก็มองว่าตอนนั้นที่ไม่มีใครมาขอเราแต่งงาน มีแฟนแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน เราแค่คิดว่าเรากำลังสนุกกับงาน เรารักงาน เรารักตัวเอง เหมือนเซฟตัวเอง แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งเราก็มีความพร้อมด้วยวัยวุฒิเราด้วย ด้วยหน้าที่การงานเราก็ทำงานมา 20 กว่าปีแล้ว มันน่าจะถึงเวลาแล้วแหละ”

ไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวความรักของดวงตาเท่าไหร่ ที่ผ่านมาไม่มีคนถามหรือไม่รู้ว่าจะมาป่าวประกาศทำไม? ดวงตา : “ด้วยค่ะ ด้วยหนึ่งคือไม่ค่อยมีใครถาม แล้วตัวเราเองก็ไม่ชอบอวดหรือว่าเปิดแฟนสักเท่าไหร่ เราก็จะใช้ชีวิตปกติด้วย อย่างที่บอกคือตาค่อนข้างที่จะรักตัวเอง รักงาน แล้วก็ห่วงสายตารอบข้างด้วยว่าเขาจะมองเรายังไง”

ผู้ชายคนนี้เขาน่ารักยังไง เราถึงตัดสินใจเลือกเขามาเป็นสามี? ดวงตา : “คือพี่ปุ่นเขาเป็นคนใจดี เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงในทั้งตัวเขาเอง ทั้งครอบครัวเขา คือจากพ่อแม่ก่อนจากญาติพี่น้อง แล้วก็กับลูกน้อง ตามองว่าเขาเป็นคนที่จริงจังกับหน้าที่การงานของเขา และจริงจังในชีวิต จนกระทั่งเขาคบเรา เขาก็จริงจัง พร้อมที่จะดูแลเรา”

แล้วอย่างพี่ปุ่น เหตุผลอะไรเราถึงเลือกผู้หญิงคนนี้มาเป็นภรรยา? พี่ญี่ปุ่น : “อันดับแรกเลยเป็นคนพูดเพราะ เป็นคนรักครอบครัว สวยครับ แบบนี้ก็สเป๊กครับ”

ดวงตา : “ตาเคยถามเขาสเป๊กเขาชอบผู้หญิงแบบไหน คือเขาจะชอบผู้หญิงตัวเล็ก ซึ่งเราก็น่าจะอยู่ในสายตาเขา”

ย้อนเส้นทางความรักเจอกันครั้งแรกเจอกันยังไง? พี่ญี่ปุ่น : “เรารู้จักกันมานาน 10 กว่าปีแล้วครับ เราคนบ้านเดียวกัน เคยทำงานร่วมกันครับ ผมก็มีธุรกิจเครื่องเสียงไลท์แอนด์ซาวด์ พอจัดงานผมก็จ้างเขาไป ผมก็จ้างบ้าง บางงานลูกค้าก็จ้างบ้าง ผมก็แนะนำลูกค้า”

ตอนนั้นจ้างเพราะอยากจ้างหรือว่าใจสั่งให้จ้าง? พี่ญี่ปุ่น : “ผมก็แอบปลื้มเขาครับ”

คือจ้างแล้วก็เตรียมพร้อมจีบใช่ไหม? พี่ญี่ปุ่น : “แนะนำลูกค้าด้วย”

แล้วตอนนั้นดวงตารู้ไหมว่าผู้ชายคนนี้แอบชอบเราอยู่? ดวงตา : “คือถ้าย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน เราก็ยังเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนร่วมงานที่รู้จักกัน ก็ยังไม่ได้มีความชอบกันเพราะว่าสนุกกับงาน เป็นคนชอบทำงาน”

ความรู้สึกเปลี่ยนไปตอนไหน? ดวงตา : “ก็มาในช่วงหลังๆ ตอนที่คอมเมนต์กันในเฟซบุ๊ก ปกติเวลาที่เขาโพสต์อะไรเราก็จะไปคอมเมนต์เล่นบ้างอะไรบ้างแล้วแต่เราชอบแคปชั่นนี้ คือถ้าเราชอบแคปชั่นนี้เราก็จะเข้าไปคอมเมนต์ ก็กลายเป็นคุยกันไปคุยกันมาและได้คุยกันหลังไมค์ในแมสเสจก็คุยงานกัน หลังๆ ก็จะมีชวนไปเที่ยวชวนออกเดทกินข้าว ซึ่งตาก็อยู่กรุงเทพฯ เป็นหลักอยู่แล้ว ตาก็จะไปๆ มาๆ เพราะครอบครัวเราอยู่ที่กาญจนบุรี ถ้ากลับมาเมืองกาญจน์ ก็กินข้าวก่อนนะคือประโยคชวนครั้งแรก แรกๆ เลยกินข้าวชวนไปเที่ยว”

พี่ปุ่นชวนเขาไปออกเดทที่แรกเลยที่ไหน? พี่ญี่ปุ่น : “ที่ไปเที่ยวใช่มั้ยครับ คือตอนนั้นไปกินข้าวก่อน ที่ร้านอาหารครับอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ตอนนั้นเขากลับมาบ้านมีเพื่อนๆ ไปด้วย”

รู้จักเขามา 10 ปี กว่าจะเดตก็ผ่านมาหลายปีเลยใช่ไหม? พี่ญี่ปุ่น : “คือตอนนั้นเราทำแต่งานไม่ได้จีบกันไม่ได้อะไรกันเลยช่วงนั้น”

ตอนนั้นเราหักห้ามใจยังไงในการไม่ให้จีบเขา ในเมื่อชอบเขาตั้งแต่แรก? ดวงตา : “เขาจีบคนไม่เป็น (หัวเราะ)”

แล้วมีเดตไหนไหมที่เราประทับใจ? ดวงตา : “คือหลังจากที่เราไปทานข้าวกันเดตแรกที่ร้านห้อยขา แล้วทีนี้มันจะมีทริปที่เราไปเที่ยวกันสองคน ตอนที่เขาชวนไปเที่ยวสองคนก็ลังเลอยู่ ซึ่งจริงๆ เขาชวนเรานานมากแล้วแต่ก็ไม่ไป พอเขาชวนเราก็จะเปลี่ยนเรื่องพูดเปลี่ยนเรื่องคุยมาตลอด จนเราได้ไปกินข้าวพูดคุยกันหลายครั้งคุยกันเยอะขึ้นแล้วเขาก็ชวนไปเที่ยวเมืองกาญเราก็เลยไป พอเราได้ใกล้ชิดเขาแล้วเรารู้สึกว่าเขาเป็นคนดี เราได้เห็นอะไรในตัวเขาเยอะขึ้นเรื่องราวดีๆ เขาเป็นคนตลก มันก็เลยทำให้เรารู้สึกสบายๆ”

คุยกันแบบนี้อยู่นานไหม กว่าจะตกลงเป็นแฟนกัน? ดวงตา : “ก็นานนะ”

แล้ววินาทีที่ขอเป็นแฟน? ดวงตา : “มันไม่มีคำแบบว่าเป็นแฟนกันไหม มันก็มีคำพูดจากเขาแบบว่าพี่ก็ไม่รู้จะเอายังไงดี เราจะไปยังไงกันต่อ พี่ปุ่นเป็นคนพูด”

พี่ญี่ปุ่น : “ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไปเที่ยวด้วยกันทานข้าวด้วยกัน พอห่างๆ กันต่างคนต่างอยู่คนละที่มันก็เลยมีความรู้สึกดีขึ้นมาว่าแบบ เอ๊ะ เราจะเอายังไงกันต่อ”

ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไป 16 ? ดวงตา : “ก็ไม่รู้เหมือนกันก็เหมือนย้อนกลับไปตอนเพิ่งเริ่มมีความรัก เราอยู่กรุงเทพฯ เราก็ทำงานของเรา เขาอยู่กาญจนบุรีทำงานของเขาพอมีระยะเวลาที่ห่างเขาก็มีความคิดในหัวของเขาว่าจะเอายังไงกันต่อ”

พอเขาพูดมาแบบนั้นตาทำยังไง? ดวงตา : “ก็ให้เวลามันพาไป ตอนนั้นก็ไม่รู้จะพูดคำไหนก็เลยบอกว่าให้เวลามันพาไปแล้วกัน ถ้ามันใช่มันก็ใช่ ถ้ามันไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่ เราไม่สามารถบอกได้ว่าแต่งกันเลยเนอะหรืออะไร”

อะไรคืออุปสรรคระหว่างระยะทางหรืออายุ? ดวงตา : “อายุห่างกัน 13 ปีแต่ระยะทางตาต้องใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก เขาก็จะอยู่เมืองกาญจนบุรี ซึ่งนานๆ ตาก็จะกลับบ้านที บางทีสามเดือนกลับครั้งนึง และเวลากลับบ้านที่กาญจนบุรีตาก็จะใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่อยู่กับครอบครัวไม่ไปไหน เพราะตาไปได้ไม่นานหนึ่งถึงสองวันก็ต้องกลับกรุงเทพฯ อีกแล้ว เราก็เลยอยากใช้ชีวิตตรงนั้นซึ่งตาก็จะไม่ค่อยได้เจอเขา”

แล้วพี่ปุ่นมาหาที่กรุงเทพฯ บ้างไหม? พี่ญี่ปุ่น : “ไม่ได้ไปหาครับก็จะโทรคุยกันอย่างเดียว เพราะผมก็จะทำงานอยู่แถวบ้านอย่างเดียว งานเยอะ”

หลังแต่งงานแล้วอยู่ที่ไหนกัน? ดวงตา : “ก็จะอยู่กาญจนบุรีเป็นหลัก แต่ถ้ามากรุงเทพฯ ก็จะมาด้วยกันตอนนี้ก็ค่อนข้างที่จะตัวติดกัน”

พี่ปุ่น สาวสวยคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่เจอจนถึงวันนี้เขามีอะไรที่เปลี่ยนไปไหม? พี่ญี่ปุ่น : “ผมว่าไม่เปลี่ยนนะครับ ขอบคุณตรงที่เขาเป็นคนตรงๆ พูดเพราะเหมือนเดิม สวยเหมือนเดิมดูแลเราดีเหมือนเดิม”

เห็นว่าเมื่อก่อนเรียกว่าน้าปุ่น? ดวงตา : “ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เรียกพี่ แต่ก็จะมีเรียกที่รัก ก็คือต่างคนต่างเรียกที่รักของกันและกัน”

เห็นว่าตอนที่ขอแต่งงาน ขอแต่งกันข้ามประเทศทำไมต้องอลังการขนาดนั้น? ดวงตา : “คือตอนนั้นเป็นจังหวะที่ตาไปแสดงคอนเสิร์ตที่อเมริกาพอดี ไป 50 วัน ก็คุยกันทุกวันผ่านวิดีโอคอล”

เล่าโมเมนต์ที่คุยกันผ่านวิดีโอ แล้วขอเขาแต่งงาน? พี่ญี่ปุ่น : “ตอนนั้นอยู่ที่บ้านวิดีโอคอลกันอยู่ ก็อยู่ในช่วงคงคิดถึงเขามั้งก็เลยขอแต่งงาน บอกเธอกลับมา 31 วันเกิดพี่แต่งงานกันไหม”

ดวงตา : “คือจริงๆ ก็ช็อกนิดนึงเพราะว่าเรื่องแต่งงานพี่ปุ่นเขาก็จะพูดเรื่อยมาว่าแต่งงานกันไหมและครอบครัวทั้งแม่พี่ปุ่นพี่ๆ ของเขา อยากให้พี่ปุ่นมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาอยากให้มีคนดูแลเขา เขาก็จะพูดเรื่อยมา ก็คิดว่าเขาพูดเล่นพูดจริงเราก็ลังเลตอนนั้น แล้วเราไม่ได้มีความอยากแต่งงาน คือมองว่าผู้หญิงทุกคนอยากมีงานแต่งสวยหรู อยากแต่งชุดเจ้าสาว ซึ่งตาผ่านจุดนั้นมาแล้วในความเป็นจริงอายุเราเกินจุดนั้นมาแล้ว ตาก็ไม่อยากแต่งงานและถ้าตาจะมีงานแต่งงานก็อยากได้งานแต่งที่เล็กๆ ไม่อยากใหญ่โต ไม่ได้อยากให้ใครรู้เยอะแค่ครอบครัวเราสองครอบครัวและเพื่อนสนิท แต่พอมาถึงวันที่เขาพูดจริงจัง เราก็บอกว่าก็ได้นะ เราไม่ติด (หัวเราะ) ก็ตอบ”

เป็นแฟนกันมานานไหมกว่าจะขอแต่งงาน? ดวงตา : “ก็นานหลายปีอยู่รู้จักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว”

พี่ปุ่นเคยมีครอบครัวมาแล้วอะไรทำให้ตาไม่ติดตรงนี้ ? ดวงตา : “จริงๆ ตาว่าทุกคนมีอดีตเหมือนกันหมดแม้แต่ตัวตาเองก็มี เราก็มองข้ามตรงนั้นไปซึ่งเรามองปัจจุบันของเขา เขาก็ไม่ได้มีพันธะอะไรดูแลตัวเองได้แล้วเขาก็ดูแลตัวเองได้ดูแลแม่ได้ แถมในระยะเวลาที่เราศึกษาดูใจกัน เขาก็ดูแลเราเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ให้คำปรึกษาเราสอนเราได้ บางเรื่องเขาก็จะสอนเราบางเรื่องเราก็จะเตือนเขา”

พอทางบ้านรู้ว่าจะแต่งงาน คุณพ่อคุณแม่หรือที่บ้านว่ายังไงบ้าง? ดวงตา : “พอเขาขอแต่งงานเราก็คุยกับคุณแม่ก่อนตั้งแต่วันที่เขาขอแต่งงานที่อเมริกา แม่ก็แล้วแต่เราเลยลูกโตแล้ว จริงๆ แม่ไม่ได้อยากได้อะไรถ้าเรามั่นใจแล้วเขาดูแลเราได้ แม่ก็โอเค แม่ให้เราตัดสินใจเอง”

ตอนนั้นพอคอนเสิร์ตจบ 50 วันกลับมาแต่งเลยไหม? ดวงตา : “ตอนนั้นเตรียมงานก่อนเตรียมงานไม่ถึงเดือนแล้วก็แต่งเลย”

เห็นว่าก่อนแต่งงานมีคำพูดบางคำของพี่ตาที่ทำให้พี่ปุ่นเสียใจ? ดวงตา : “เป็นช่วงที่อยู่อเมริกา”

พี่ญี่ปุ่น : “เขาบอกว่าไม่ให้ถ่ายรูปตอนช่วงแต่งงาน”

ดวงตา : “ตอนนั้นตาคิดเยอะอยู่แล้วเรื่องแต่งงาน เราก็กลัวว่าสังคมงานแฟนเพลงจะไม่เข้าใจเราซึ่งมันจะมีสองความคิด มีแบบยินดีด้วยกับแต่งทำไม ทำไมถึงแต่ง แต่ตาก็คิดเรื่องของงานเยอะ เราก็เลยคุยกับเขาผ่านวิดีโอแล้วเราเห็นหน้าเขาว่า เออ.. ถ้าเราแต่งงานนะ บอกเพื่อนด้วยนะว่าอย่าโพสต์รูปถ่ายได้แต่ห้ามโพสต์ ซึ่งเราก็พูดตามความรู้สึกของเราแต่ด้วยหลักของความเป็นจริงเราไม่สามารถควบคุมทุกคนได้ทั้งหมด บางคนอาจจะเข้าใจ คนเข้าใจก็ดีแต่คนไม่เข้าใจเขาก็จะมองว่าแล้วจะแต่งทำไมล่ะ ก็จะมีคำถามย้อนกลับมาอีก แล้วเราก็เห็นหน้าเขาด้วยว่าหน้าเขาไม่แฮปปี้เลย เขาก็ดูเครียดตั้งแต่ที่เราพูดเลย เราก็บอกเขาว่าบอกครอบครัวด้วยนะว่าไม่ต้องโพสต์ ครอบครัวเราเราจัดการได้แต่คนอื่นพี่บอกนะเพราะว่าแขกพี่เยอะเราก็บอกเขาแล้วเสร็จแล้วเขาก็เครียด เราเห็นเราก็กลับมาย้อนมองตัวเองนึกถึงคำพูดเราเองว่าเราทำให้เขาเครียด และงานแต่งเราจะทำให้ไม่มีความสุขจริงๆวันนั้นน่าจะเป็นวันที่สวยงามและมีความสุข เราก็อยากให้เขามีความสุขก็บอกเขาอีกวันหนึ่งว่าโอเคงั้นเต็มที่

ตอนนั้นพี่ปุ่นเป็นยังไงบ้าง นอยด์ไหม? พี่ญี่ปุ่น : “ตอนนั้นก็น้อยใจครับแต่ไม่ได้บอกตอนนั้นกลัวว่าข่าวจะหลุดออกจากคนของเรา ตอนนั้นก็เห็นด้วยเพราะว่าสงสารน้องเขา เราก็เข้าใจกลัวข่าวหลุดก็กังวลไปหมด กลัวว่าแต่งงานไปแล้วเขาจะขอเลิกเพราะข่าวจะหลุดจากคนของเรา ตอนนั้นก็เครียด”

ดวงตา :ตอนนั้นก็รู้สึกผิดไปหมดเลย รู้สึกผิดที่เราไปพูดแบบนั้นแล้วทำให้เขาเครียดแล้วเขาไม่มีความสุข เราเห็นเลยว่าเขาไม่มีความสุข มันเลยทำให้ตาเปลี่ยนความคิด แล้วก็คุยกับเพื่อนด้วยว่าไม่เป็นไรหรอกช่างมันเถอะเพราะเราก็ห้ามความคิดใครไม่ได้ เราก็คิดใหม่แล้วก็เปลี่ยนใหม่แล้วพูดกับเขาว่าเต็มที่

วันนั้นมีความสุขขนาดไหน? ดวงตา : “มีความสุขมากค่ะ สนุก สนุกกับการจัดงานมันลืมความตื่นเต้นเราแค่ตื่นเต้นตอนที่คุยกันแรกๆ แล้วก็มานอนหัวเราะกันตอนที่เราวิดีโอคอล ว่าจริงเหรอเราจะแต่งงานแล้วเหรอ มันจะเป็นยังไงนะ ตื่นเต้นก่อนที่จะมีงานแต่ตอนงานจริงคือมีอะไรที่จะต้องทำเยอะมากแต่ก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ คอยซัพพอร์ตทำให้งานสนุก”

สิ่งที่เรากลัวหลังแต่งเป็นยังไงบ้าง? ดวงตา : “มีบ้างที่ได้ยินมาแต่เราก็ไม่ได้เห็นคอมเมนต์กับตา แต่ก็จะได้ยินคนนี้มาเล่าให้ฟัง คนนั้นเล่าให้ฟังว่าแต่งงานแล้วเหรอเสียดายอ่ะ ทำไมรีบแต่งแล้วเราก็เลยไปคุยกับแม่ แม่ก็บอกว่าเขาอาจจะไม่รู้ว่าเราอายุเท่าไหร่ เขาคิดว่าเราเพิ่งเข้าวงการหรือเปล่ามันจะมีช่วงที่เราโด่งดังและช่วงที่เราหายไปและกลับมามีกระแสอีก เขาก็คิดว่าเหมือนกับเราเพิ่งดังรึเปล่าทำไมรีบแต่งงาน

ตอนนั้นกลัวว่าแต่งงานแล้วงานจะหด หลังแต่งแล้วเป็นยังไง? ดวงตา : “งานเหมือนเดิม ไปงานเยอะกว่าเดิมด้วยถ้ามองย้อนกลับไปนักร้องลูกทุ่งจะปิดบังเรื่องงานแต่ง เพราะกลัวแฟนคลับไม่ต้อนรับ ก็จะมีเจ้าภาพที่ชื่นชอบในผลงานของเราและชื่นชมชื่นชอบในตัวเราคือจ้างเราด้วยความเสน่หากับจ้างด้วยคุณภาพของงานแต่พอเราแต่งไปแล้วก็ยังเหมือนเดิม”

เห็นว่ามีโค้ดลับ รมน. ช่วงแปลหน่อยว่ามันแปลว่าอะไร? พี่ญี่ปุ่น : “รักหนูไหม”

ดวงตา : “คือตาจะส่งโค้ดลับรักหรือไม่รัก คือหนูเป็นคนขี้เล่นก็จะเล่นกับเขาเวลานั่งอยู่ในรถก็จะถามเขา รนม. เขาก็จะไม่ยอมพูดก็จะไปกระซิบข้างหูดังๆ เขาก็บอกว่า ร. ก็ ร. (รักก็รัก)”

พี่ญี่ปุ่น : “ครั้งแรกที่เขาพูดเราก็งง ก็เฉยๆ ไม่ได้ถามเขาด้วย จนเขาบอกเองตอนหลัง”

เคยทะเลาะจนพี่ปุ่นน้ำตาไหลเลย? ดวงตา : “คือเราดุ ตอนนั้นเราอยู่ต่างประเทศเขาไม่เคยไป เราก็จะบอกว่าเราไปที่นั่นที่นี่ เราก็เล่ารายละเอียดให้เขาฟัง คือเราไปหลายที่ย้ายเมืองตลอด เดินทางตลอดเลย เขาก็จะเหมือนกับว่าหวงหึงห่วงก็เลยเหมือนกับจับต้นชนปลายคำพูดของเรา โรงแรมไหนบอกว่าไปนอนบ้านเขาไงแล้วไหนบอกว่าไปอยู่โรงแรมไปพักกับใครอะไรยังไงมันก็จะมีดีเทลพวกนี้เยอะมาก จนเรารู้สึกว่าเขาเซ้าซี้พูดไม่จบ หนูต้องพูดอีกแล้วหนูจะอธิบายอีกแล้ว หนูเหนื่อยหนูก็เลยตะคอกตวาดดุเขา เขาก็เลยน้ำตาร่วงแล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่าพี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง พี่ทำอะไรไปก็ผิด เราก็เลยรู้สึกผิดที่เราไปดุเขา พอเราย้อนกลับไปเราก็รู้ว่าเขาห่วง หนูก็เลยขอโทษหนูเหนื่อยหนูก็เลยหงุดหงิดและนอนน้อย”

คำว่าอะไรที่ทำให้เราเสียใจที่สุด? พี่ญี่ปุ่น : “ช่วงที่เขาดุเราด้วยน้ำเสียงทำให้เราน้อยใจตลอด แต่เป็นแบบนี้แค่ครั้งเดียว ปกติเราไม่ค่อยทะเลาะกันมากกว่าเพราะพี่จะยอมเขามากกว่า”

เรียกว่ากลัวเมียได้ไหม? พี่ญี่ปุ่น : “(หัวเราะ) ไม่กลัวครับ แต่รักนะไม่อยากทำให้เขาอารมณ์เสีย”

หลังจากแต่งงานก็มี ดราม่าต่างๆ เข้ามามีคอมเมนต์ว่าได้แฟนแก่? ดวงตา : “ก็เคยเห็นบ้างเคยได้ยินบ้าง ไม่ได้โต้กลับก็ปล่อยผ่านเพราะว่าเราก็ไม่ได้เด็กไง เราก็ 40 พี่เขา 50 คือวัยใกล้เคียงกันคือมันโตแล้ว ไม่ได้แบบอายุ 20 แล้วไปคบอายุ 40 ห่างกัน 20 ปีแบบนั้นไม่ใช่”

บางกระแสที่บอกว่ามาคบกับนักร้องเหมือนมาเกาะกิน พี่ปุ่นรับมือกับคำพูดแบบนั้นยังไงบ้าง? พี่ญี่ปุ่น : “ไม่สนใจเรารักของเรา เราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น”

ดวงตา : “ก็ปล่อยไปเพราะเรารู้กันอยู่สองคนว่าใครเป็นยังไง และคนรอบข้างที่รู้จักเราสองคนเขาก็รู้ว่าพี่ปุ่นเขาก็ทำงานมีธุรกิจของเขา ตาก็ทำงานของตาคือต่างคนต่างทำงานพอถึงเวลาที่เราแต่งงานกันเขาก็บริหารเวลาของเขาได้เพื่อที่จะมาดูแลเรา”

เรื่องเบบี๋เห็นว่าพึ่งมากแล้วแต่ด้วยอายุจึงต้องพึ่งวิทยาศาสตร์ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว? ดวงตา : “ตอนนี้ไปปรึกษาหมอก็แนะนำให้เก็บไข่แล้วฉีดเข้าไป เราก็คุยกันว่าลองวิธีธรรมชาติก่อน พอเราอายุมากเราก็ได้ศึกษาวิธีการตั้งครรภ์ว่าเราต้องหาหมอด้วยอายุเยอะ จริงๆ คิดว่าปีนี้ก็น่าจะรู้เรื่องว่าได้หรือไม่ได้ถ้าไม่ได้ก็ปีหน้าไปวิธีวิทยาศาสตร์”

เห็นว่าทางพี่ปุ่นมีเชื้อแฝด ใครเป็นแฝด? พี่ญี่ปุ่น : “ทางหลานเป็นแฝด”

ดวงตา : “จริงๆ เราก็อยากได้แฝดเพราะเรามีช้าก็เลยอยากมีทีเดียวสองคนไปเลย ชอบเด็กผู้หญิงเพราะมีความมุ้งมิ้งความซนจะน้อยว่าเด็กผู้ชาย ถ้ามีลูกก็คงจะพักเรื่องงานหนึ่งปีแม่ก็อยากให้มีหลานให้แม่ แม่ก็พร้อมเลี้ยง”

คลิปสัมภาษณ์ ดวงตา คงทอง – สามี

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7238478
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7238478