ล่าสุดผู้สื่อข่าวก็ได้เจอกับ อ๊อฟ ศุภณัฐ ขณะมาร่วมงานคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของ บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์ “Big M First Concert By NAYAA Grand Celebration” ที่โรงละครอักษรา รางน้ำ กรุงเทพ เจ้าตัวก็ได้เปิดใจแบบหมดเปลือก ถึงสาเหตุการเลิกรากัน พร้อมยอมรับแบบแมนๆ ว่า ตนเองผิดเองที่ไปคุยกับคนอื่น และไปมีรอยยิ้มให้กับผู้หญิงคนอื่น กระทั่ง ธัญญ่า จับได้ และถูกบอกเลิกในที่สุด

“ตอนนี้ก็อยู่ในสถานภาพโสดเต็มตัวครับ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโสดมาก่อนเลย ครั้งแรกเลยต้องเรียนรู้กับสิ่งที่เป็น”

เกิดอะไรขึ้นถึงไปต่อไม่ได้?

“ก็เป็นปัญหาของคู่รักทั่วๆ ไปอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ เราทุกคนอาจจะเคยรู้หรืออาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า ผมเคยเป็นคนเจ้าชู้ แต่มันก็มาถึงวันที่ปัญหามันเกิดขึ้น เพราะว่าผมไปคุยกับคนอื่นครับ

ผมยอมรับเลยครับ แล้วอีกอย่างที่ปัญหามันเป็นเรื่องที่ชัดเจน และเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ เพราะว่าเราได้ตั้งกฎเหล็กกันเอาไว้ ว่าอย่างตอนช่วงที่ปรับตัวกัน ใครชอบอะไร ใครไม่ชอบอะไร แต่อย่างเรื่องนี้ก็เป็นกฎเหล็กของน้อง เขาจะรับไม่ได้เลย ถ้าผมมีคนอื่น หรือคุยกับคนอื่น”

ที่น้องเขาโพสต์ว่าผิดสัจจะ ก็คือเรื่องนี้?

“ก็คือเรื่องนี้ครับ”

ทำไมเราถึงกับไปคุยกับคนอื่น โดยที่ยังมีน้อง?

“คือด้วยมันผ่านมา 3 ปี ด้วยความที่เราก็มีทั้งสุขและทุกข์ ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ ปัญหามันทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก มันมีสะสมมา แต่สุดท้ายเราก็โทษตัวเอง เราได้เอาปัญหาที่สะสมต่างๆ มา แล้วเอาออกไประบายกับสิ่งอื่น

อย่างแบบไปหารอยยิ้มกับทางอื่น มันเหมือนกับเป็นอารมณ์ชั่ววูบของอ๊อฟเองด้วยครับ ว่าทำไมเราไม่มาคุยกันดีๆ ทำไมไม่มาขอปรับความเข้าใจกัน เพราะว่าช่วงหลังมาผมก็เป็นคนไม่ค่อยพูด พอมีปัญหาอะไรกัน ผมก็ไม่ค่อยพูด ก็เก็บไว้ แล้วก็มาเป็นประเด็นอย่างที่ทุกคนทราบกัน”

เขาจับได้ หรือเราไปสารภาพกับเขาเอง?

“เขามาพบเอง เขาไม่ได้เห็นกับตา แต่เขาอาจจะเห็นด้วยตาทิพย์ หูทิพย์ เขามีทั้งเซนส์ด้วย และด้วยความที่เราเป็นคนที่แบบซื่อๆ ถามอะไรมาก็โกหกไม่ค่อยเป็น”

ผู้หญิงที่เราคุยเขาก็ต้องรู้ว่าอ๊อฟเป็นแฟนกับธัญญ่า แล้วจะมาให้รอยยิ้มอ๊อฟได้ยังไง?

“ก็คือผู้หญิงที่ผมคุยด้วย เขาก็รู้อยู่แล้ว เขาก็รู้จักอ๊อฟ ศุภณัฐ รู้จักธัญญ่า อาร์สยามอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นคนคุย เราก็คุยกันเผื่อสร้างรอยยิ้มด้วยกันได้”

แล้วทำไมเราไม่ตัดสินใจเลิกกับธัญญ่า ก่อนที่จะไปคบคนใหม่?

“ก็ผมไม่ได้กะจะคบกับใคร ผมก็แค่คุยเป็นเพื่อนเฉยๆ”

ไม่ได้เรียกว่าคบซ้อน?

“ผมไม่ได้คบซ้อนเลย แม้ว่าตอนนี้ผมจบความสัมพันธ์กับญ่าไปแล้ว ผมก็ยังไม่พร้อมจะมีใคร”

แล้วกับคนที่คุยอยู่ก็สานต่อ?

“ผมเลิกคุยไปแล้ว เพราะว่าผมทำใจไม่ได้ หน้าจอโทรศัพท์ผม ยังเป็นรูปของผมกับธัญญ่าเลย แต่มันเป็นรูปที่ฉีกออกจากกัน ผมเอามาตั้งในวันที่เราตกลงกันครั้งสุดท้าย ซึ่งก็มันเป็นความพลาดพลั้ง ซึ่งวันนั้นเราก็ไม่ได้ทะเลาะ ผมก็ยืนดูเฉยๆ”

ทำไมถึงเอามาตั้งหน้าจอโทรศัพท์?

“มันเป็นรูปที่ผมชอบ ที่ผมรักและเอาไว้หัวเตียงตลอด ทีนี้น้องเขามันก็อาจเป็นอารมณ์โมโห แค่รู้สึกว่าเราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน ก็เลยทำลายหลักฐานชิ้นนี้ไป แต่ภาพนี้ก็ยังอยู่หัวเตียงผม แวบแรกคิดว่าจะเก็บภาพนี้ไว้ 3 ปี เพราะกะจะไม่มีใคร ผมไม่อยากมีใครเลยตอนนี้ ผมได้เรียนรู้ชีวิตคู่ การมีแฟน การมีความรักแล้ว และอีกใจหนึ่งของผม ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของผู้หญิงอีก”

วันที่เขาจับได้ เราง้อหรือขอโอกาสเขาไหม?

“ผมว่ามันเป็นกฎเหล็กก็คือกฎเหล็ก เขาเคยเล่าให้ฟังว่า พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จบก็คือจบเลย เราก็รู้เลยว่าหมดโอกาสแล้ว รู้สึกจำใจ ยอมจำนนจริงๆ”

แล้ววันเกิดน้องเขาพอดี ก็มีภาพเราเอาของขวัญไปให้?

“พออีกวันก็เป็นวันเกิดน้องเขา ผมก็ตัดสินใจว่าสิ่งที่เราเตรียมมาเป็นเดือนๆ ทำยังไงดี สุดท้ายก็เอาวางไว้ที่ป้อม รปภ. เขา ก็แล้วแต่ว่าเขาจะรับมั้ย มันเป็นไดร์เป่าผมยี่ห้อหนึ่ง ที่เราไปเที่ยวกันมาแล้วน้องเขาเห็น เขากรี๊ด เพราะเป็นสิ่งที่เขาชอบ ผมก็เลยตั้งใจทำมาให้เขา ศึกษาและเลือกรุ่นที่ดีที่สุดให้เขา”

เหมือนเรายังทำใจไม่ได้?

“ทำใจไปเรื่อยๆ ครับ เหมือนยอมจำนนต่อตัวเองตั้งแต่วันที่เราตกลงกันแล้ว ถือเป็นบทเรียนสำหรับตัวเอง ไม่ควรทำ ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว”

ยังมีน้ำตาอยู่มั้ย?

“เปิดคลิปดูทุกวัน”

ที่ก่อนหน้านี้โพสต์ว่า ถ้าไม่สวยกว่าฉัน อย่าคิดแย่งแฟนฉันอีก เห็นโพสต์นี้ไหม?

“ผมไม่เห็นโพสต์นี้เลย เพราะว่าน้องบล็อกผมไปนานแล้ว เขาบล็อกทุกช่องทางเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อเลย”

จะมีโอกาสไปง้อแบบจริงจังถึงหน้าบ้านเลยไหม?

“ตอน ณ วันนั้น คิดครับ แต่เขาพูดความรู้สึกออกมา จนทำให้เรารู้ตัวว่า โอเค จบก็คือจบ กลับไปไม่ได้แล้ว วันที่เลิกกันคือวันที่ 25 ก.ย. กำลังจะถึงวันเกิดของน้องแล้ว แต่ก็ไปไม่ถึงวันแห่งความสุข”

อ๊อฟบอกว่า กฎเหล็กที่น้องให้เราคือห้ามนอกใจ และกฎเหล็กที่เราให้กับน้องคืออะไร?

“ห้ามดูมือถือเราเท่านั้นเอง มันเป็นเรื่องเล็กมากเลย สำหรับกฎเหล็กของผม ซึ่งน้องก็ทำตามมาตลอด ยกเว้นตอนนั่งดูทีวีแล้วแอบชำเลือง”

ในวันที่ธัญญ่าจับได้ เขาจับได้ยังไง?

“เหมือนเขาหูทิพย์ ตาทิพย์ครับ แล้วอยู่กันคนละจังหวัดด้วย น้องทำงานอีกที่หนึ่ง ผมก็อยู่กรุงเทพฯ มันเหมือนกับว่าเขารู้เอง แล้วบอกว่าอีกวันว่างมั้ย เดี๋ยว 11 โมงเข้ามาคุยที่บ้าน แล้ววันนั้นเขาก็ถามว่า ยังคุยอยู่กับคนนี้เหรอ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าการสืบในยุคนี้เขาสืบยังไง”

เราคุยกับผู้หญิงคนนั้นนานแค่ไหน?

“คุยมาเรื่อยๆ ประมาณ 3 เดือนครับ ว่างก็คุย”

เชื่อในเซนส์ผู้หญิงมั้ย?

“เชื่อเลย”

จะเลิกเจ้าชู้มั้ย?

“เลิกสิครับ ความตั้งใจของผมก็คือผมจะโสดไปอีกนาน ตอนนี้ยังไม่กล้ามีความรักอีกเลย เพราะเรากลัวความเสียใจของผู้หญิง”

ถ้ามีผู้หญิงเข้ามาคุยจะยังไง?

“ผมว่าผมก็คุยได้ คุยได้จริงๆ แต่ว่าใจของเราก็จะเก็บเอาไว้ เพราะว่าหน้าจอของผม ผมก็สัญญาว่าจะไม่เปลี่ยน จอมือถือผมก็จะเอาไว้แบบนี้”

แสดงว่าตอนนี้ยังไม่มูฟออน?

“มันก็ต้องไปต่อแหละ เพราะว่าชีวิตเรามันก็ต้องมีงานให้ทำอยู่ตลอด”

ถ้าธัญญ่าดูอยู่อยากจะบอกอะไร?

“คำว่า ง้อ คงใช้คำนั้นไม่ได้แล้ว เพราะว่าเราประกาศแยกทางกันชัดเจนแล้ว ก็ขอให้ความปรารถนาที่ผมมีให้ ก็ขอให้น้องเขาเจอคนที่ดี เจอแฟนคลับที่รัก มีงานที่ดี สานฝันให้สำเร็จเต็มที่อย่างที่ตั้งใจไว้ แล้วทุกครั้งที่เกิดปัญหาอะไรกับชีวิตตัวเองหรือครอบครัว ก็ให้ใช้สติเยอะ จะช่วยคลี่คลายกับปัญหาได้”

กลัวจะมีปัญหากับแฟนในอนาคตมั้ย?

“คือ ณ ตอนนี้ก็ไม่ได้นึกถึงอนาคตตรงนั้น เพราะว่ายังอีกไกล ผมตั้งใจจะโสดไปสักพักใหญ่เลย ไม่ใช่คนที่มูฟออนไวอยู่แล้ว”

เจอกันได้ ร่วมงานกันได้มั้ย?

“เจอกันได้ครับ เราตกลงเป็นเพื่อนกันแล้ว ก็เป็นกันได้เลย”

ตอนนี้โสด อยู่ในโหมดรอรับรอยยิ้ม?

“ใช่ โสดครับ แต่ไม่รับรอยยิ้มดีกว่า (หัวเราะ) ผมจบทุกอย่าง ผมจบความต้องการของตัวเองทุกอย่างตั้งแต่วันนั้นเลย อยู่กับงาน กับครอบครัวตัวเองครับ”

ทำไมถึงตัดสินใจยอมรับกับสื่อว่าเรามีคนอื่น บางคนอาจจะปิดบังก็ได้?

“เพราะว่าผมเป็นคนโกหกไม่เก่ง ก็ซื่อๆ มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ไม่งั้นก็ไม่โดนจับได้ (ยิ้ม)”.