ประชาชนรอรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ นายกรีพงศ์ เทียมเศวต หรือ สรพงศ์ ชาตรี จ.ภ.ศิลปินแห่งชาติ ปี 2551 สาขาศิลปะการแสดง (นักแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) ณ เมรุชั่วคราว มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นคร ราชสีมา ในช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ย.

แต่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อุทยานสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ริมถนนมิตรภาพ ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว ซึ่งเป็นพุทธสถานที่สรพงศ์ ชาตรี ในฐานะประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ทุ่มเทด้วยความศรัทธาในสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ก่อสร้างรูปหล่อหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา จนกลายเป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน โดยภายในบริเวณอุทยานฯ ที่กำหนดให้เป็นสถานที่ก่อตั้งเมรุชั่วคราว ได้มีการระดมช่างและคนงานช่วยกันตกแต่งสถานที่โดยรวม โดยเฉพาะตัวเมรุชั่วคราวที่ตั้งศพดูสวยงามเด่นเป็นสง่า ทำเป็นลวดลายของศิลปะทางภาคเหนือ ตัวเมรุได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมรุลอยนกหัสดีลิงค์ ซึ่งปกติแล้วจะใช้สำหรับฌาปนกิจศพเจ้านายชั้นสูง หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ โดยเปลี่ยนจากนกหัสดีลิงค์มาเป็นวัวแทน เนื่องจากวัวเป็นสัญลักษณ์ปีนักษัตรของสรพงศ์ ชาตรี

ด้านนางดวงเดือน จิไธสงค์ ภรรยาของนายกรีพงศ์ หรือสรพงศ์ ชาตรี เปิดเผยเพียงสั้นๆว่าการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพให้สามีในครั้งนี้ มีผู้มาช่วยมากมาย ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาช่วย ส่วนตัวถือว่าการที่สามีได้รับพระราชทานเพลิงเป็นเกียรติอย่างสูงส่งแก่วงศ์ตระกูล

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจาก นางภาวิณี สังวรประเสริฐ อายุ 74 ปี ชาว กทม.ว่า ตั้งใจที่จะเดินทางมากราบศพนายสรพงศ์และวันรุ่งขึ้นอยากจะมาเข้าเฝ้าฯ กรมสมเด็จพระเทพฯ ให้ใกล้ที่สุดที่จะใกล้ได้ เช่นเดียวกับนายพงษ์ ใจทด บ้านอยู่ จ.หนองคาย บอกว่า ยังไม่เคยเห็นอุทยานสมเด็จโตเพราะมีคนบอกว่าสวยงามดี คืนนี้จะนอนค้างและวันรุ่งขึ้นจะเฝ้าฯรับเสด็จ กรมสมเด็จพระเทพฯ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว

สำหรับกำหนดการพิธีพระราชเพลิงศพ อดีตพระเอกรุ่นใหญ่ระดับตำนานหนังไทย “สรพงศ์ ชาตรี” ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 71 ปี ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ กทม. เมื่อเวลา 15.51 น. วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา และต่อมานางดวงเดือน จิไธสงค์ ภรรยาของสรพงศ์ ชาตรี ได้นำร่างของสามีมาเก็บรักษาไว้เพื่อรอวันพระราชทานเพลิงศพ โดยพิธีฯ มีกำหนด 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 พ.ย. เวลา 16.00 น. เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานในการออกเมรุ พระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระสงฆ์ 4 รูป สวดธรรมคาถา พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ณ อาคารมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี ซึ่งบรรยากาศโดยรวม มีพุทธศาสนิกชนใส่ชุดขาวมาร่วมพิธีจำนวนมาก

จากนั้น ในวันอาทิตย์ที่ 6 พ.ย. เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อนถวายพรพระแล้วรับพระราชทานฉัน ต่อด้วยเวลา 11.30 น. พระสงฆ์ 10 รูป บังสุกุล เชิญหีบศพเวียนเมรุ แล้วเชิญขึ้นตั้งบนจิตกาธาน กระทั่งเวลา 18.00 น. สมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิง

สำหรับในวันจันทร์ที่ 7 พ.ย. เริ่มเวลา 07.00 น. พระราชทานผ้าไตร และภัตตาหารสามหาบในการเก็บอัฐิ ทั้งนี้ คนใกล้ชิดภรรยาสรพงศ์ เปิดเผยว่าหลังพระราชทานเพลิงศพ นางดวงเดือนจะนำอัฐิสรพงศ์ไปเก็บที่บ้านก่อน จากนั้นจะหารือกับญาติและเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่อีกครั้งว่าจะนำอัฐิไปบรรจุที่ไหน ระหว่างที่มูลนิธิฯ หรือที่วัดบ้านไร่