“เป็นละครฮาเพี้ยนๆ คนที่เป็นปอบคือ แพท-ณปภา เกิดขึ้น เรื่องนี้ครูเพ็ญศรีจะมีสามี ไนกี้จะเล่นเป็นน้องชายครูเพ็ญศรี ชื่อครูบอย เป็นครูพละ ดันไปหลงรักแพท ที่เป็นปอบ เกิดเรื่องวุ่นวานอลเวงขึ้น”

เคยเล่นแนวคอมเมดี้ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบนี้มั้ย “ไม่เคยเลยครับ ตั้งแต่เข้ามาเป็นนักแสดง คนจะจำ ผมได้จากละครแนวดราม่า พีเรียด เอะอะถอดเสื้อทั้งๆ ที่ไม่อยากถอดเท่าไหร่ เพราะเขินแต่เค้าอยากให้ถอดเสื้อกัน เลยได้ขายบอดี้บ้าง หุ่นแซ่บบ้าง แต่คอมเมดี้ 100 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เต็มสูบเลย เป็นละครที่อยากให้ทุกคนได้ดู เป็นละครที่มีความอารมณ์ดี ดูแล้วได้อะไรดีๆ”

ต้องปรับจูนจังหวะกับความคอมเมดี้ขนาดไหน “ไนกี้มีความชอบคอมเมดี้ อยู่แล้ว เคยเรียนสายนี้มา ต้องบอกอย่างนี้ ไนกี้เคยอยู่แอ็กแซ็กท์ หรือช่องวัน เคยคลุกคลี กับปรมาจารย์ทางด้านซิทคอม ไนกี้เคยเล่นมาบ้าง และได้เรียนจริงจังกับพี่นก โย้จิ้ว เป็นต่อ แก๊งพี่เกลือ ได้ไปอยู่และเรียนตรงนั้นมา เรารู้สึกชอบมาก ชอบจังหวะที่เป็นแบบนี้แต่เราไม่เคยมีโอกาสได้แสดงคอมเมดี้ เพราะคนจะจำภาพเราแค่ดราม่าหรือพีเรียดย้อนยุค ตบจูบประมาณนี้แต่คนจะไม่นึกถึงผมในภาพของคอมเมดี้ คนจะตั้งคำถาม คอมเมดี้ เล่นได้เหรอ? ผมเล่นได้ เรื่องนี้ต้องขอบคุณทางเวิร์คพอยท์ ผู้ใหญ่ที่มอบโอกาสที่ดีๆแบบนี้ให้ผม ไม่คิดว่าเราเป็นแค่นักแสดงตัวเล็กๆ แต่มีโอกาสได้ร่วมงานโปรเจกต์ใหญ่ๆของเวิร์คพอยท์ครับ”

“ก็ฮากระจุยกระจาย สนุกครับ ผมชอบนะ ทุกคนก็สนุก ไม่ว่าพี่ตุ๊กกี้ แพท-ณปภา ทุกคนเป็นเบอร์ 1 ด้านนี้ แต่มีบางซีนที่ผมเข้ากับพี่ตุ๊กกี้ ซัดกันไป 50-60 เทก ไม่ใช่อะไร ขำกันแบบว่ารวนเลย พอสนิทกันก็จะหลุดด้วย บางทีแบบไม่ตั้งใจ บางทีพี่ตุ๊กกี้วิ่งมาวิกหลุดบ้าง ลื่นล้มบ้าง เป็นความฮาที่ตลกๆไป แต่ในเรื่องมีเรื่องย้อนยุค มีพาร์ตอดีตที่ใส่ฟันปลอม ใบหน้ามีกระ จนไม่ใช่ตัวเรา เปลี่ยนลุคไปเลยจนพี่ตุ๊กกี้แซวว่าหน้าตา…มาก (หัวเราะ) จนกลั้นขำไม่ไหว พี่เค้ามองหน้าผมหัวเราะฮาแล้ว เจอลุคที่ผมแปลงโฉมเป็นเชิงชาย เค้าหล่อ และรวยมากแต่ฟันคือสุด ฟันจอบ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเรา ขนาดกับแพทเองยังจำผมไม่ได้ ต้องบอกนี่ไนกี้เองนะ แพทถึงขั้นร้องตกใจ เห้ย! ไนกี้ และขอโทษที่ไม่ทักเพราะไม่คิดว่าจะเป็นไนกี้ หน้ามันเปลี่ยนไปเลย พอส่องกระจกก็อือหือ เต็มคาราเบล! ความไม่น่าเชื่อเลยว่าหน้าจะเฮียๆ ได้ขนาดนี้ หน้าเป็นกระ ฟันจอบเหมือนม้าอีก เป็นความสนุก แพทที่ว่าใจแข็งยังไม่ไหวกับเชิงชายเลย คือแบบว่าบอดี้โอเคมากแต่ตัดหัวทิ้งได้มั้ยเพราะเห็นหน้าแล้วหมดอารมณ์ (หัวเราะ)”

“สำหรับละครเรื่องนี้ เหมือนได้แฟนคลับกลุ่มใหม่เลยครับ เพราะปกติแล้วก็จะมีสาวๆ มีสายวาย หรือว่าชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มแฟนๆที่ค่อนข้างจะโตหน่อย แต่พอมาเป็นครูบอยในละคร ครูเพ็ญศรีกับเลดี้ปอบ แฟนๆของผมเลยกลายเป็นรุ่นเล็กไปเลย ส่วนมากจะเป็นเด็กประถม เด็กมัธยมต้น นี่ล่าสุดเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาได้ไปทำบุญ และรดน้ำหลวงพ่อช้าง (พ่อบุญธรรมของไนกี้) ที่วัดจุกเฌอ แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา มา ก็เจอแฟนคลับเป็นน้องๆ เด็กๆประถม มากันเป็นแก๊งวิ่งเข้ามาขอถ่ายรูป เรียกผมว่าครูบอยๆๆ ขอถ่ายรูปหน่อย ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเค้าก็พูดขึ้นมาว่า ไอ้ครูบอยนี่ใครวะ เพื่อนๆ เค้าก็ขำกันนะ ว่าไม่ได้ดูละครครูเพ็ญศรีกับเลดี้ปอบ เหรอ คนเนี้ยไงครูพละ ชื่อครูบอย ก็ถือเป็นเรื่องที่ผมเองก็ปลื้มใจมากๆเหมือนกันนะครับ ได้ฐานแฟนๆ กลุ่มใหม่ในฐานะคุณครู (หัวเราะ)”

“ผมเองเราเลือกแล้วอยากจะเป็นนักแสดงหรือพระเอก ก็ยอมรับว่ามีช่วงชีวิตที่เราคิดกับตัวเองว่าเราเป็นพระเอกมาก่อน หรือเราอยากเป็นนักแสดงแต่สุดท้ายใจเรามันตอบตั้งแต่แรกว่าเราอยากเป็นนักแสดง คำว่านักแสดงต้องเล่นได้ทุกบทบาท ทำให้เรามองว่ามันมี อีกหลากหลายบทบาทมากที่เราไม่เคยเล่นและเราก็ปิดกั้นตัวเองมาตลอด แค่คำว่าพระเอกคำเดียวเลย เพราะมันต้องคีพลุค อันนี้ไม่ทำ อันนี้ ไม่ได้ แต่ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้วคนเข้าใจโลกมากขึ้น ตัวละครหลากหลาย ทุกคนสามารถเป็นพระเอกในตัวละครนั้น ได้ ไม่ว่าเราจะไปยืนตรงไหน อยู่ที่ว่าเราสร้างคาแรกเตอร์ ให้เค้าชัดเจนแค่ไหน เราเรียนมาหลายครูบาอาจารย์เราเลือกแล้วที่จะเป็นนักแสดง และตีโจทย์ทุกบทบาทออกมาให้คนดูชอบตัวละครตัวนั้น”

“ผมแค่รู้สึกว่ามันมีหลายๆอย่างที่มีงานหลายๆ อย่างเข้ามาแต่เราปฏิเสธไปเพราะเรามองว่าเราเป็นพระเอก ไม่กล้าทำอันนี้เป็นพระเอก เรากลับมาคิดกับตัวเองแล้วคำนี้จะอยู่กับเราได้นานขนาดไหน สุดท้ายโควิดทำให้ชีวิตเปลี่ยน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน กลายเป็นว่าแล้วอะไรที่ฝากไว้ได้ อาชีพเราเป็นนักแสดง เราชอบการแสดงมาก ฝากได้คือความดีกับการแสดงนั่นแหละ มานั่งคิดได้ตอนโควิด”

ช่วงโควิดไนกี้เองก็จะมีแฮชแท็ก #เด็กร้านแก๊ส “ใช่ครับ คือคนลืม ไปว่าร้านไนกี้ขายแก๊ส บางคนก็ไม่รู้บ้านเราทำอาชีพ อะไรก็จะชอบถาม ไนกี้เด็กร้านแก๊สนะ และเราภูมิใจด้วย เราก็ภูมิใจด้วย เรามาถึงทุกวันนี้ เราโตมาได้ทุกวันนี้เพราะขายแก๊สนะ พ่อแม่เราขายแก๊ส เป็นอาชีพที่สุจริตไม่เห็นหน้าอายตรงไหน ต่อให้ขายลูกชิ้นปิ้ง ไนกี้ก็กล้าลงว่าไนกี้เด็กลูกชิ้นปิ้งนะ เพราะเราภูมิใจอาชีพพ่อแม่เราและอาชีพนี้ส่งลูกเรียนจบ 3 คนและเรามีหน้าที่การงานที่ดีในวันนี้เพราะเราเป็นร้านแก๊สนี่แหละ

ทุกวันนี้ไนกี้มีโอกาสได้ไปส่งแก๊สเองบ้างมั้ย “มีครับ ทุกคนแฮปปี้ชอบมาก ทุกคนอยากให้ผมไปส่งตลอด บอกว่าไม่ได้นะครับ ผมต้องทำงาน มีบางคนพูดถึงขนาดว่าถ้าไนกี้ไม่มาส่งจะเลิกซื้อแล้วนะ บางร้านผมต้องกลับไปหา มีคนอินเลิกซื้อแล้วร้านสั่งเยอะด้วย ก็ต้องไปกับแม่ ไนกี้มาแล้วนะ เขาแฮปปี้ จริงๆ ไม่ได้อะไร อยากเจอ อยากถ่ายรูปด้วยและทุกคนดูละคร ดูผลงานของเรา เขาเห็น เรามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว”

“เหมือนเรามีบ้านอยู่แล้ว ไม่อยากมีภาระเพิ่มเติม เหมือนเราไม่อยากสร้างหนี้ ที่บ้านก็มีห้อง มีที่ให้เราอยู่ บ้านคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา กลับบ้านดีกว่า พอเราไปซื้อที่โน้น เวลาไปถ่ายละครที่อื่นเราก็จะเป็นห่วง มีโจร คิดเรื่องพวกนี้ด้วยและไม่อยากมีภาระหนี้สินมากกว่า เพราะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีหนี้มีความสุขที่สุด ทุกวันนี้ผมมีความสุขคือไม่มีหนี้ ทุกวันนี้ทำงานได้เงินมาก็เอาไปเช่าพระ เป้าหมายเดียวเลย”

แทนที่เป้าหมายเราจะหาแฟนได้แล้วเพราะเลข 3 แล้วด้วย “ครับ ทุกคนแอบเป็นห่วง”

“เราอาจจะเปลี่ยนมุมมองไปอีกแบบนึงเพราะว่าเคยผิดหวังมาเยอะ ใครที่ติดตามเรื่องราวไนกี้จะรู้ว่ามีความรักเกิดขึ้นหลายครั้งแต่มันผิดหวัง เราไม่ได้หักอกเค้านะแต่โดนเค้าหักอกเรา หลายๆ ครั้งเราเลยช้ำ เลยคิดเราไม่ต้องตั้งเป้าตรงนี้ไว้ ของแบบนี้ไม่ได้มาคู่กัน ถ้าความรักไม่ดีงานดี ผมก็โอเคนะ ทุกวันนี้รู้สึกเราแฮปปี้กับการทำงานและไม่ซีเรียสตรงนั้น ใครที่เข้ามาเป็นเพื่อนเราวันนี้ค่อยๆพัฒนา ค่อยๆขยับ ผมก็โอเคนะ ผมไม่อยากรีบร้อนแล้วเพราะรีบร้อนมาเยอะแล้ว สุดท้ายมันเสียใจ ทำไมเขาเป็นแบบนี้ ถามว่าเข็ดกับความรักมั้ยก็ไม่ได้เข็ดกับความรักแค่มันเป็นความเจ็บ เกิดคำถามกับตัวเองทำไมเราเจอแบบนี้ เราก็อยากมีความสมบูรณ์แหละ อยากมีความรักดีๆกับเขา พอมันไม่ใช่ก็ไม่ต้องโฟกัสหรอก ทุกวันนี้มีใครพอเข้ามาเริ่มคุย ค่อยๆพัฒนากันไป ผมไม่ได้รีบร้อนแล้ว”

แล้ว ณ ตอนนี้มีคนคุยๆ “ครับ มีคนคุยๆบ้างไม่ได้ปิดกั้น แต่ค่อยเป็นค่อยไป เพิ่งคุยกันไม่นาน เลยไม่กล้าด่วนสรุป กลัวบอกไปแล้วไม่ใช่ สุดท้ายเดี๋ยวหงายเงิบก็เลยไม่อยากเปิด บางคนคุยไม่นานอาจจะไม่ใช่ทางกัน ไม่โอเคเวลาของเรามาเร็วเคลมเร็ว”

คนที่เราคุยๆ สามารถใช้คำว่าแฟนได้หรือยัง “ยังครับ ยังอยู่ในระยะศึกษากันไปก่อนครับ ผมว่าเดี๋ยวนี้คำตรงนั้นไม่จำเป็นแล้ว เมื่อก่อน ผมเป็น เราคือใคร เราชอบนะ คนนี้แฟน คือชัดเจน พอสุดท้าย มันไม่ใช่ เลยมาคิดแล้วคำจำกัด ความคือตรงไหน อยู่ที่ว่าข้างในแต่ละคนมากกว่า ถ้ามีความเข้าใจกันจริงๆ โอเค แค่คำนำหน้า ต่อให้แต่งงานกัน คนเรายังนอกใจกันได้ ไม่มีอะไรแน่นอน เราก็เป็นแบบนี้ ค่อยๆเรียนรู้กันไป ถ้าวันนึงมันแฮปปี้ มันใช่จริงๆ ค่อยเปิดตัวค่อยว่ากันจริงๆ”

“ปวดหัวกับแกมาก (หัวเราะ) เราทำงานด้วยกันหลายเรื่องมาก เจอกันบ่อยเป็นพี่สาวอีกคน แกเป็นคนชอบพูดเล่นจนคนเอาไปคิด วันนั้นเจอกันที่งานแต่งพี่ลูลู่ก็เล่นกันจนต้องบอกพี่เดี๋ยวคนเข้าใจผิดอีก เขาก็ชอบหัวเราะอะไรของเค้าไป แต่เป็นพี่สาวเคารพกันไม่มีอะไรมากกว่านั้น ก็ต้องเบรก พี่ครับ เดี๋ยวคนเข้าใจผิด ชอบเล่นแบบนั้นยืนยันผมกับพี่ลาล่าไม่ได้มีอะไรแน่นอน เป็นแค่พี่สาวคนนึงจริงๆ เพราะร่วมงานเล่นละครกันมาหลายเรื่องสนิทกัน”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน