โอม ภวัต เปิดใจครั้งแรก ดราม่าบูลลี่ จนถูกปลดจากพรีเซ็นเตอร์ ลั่นสำนึกผิดแล้ว


ให้คะแนน


แชร์

โอม ภวัต เปิดใจครั้งแรก ดราม่าบูลลี่ จนถูกปลดจากพรีเซ็นเตอร์ ลั่นสำนึกผิดแล้ว ไม่ต้องรีบให้อภัย ขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบ

ก่อนหน้านี้ถูกชาวเน็ตขุดคุ้ย แฉยับว่าเคยบูลลี่ หรือแกล้งเพื่อนในช่วงสมัยเรียนมัธยม คำใบ้ต่างๆ นานา ผุดออกมาเพียบ จนเกิด แฮชแท็กเรียกร้องให้เจ้าตัวออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ความกระจ่างและชัดเจน #โอมภวัตออกมาพูดเถอะ

ต่อมา โอมได้พิมพ์ข้อความลงทวิตเตอร์ว่า “สำหรับเรื่องราวที่เป็นประเด็นอยู่ ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ออกมาอธิบายช้า ผมขออนุญาตชี้แจงนะครับ ผมยอมรับครับว่าตอนเด็กๆ ผมซนและแสบมากพอสมควร ซึ่งหลายๆ ครั้งก็เป็นการเล่นคึกคะนองแบบเด็กผู้ชายโดยไม่ได้มีเจตนาจะก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดี

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ตอนมัธยมต้นที่ผมและเพื่อนๆ แกล้งเพื่อน ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นผมและเพื่อนๆ ถูกอาจารย์ตักเตือน ลงโทษด้วยไม้เรียว และเรียกผู้ปกครองเข้าพบ ผมและคุณพ่อคุณแม่ ได้ขอโทษเพื่อนและคุณพ่อคุณแม่เพื่อนสำหรับความผิดของผมในครั้งนั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับผมและทำให้พยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นมาตลอด”

จากกรณีที่โอมถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ จนทำให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ ประกาศยุติบทบาท และปลด ‘โอม ภวัต’ ออกจากพรีเซ็นเตอร์ ทำให้เรื่องร้อยถึงต้นสังกัดอย่าง GMM TV ที่ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมจ่อฟ้องแบรนด์สินค้าดังกล่าวด้วย

ล่าสุด วันที่ 25 เม.ย. 66 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน มีการจัดงานรอบปฐมทัศน์ “รักแรกโคตรลืมยาก” โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี เดินทางมาร่วมงานในฐานะนักแสดง และได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจ ถึงต้นสังกัดจ่อฟ้องแบรนด์สินค้า หลังปลดออกจากพรีเซ็นเตอร์ รวมถึงเคลียร์เรื่องที่ถูกขุดว่าแกล้งเพื่อนด้วย

กลับประเด็นที่เราโดนขุดพฤติกรรมในตอนเด็ก
“สำหรับกรณีนี้ผมขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ขอโทษจริงๆอีกหนึ่งครั้งครับ คือเรื่องราวเป็นตอนสมัยที่ผมเรียนมัธยมต้นและตอนนั้นผมก็ได้รับการลงโทษอย่างเต็มที่ ที่สุดจากทางโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่มีกรณีนี้ขึ้นมาผมก็ได้ทำการทักติดต่อกับเพื่อนๆ เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์อีกรอบหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย”

เขารีแอคมายังไงบ้าง?
“เขาก็อ่านแชทผมครับ (แต่ไม่ได้ตอบ?) ใช่ครับ”

ณ ตอนนั้นที่เปิดเรื่องเราย้อนมองกลับไปมันเกิดจากสาเหตุอะไรถึงมาเกิดเรื่องเอาตอนนี้?
“จริงๆ ตอนนั้นด้วยความที่กับกลุ่มเพื่อนๆ ก็มีความคึกคะนองแล้วก็เหมือนเล่นกัน จนบางทีอาจจะเลยเถิดกันไป จนทำให้เพื่อนมีบาดแผลในใจหรือว่าทำให้เพื่อนได้รับผลกระทบหรือรู้สึกไม่ดี ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็ตอนสมัยเด็กแล้วผมก็โดนทำการลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้วพอหลังจากที่โดนทำการลงโทษผมก็ทำการขอโทษเพื่อนต่อหน้าแม้กระทั่งโดนลงโทษจากครู รวมถึงกลุ่มเพื่อนๆ ที่เล่นด้วยกันแล้วก็มีการที่ผู้ปกครองของผมโทรไปขอโทษผู้ปกครองของฝั่งเพื่อนคู่กรณีด้วยครับ”

จากเหตุการณ์ครั้งนั้นจนมาถึงวันนี้ทุกอย่างมันให้อะไรกับเราบ้าง?
ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นจนถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ผมจะไม่ลืมเลยครับคือ จริงๆก็เป็นบาดแผลในจิตใจของผมเหมือนกันที่ ผมก็มีความละอายใจตัวเองที่ผม ทำอะไรแบบนั้นลงไปตั้งแต่สมัยนั้น จนมาถึงวันนี้พอเรื่องราวเกิดขึ้นอีก ผมก็ต้องขอโทษอีกทีจริงๆจากใจครับ (ยกมือไหว้) ที่เรื่องราวในอดีตมันสร้างบาดแผล ให้กับเพื่อนรวมถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้เรื่องราวจากครั้งนี้

ผมเรียนรู้ถึง ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนปกติหรือไม่ปกติ หรืออะไรก็ตามแต่ไม่มีใครควรโดนแกล้ง เราควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราไม่ควรทำแบบนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ สอนผมมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ว่าผมต้องไม่ทำแบบนั้นอีกทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น ทำให้ผมมองโลกกว้างขึ้น และก็รู้สึกผิดมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้

อีกอย่างนึงคือผมไม่ทราบจริงๆว่าเพื่อนเป็นเด็กพิเศษหรือว่าอะไรยังไงไหมและ ผมบอกตรงนี้ว่าผมไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายหรือทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจเกี่ยวกับเพื่อนที่เป็นเด็กพิเศษหรืออะไรก็ตามแต่จริงๆ ครับ

เราเครียดไหมในวันที่เกิดเรื่องขึ้น?
“เครียดครับ (แล้วเราจัดการมันยังไง?) คือแรกสุดพอเกิดเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา สิ่งที่ผมทำคือผมวิเคราะห์ก่อนว่า เรื่องราวเป็นอะไรยังไงเสร็จปุ๊บ พอผมรู้ตัวว่าผิดจริงๆ ผมก็เลือกที่จะทำการบอกกล่าว ให้คนที่อยู่ใน โซเชียลมีเดียของผม เพื่อแถลงเรื่องราวทั้งหมด ทางโซเชียลมีเดียของผมรวมถึง ไปขอโทษเพื่อนที่เป็นคู่กรณี โดยตรงอีกรอบหนึ่งครับ”

วันนี้เราเพิ่งออกมาพูดกับสื่อ วันนั้นที่เราโพสต์ลงไปเราคิดว่าเรื่องมันจะโอเคขึ้นไหมใช่ไหม?
“คือวันนั้นผมไม่รู้จริงๆ ว่ามันโอเคขึ้นหรือไม่โอเคขึ้น แต่ในเจตนาของผม แค่ต้องการขอโทษและรู้สึกผิด สำนึก กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปจริงๆ รวมไปถึงทักไปขอโทษเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงคนรอบข้างตัวไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในปัจจุบัน หรือว่า พ่อแม่ที่ได้รับผลกระทบหรือว่าเสียใจกับเรื่องนี้ ผมก็มีเจตนาที่จะขอโทษจริงๆ จากใจ”

ได้รับคำให้อภัยไหม จากฝั่งคู่กรณีหรือยัง?
“จริงๆ เรื่องราวมันจบไปตั้งแต่ผมอยู่มัธยมต้นแล้วครับ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพื่อนให้อภัยผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

คิดไหมว่าทำไมเรื่องมันไม่จบไม่สิ้นสักที?
“ผมถือว่ามันเป็นบทลงโทษที่ยิ่งใหญ่มาก สำหรับผมครับ ตลอดเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมไม่ได้อยู่เฉยๆ ผมรู้สึกผิดและรู้สึกละอายใจแต่ตัวเองในทุกๆ วัน ที่ผมต้องตื่นขึ้นมา พูดตรงๆ ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมคงไม่ทำ จนถึงวันนี้ผมย้อนไปแก้อดีตไม่ได้ ได้แต่ทำปัจจุบันให้มันดีขึ้น”

ส่งผลกับสภาพจิตไหม?
นิดนึงครับ (ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง?) มีความเครียดเกิดขึ้นจริงๆ ไม่อยากไปไหนเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าสิ่งที่สอนผมและเตือนความจำผมเลยคือมันเป็นเรื่องที่น่าละอายจริงๆ ไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในเมื่อตอนเด็กผมพลาด ผมทำเพื่อนรู้สึกไม่ดีแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนเลย รวมไปถึงสัญญาและปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมจะไม่กลับไปเป็นเด็กโอมคนนั้นอีก ที่นิสัยไม่ดี”

เรื่องขยายมาเป็นวงกว้าง คาดหวังยังไงให้คนให้โอกาส?
“ผมขอบอกตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง ผมขอโทษตรงนี้อีกครั้งหนึ่งครับ และทุกคนไม่ต้องรีบให้โอกาส ไม่ต้องรีบให้อภัยผมก็ได้ จริงๆ สิ่งที่ผมเจอผมควรจะได้รับมัน เพราะว่าผมนิสัยไม่ดีเองตอนเด็ก มันเป็นบทลงโทษของผมจริงๆ จากนี้ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั่นอีก และจะไม่ให้เกิดขึ้น อยากให้ยกเคสของผมเป็นเคสกรณีศึกษาเลย ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ก็ตาม เรื่องที่ไม่ดีไม่ควรเกิดขึ้นเลย ทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนเป็นเพื่อนกัน”

อยากบอกอะไรกับแฟนๆ ที่ยังซัพพอร์ต หรือแฟนๆ ที่ตอนนั้นรู้สึกผิดหวังไป?
“ก็ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ขอโทษทุกคนที่ได้รับผมกระทบขอโทษแฟนๆที่ทำให้ผิดหวังและเสียใจในตัวผม รวมถึงขอโทษไปถึงเพื่อนคู่กรณี ผมอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ณ ช่วงเวลาที่ผ่านมา หรือใดๆ ก็ตาม ผมขอพูดว่าผมย้อนอดีตกลับไปไม่ได้จริงๆ สิ่งที่ผมทำได้คือผมเรียนรู้ จากความผิดพลาดในตัวผม และทำตัวเองให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคตและ ผมสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำตัวแบบนั้นอีก และฝากขอบคุณกำลังใจด้วยครับ และขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ผิดหวังและเสียใจในตัวผมครับ”

วันที่เกิดเรื่องเจอเรื่องหนักๆ มีท้อถึงขั้นไม่อยากทำงานในวงการไหม?
“ถามว่าท้อไหม ก็มีท้อครับ คือจากใจเราด้วยความที่รู้สึกผิดมากๆ แล้ว ผมแค่ไม่รู้จะขอโทษยังไง หนึ่งคือเราขอโทษเพื่อน คู่กรณีไปโดยตรงแล้ว สองผมลงข้อความในโซเชียลมีเดียส่วนตัวผมเพื่อที่จะขอโทษทุกๆ คน ที่ผ่านมาเห็นแล้วอีกทีนึง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะขอโทษยังไง ก็เลยท้อ เครียด แต่ว่าสิ่งที่ผมทำได้ในทุกๆ วันที่ผ่านมาคือผมต้องทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายมาในแต่ละวันให้ดีที่สุด ปรับปรุงตัวและสำนึกในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นแล้วจริงๆ สำนึกจริงๆ ไม่ให้มันเกิดซ้ำอีกครับ (ให้เวลาพิสูจน์?) ครับ”

ล่าสุดมีเรื่องถูกปลดพรีเซ็นเตอร์?
“เรื่องของรายละเอียดของเรื่องราวที่ทางค่ายประกาศไป อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ อันนี้เป็นเรื่องของทางค่ายกับทางฝั่งนั้น แล้วก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ถ้ามีอะไรอัพเดตเดี๋ยวให้ทางค่ายออกมาชี้แจงเพิ่มเติมจะดีกว่าครับ”

ตกใจไหม?
“ตกใจมากครับ แล้วก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

รายละเอียดทางค่ายจัดการ?
“ใช่ครับ ทางค่ายเป็นคนดำเนินการครับ”

ตัวเราเองตกใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น?
“อย่างที่บอกครับ หนึ่งเลยคือละอายใจ ละอายใจมากๆ จริงๆ และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าย้อนไปได้ ผมคงเสียใจมากๆ ถ้าผมรู้ว่าสิ่งที่ผมได้ทำไปตอนสมัยผมเรียนมันทำให้เป็นบาดแผลที่อยู่ฝังลึกจิตใจของเพื่อนมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เสียใจมาจนถึงทุกวันนี้และเรียนรู้ในตลอดเวลาที่ผ่านมา จริงๆ แล้วหลังจากที่ตอน ม.ต้น จบเรื่อง ผมโดนลงโทษ ผู้ปกครองผมได้โทรไปขอโทษ หรือผมจะโดนฟาด โดนไม้เรียว

จริงๆ ตอนนั้นมันหนักมากสำหรับผมแล้วนะ เพราะว่านึกภาพมันคือขั้นสุดของโรงเรียนแล้ว และผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะต้องโดนแบบนั้น จนผมเห็นพ่อแม่รู้สึกแย่มากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็ปฏิญาณตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าผมจะดีขึ้น พยายามให้ตัวเองดีขึ้นในทุกๆ วัน จะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจอีก หรือแม้กระทั่งเพื่อนหรือคนรอบตัวที่เราเจตนาทำให้เขามีบาดแผล แต่บางทีผมก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเป็นกาย วาจา หรือจิตใจ ยังไงผมก็ต้องขอโทษไว้ตรงนี้จริงๆ ครับ”

มาตรการที่หลายคนพูดถึง ผู้ใหญ่มีเรียกเราไปตักเตือนหรือว่าสอบสวนเรายังไงบ้าง เพราะหลายคนมองว่าทางค่ายดูอิกนอร์?
“จริงๆ แล้วเรื่องนี้ทางค่ายไม่เคยนิ่งเฉยเลยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง ทางผู้ใหญ่เรียกผมเข้าไปสอบถามเรื่องราวทั้งหมด แล้วก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาแล้ว และผมได้รับการลงโทษทุกอย่าง แล้วถือให้ผมเป็นบทเรียน ผมโดนตำหนิ โดนสั่งสอน โดนว่ากล่าวตักเตือน อบรมว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดีจริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลใดๆ ก็ตาม เพื่อย้ำเตือนผมอีกหนึ่งครั้ง คือไม่มีใครนิ่งเฉย นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ ค่ายรวมถึงตัวผมเองหรือแม้แต่ครอบครัวของผมด้วยซ้ำครับ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7630966
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7630966