บุ๊ค ให้สถานะ ทาทา ยัง เพื่อนคนพิเศษ ไม่ซีเรียสคนมองไม่แมน ชี้โลกเปิดกว้าง


ให้คะแนน


แชร์

ยังไม่ใช่แฟน “บุ๊ค” ให้สถานะ ทาทา ยัง เพื่อนคนพิเศษ ไม่ซีเรียสคนมองไม่แมน หลังติดภาพซีรีส์วาย ชี้โลกเปิดกว้างความเท่าเทียมหลากหลาย

หลังจากที่ นักร้องสาว อมิตา ทาทา ยัง ซึ่งถูกจับตาว่ากำลังซุ่มปลูกต้นรักกับ นักแสดงนายแบบหนุ่มสุดหล่อ บุ๊ค สิคพัชศ์ เศรษฐพงพัชร ได้ออกมาเผยว่ากำลังคุยกันอยู่กับ หนุ่มบุ๊ค และเป็นคนที่สนิทที่สุด ล่าสุดในงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์เรื่อง “LA PLUIE THE SERIES ฝนตกครั้งนั้นฉันรักเธอ” ณ อินฟินิซิตี้ ฮอลล์ พารากอน ก็เป็นคิวของนักแสดงหนุ่มสุดแซ่บ “บุ๊ค สิคพัชศ์” ออกมาพูดบ้าง พร้อมทั้งเคลียร์ข่าวที่คนมองว่าตัวเองไม่แมน

รู้สึกยังไงคนค่อนข้างจะโฟกัสความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน? “ตกใจ เพราะอย่างที่บอกในรายการ แฉ เมื่อวานก็คุยกับอมิตา คือรูปที่เกิดขึ้นหลายคนก็เห็นอยู่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถ้ามาถึงตอนนี้ก็สองเดือนแล้ว จริงๆ มันก็เป็นรูปที่เราลงกันโดยปกติทั่วไป คือผมลงโดยปกติอยู่แล้ว แต่อมิตาเขาลงเป็นครั้งแรก แล้วมันเป็นทริปที่เราไปเที่ยวกันแบบส่วนตัวครั้งแรก ก็จะมีพี่แก้มพี่สาวของอมิตา ผมก็จะติดเรียกอมิตา (หัวเราะ) ก็จะมีผู้จัดการของผมไป คือทริปนั้นก็ลงรูปอะไรกันปกติ”

“ตกกลางคืนเราก็ออกไปทานข้าวถ่ายรูปแล้วผมเป็นคนที่คนใกล้ตัวจะรู้ว่าผมชอบถ่ายรูปมาก ชอบแต่งรูปแล้วเขาก็รู้สึกว่ารูปเดี่ยวของเขามันไม่ค่อยสวย เขารู้สึกว่าลงรูปของผมแล้วสวย ผมก็เหรอ ได้ก็ได้ ก็เลยคิดแคปชั่นกัน ก็เลยลงหลังเที่ยงคืน ผมตื่นมา 8 โมง เลยตกใจมีข่าวหลายเพจลง ตอนแรกก็คงไม่มีอะไรหรอก พอตกบ่ายปุ๊บทุกเพจเลยทั่วประเทศมากันหมดเลย ตกใจครับ”

หลายเพจก็บอกว่าเป็นแฟนกัน ตอนนั้นเราได้คุยกับทาทาไหมว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ไหมกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว?ไม่ใช่แค่ผมอึ้งนะ เขาก็อึ้ง ส่วนตัวผมเป็นห่วงเขามากกว่าเพราะเขาเป็นผู้หญิงเป็นศิลปินที่ชื่นชอบรู้จักกันทั้งประเทศ เราเองก็ตายแล้วจะทำยังไงดี ก็คุยกันปรึกษากัน เย็นวันนั้นเลยในเมื่อข่าวมันออกไปแล้ว เกิดขึ้นแล้ว จะอย่างไรเพราะว่าหลังจากนั้นเขาก็บินไปพักผ่อนที่ภูเก็ต แล้วก็ไปงานต่อก็คุยกันอยู่เรื่อยๆ งั้นเราปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติของเรา”

ธรรมชาติของเราคือยังไงจะมีการพัฒนาความสัมพันธ์? “ก็เป็นเหมือนเดิมครับ คือเราเริ่มจากความเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาสามปีก่อน แล้วโควิดก็ไม่ได้เจอกันพอโควิดหายก็กลับมาเจอกันใหม่ มีการพูดคุยกันสนิทกันมากขึ้น เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก่อนจะไปทริปนี้ครับ ดังนั้นความสัมพันธ์ในการพูดคุยอย่างที่มันเป็นธรรมชาติ ค่อยไปๆ เรื่อยๆ จนพอเป็นข่าวทุกคนจับจ้อง ก็เลยมากขึ้น ถามว่าพิเศษไหมคุยกันทุกวัน มีโอกาสก็เริ่มไปแฮงเอ้าท์มีเพื่อนๆ หลายๆ คน ส่วนตัวบ้างสองคนบ้าง แล้วก็คุยกันอาจจะมีลงรายละเอียดมากขึ้นบ้าง

เรียกว่าตอนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนไหม? “ก็เป็นเพื่อนที่พิเศษขึ้นมาอีก”

ข่าวเป็นความกดดันไหมที่ทำให้ทั้งคู่ต้องศึกษากัน หรือตั้งใจที่จะศึกษากันอยู่แล้ว? “จริงๆ อย่างที่บอกครับเรามีความเป็นเพื่อนกันมากๆ มาก่อน แล้วเราก็สนิทกันมาประมาณหนึ่ง ผมได้รู้จักเขาในอีกแง่มุมหนึ่งที่หลายคนไม่รู้จัก เช่นหลายคนอาจจะคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงเก่ง มั่นใจ แต่จริงๆ เขามีมุมอ่อนไหวมาก เซ้นซิทีฟมากเป็นคนใส่ใจรายละเอียดคนเยอะมาก 100 กับ 1,000 คือตัวอมิตาเลยเขาจะไม่แค่ 0 กับ 100 เขาเลยประสบความสำเร็จแล้วเป็นไอคอนแบบที่หลายคนเข้าใจ มี 100 กับ 1,000 ไปเต็มที่ อย่างคอนเสิร์ตล่าสุดเขาก็ทำเต็มที่ ดูครีเอทีฟเอง ตั้งใจดูโชว์เองทั้งที่ป่วย ผมก็ได้เห็นเขาคอลวิดีโอคุยกับทีมงานต่างๆ ก็แอบดีใจพอลงมา เขาก็บอกในพาร์ทหนึ่งของคอนเสิร์ตวายทูเค เขาก็ทำพาร์ทหนึ่งให้เรา(ยิ้ม) เขาบอกแบบนี้”

เป้าหมายกับการคุยกับอมิตาอยู่ตรงไหนหรือว่าแค่เพื่อน? “เรื่องนี้ความสัมพันธ์ของเราดีมากแล้วเราทั้งสองฝ่ายเราไม่อยากจะเสียความสัมพันธ์นี้ไปเลย เพราะว่าเราเริ่มจากความเป็นเพื่อนกัน และสนิทกันมากขึ้นดังนั้นทุกอย่างเราเลยคิดทุกอย่างเราปล่อยไปเป็นตามธรรมชาติไม่รีบไม่ร้อนไม่เร่งเราทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ส่วนผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบไหน ผมเชื่อว่าเมื่อเรามีความจริงใจทั้งคู่ ในสถานะปัจจุบันมันจะเป็นยังไง เราทั้งคู่ก็ยังคง Support ซึ่งกันและกัน เรายังคงจับมือกันได้ กอดกันได้ ยังคงให้กำลังใจที่ดีๆ กันได้”

ตอนนี้ตั้งใจศึกษาเขาคนเดียว? “ก็ไม่ได้คุยกับใครนะครับ ต้องไปถามเขาเองว่าเขาได้คุยกับใครหรือเปล่า”

ก็เรียกว่าเขาอยู่ในเฟรนด์โซนของเรา? “ใช่ครับ ผมว่าเฟรนด์โซนนี่มันเป็นคำคุ้นๆ นะครับ”

อึดอัดไหมที่หลายๆ ข่าวเขียนออกมาว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว? “ไม่อึดอัดครับ เพราะว่าเราก็เข้าใจว่าเขาอยู่ในงานด้านนี้ แล้วพี่ๆ นักข่าวเขียนข่าวถึงก็คือการให้ความสนใจ ดังนั้นทุกอย่างถ้ามีการเขียนไป ทุกคนสงสัย เราตอบ แล้วถ้าสิ่งที่เราตอบไปทำให้ทุกคนได้ทราบได้เห็น ถามว่าเราดีใจไหมเวลาที่เราลงรูปแล้วมีคนชื่นชม มีคนรักมีคนเชียร์มีคนหวังดี เราทั้งคู่ก็ขอบคุณมากๆ แล้วผมก็มักจะได้ยินคำว่าขอบคุณนะที่มาทำให้อมิตาสดใส สวยขึ้น ผอมขึ้น แต่ซึ่งความผอมนั้นไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย เขาลดของเขาเอง”

แล้วการศึกษากันได้ตั้งเป้าไหมว่าจะเป็นแฟน? “อย่างที่บอกครับ ยืนยันเหมือนเมื่อกี้เลยว่าเราไปเรื่อยๆ ครับ ปล่อยให้ปัจจุบันทำหน้าที่ให้มันดีที่สุด”

ในส่วนที่บอกว่าเป็นเพื่อนกันไปก่อน เราสามารถคุยกับคนอื่นได้ไหม ทั้งเราแล้วก็อมิตา หรือเราต่างคนต่างศึกษากันเองแค่นี้พอ? “ถ้าเอาจากใจผม แมนๆ เลยนะ คือเขาเข้ามาครั้งแรกก็คือมาพูดคุยกับเราปรึกษาเราในเรื่องของความรักที่มีคนเข้ามาจีบเขา เห็นว่ามีคนเข้ามาจีบเขาอยู่เรื่อยๆ แล้วในระหว่างที่เป็นข่าวก็ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่ ถามว่าผมมีไหมผมก็มีปกติ แต่ไม่ได้ซีเรียสไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้”

แต่ก็มีคนที่เขาตั้งคำถามและสงสัยในความเป็นเรา ว่าเราแมนหรือเปล่า? “คำถามนี้ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่คำถามแรกที่ผมเจอตั้งแต่เข้าวงการมา แล้วผมอาจจะไม่เคยยืนสัมภาษณ์ตรงนี้ ผมขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากเลยที่วันนี้สัมภาษณ์ผม ผมเกิดจากบทบาทซีรีส์วาย แรงเงา ย้อนกลับไปก็เป็นคู่จิ้นสมัยยุคแรกๆ แล้วก็มีอีกหลายเรื่องที่ผมเล่นและคนติดภาพในเรื่องนี้ ผมก็ไม่ตกใจในคำถามนะ แต่ถ้าถามผมว่าแล้ว Status คุณเป็นอะไรล่ะ เป็นยังไง ผมอยากจะบอกทุกคนว่า อยากจะมองผมแบบไหนไม่เป็นไรเลย ผมคิดว่าโลกสมัยนี้มันเปิดกว้าง ความหลากหลายของแต่ละคนมันมีเยอะมาก

“ดังนั้นวันนี้บุ๊คเคารพตัวบุ๊คเอง เคารพพี่ๆ เคารพอมิตา เคารพคนอื่นๆ ด้วย และที่สำคัญเรารู้ว่าเราไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราอยู่ในพื้นฐานที่ทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเราอยู่หน้าสื่อ เพราะเรื่องราวความรักของสองคนมันเป็นความสัมพันธ์ของคนสองคนจริงๆ คุยแล้วรู้สึกดีต่อกันปรารถนาดีต่อกัน จับมืออุ่น กอดแล้วอุ่น คุยภาษาเดียวกัน ปรึกษากันเรื่องทุกข์เรื่องสุข แล้วเข้าใจกัน มันเป็นเรื่องของคนสองคนเลย ดังนั้นคนจะถามผมอีกกี่รอบ เขียนแบบไหนอีกกี่รอบผมสบายมาก อยากจะให้ทุกคนเปิดกว้างความเท่าเทียมกันหมด ผมไม่ซีเรียสเลยว่าคุณจะมองผมแบบไหน”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7637282
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7637282