ยุ้ย ปัทมวรรณ อัปเดต แม่ทุม ป่วย ALS เคยร้องไห้เพราะเหนื่อยจนลูกเห็น


ให้คะแนน


แชร์

วันนั้นคุยอะไรกับคุณยายทุมหนูจำได้มั้ย?
พริมมี่ : หนูจำได้แค่หนูบอกว่าหนูโตแล้วนะคะ คุณยายกลับมาเร็วๆ นะคะ

แล้วหนูเห็นอาการของคุณยายมั้ยคุณยายเค้าเป็นยังไงบ้าง?
พริมมี่ : คุณยายยิ้มค่ะ

ดีใจมั้ยที่เห็นรอยยิ้มของคุณยาย?
พริมมี่ : ดีใจมากเลยค่ะ

ต้องถามย้อนไปว่าคุณแม่ป่วยเป็น ALS กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการของโรคเป็นยังไง?
ยุ้ย : จริงๆ แล้วกล้ามเนื้ออ่อนแรงมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบประสาทที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนจะมีอาการแสดงออกเริ่มต้นแตกต่างกันไป อาการก็จะค่อยๆ อ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ คุณหมออธิบายว่าตรงนี้มันเป็นเซลล์ประสาทตัวแม่มันตายแล้วเซลล์เล็กเซลส์น้อยมันก็ต้องตายตาม เหมือนโรงไฟฟ้าโรงใหญ่ที่ดับ ไฟดวงเล็กดวงน้อยสุดท้ายก็ต้องทยอยดับ

อาการแรกเริ่มของแม่ทุมก่อนไปพบคุณหมอส่งสัญญาณอะไรบ้าง?
ยุ้ย : คุณแม่ไม่ค่อยมีแรง คุณแม่จะอ่อนแรงขาแล้วก็จะเรียกคนนวดทั้งวัน ตอนนั้นลูกๆ ก็ยังไม่เข้าใจว่าแม่ทำไม่ต้องเรียกเค้านวดบ่อยขนาดนี้ คือข้างในแม่เค้าคงจะอ่อนแรงมาก แล้วพอหนักๆ ก็จะเรื่องของการหายใจ

พอเรารู้ว่าคุณแม่ป่วยคนในบ้านรู้สึกยังไงกันบ้าง?
ยุ้ย : คือจริงๆ ก่อนที่จะรู้ก็ป่วยมาตลอด เราคิดว่ามีแค่ไทรอยด์ เวลาไปรักษาไทรอยด์แล้วเหมือนมันไม่จบ มันมีอะไรอีก จนมาเจอว่าเป็นอันนี้ได้ คุยกับคุณหมอเค้าก็อธิบายให้เข้าใจว่าโรคนี้มันเป็นยังไง ระยะเวลาโดยเฉลี่ยแล้ว 3-5 ปี เพราะว่าโรคนี้ไม่มีสาเหตุ ไม่มีทางรักษา วันนั้นเราฟังกับคุณพ่อแล้วรู้สึกว่าคือมันแย่มากในใจเรา แต่เรายังไม่ได้มาคุยเรื่องนี้กันต่อ เราก็ต้องทำให้คุณพ่อมีความสุขด้วย ก็ค่อยๆ คิด ค่อยๆ หาทางกันต่อไป ยังโชคดีที่เรามีความเข้าใจกับโรคที่คุณแม่เป็นว่ามันจะเป็นแบบนี้นะ แล้วมันจะมีระยะเวลาอยู่เท่านี้ คุณหมอบอกว่าไมมีการรักษา ต้องประคับประคอง

แม่ทุมเค้ามีโอกาสรู้มั้ยว่าเค้าเป็นโรคนี้มีอาการแบบนี้?
ยุ้ย : รู้ค่ะ เพราะตอนแรกๆ คุณแม่ยังปกติยังคุยได้แต่ด้วยความค่อยๆ อ่อนแรงลงไปเริ่มหายใจเองไม่ได้ เริ่มขยับไม่ได้ซึ่งตอนนี้ขยับไม่ได้แล้วก็ได้แต่มอง ยิ้ม

คุณแม่ป่วยมา 7 ปีแล้วคนในครอบครัวให้กำลังใจกันยังไง?
ยุ้ย : คืออย่างที่บอกว่าเรารู้อยู่แล้วว่าแต่ละคนหนักแค่ไหน ทุกคนก็ไม่อยากจะเอาเรื่องแย่ๆ ออกมาพูดกัน แต่พยายามสร้างพลังบวกให้แก่กัน เพราะยุ้ยรู้สึกว่าทุกคนขาดพลังบวกมากๆ เพราะฉะนั้นอะไรที่สร้างได้ก็สร้าง

พ่อรองน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดเป็นยังไงบ้าง?
ยุ้ย : ตอนแรกคุณพ่อก็เป๋เหมือนกัน คือยังโชคดีที่มีน้องพริม คุณพ่ออยู่บ้านเดียวกับยุ้ย เวลาที่น้องพริมไม่อยู่บ้าน คุณพ่อก็มีช่วงเหม่อ แต่พอน้องพริมมาก็ไม่มีเวลาเหม่อ เพราะว่าน้องพริมชอบเล่นกับคุณตามากจนคุณตานอน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจ สำหรับยุ้ยมันค่อนข้างยากเหมือนกันในการที่จะทำทุกอย่างให้มันสมดุล เรามีเรื่องเครียด แต่เราก็ต้องสร้างความสุขคนนี้ (พริมมี่) เค้าควรที่จะได้ความสุข คุณพ่ออีก บางทีมันก็ยากสำหรับเรา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเหมือนคุณแม่จะเป็นคนบอกเราได้ทุกเรื่อง เรารู้สึกว่าเราอยากคุยกับแม่มาก

เคยเห็นคุณแม่นั่งเศร้ามั้ย?
พริมมี่ : หนูเคยเห็นคุณแม่นั่งเศร้า หนูก็ถามคุณแม่ว่าร้องไห้ทำไม แล้วแม่ก็บอกว่าแม่เหนื่อย หนูก็ไปกอดแม่

ค่ารักษา 7 ปีผ่านไปน่าจะสูงพอสมควร?
ยุ้ย : เราได้ผ่านจุดที่มันหนักหนามากมาแล้ว เพราะก่อนที่จะ 7 ปี คุณแม่ก็ป่วยมาหลายปีเหมือนกัน แล้วอยู่โรงพยาบาลเอกชนข้างเยอะ ซึ่งมันก็หนักมาก แต่ไม่เคยคิดว่ามันเป็นจำนวนเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาคิด เท่าไหร่ก็คือเท่านั้น จะต้องเสียอะไรยังไงเท่าไหร่ก็สร้างใหม่ แต่โชคดีที่พี่ชายสามารถเบิกได้

อาการแม่เรา 7 ปีแล้ว เคยบ้างมั้ยที่เรารู้สึกว่าท้อใจ หรือยอมหรือปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น?
ยุ้ย : ไม่ค่ะ ไม่เคย เห็นว่าเราเข้มแข็งแค่ไหน คนที่เข้มแข็งสุดคือแม่ แม่ไม่ยอมแพ้เราก็ยอมไม่ได้ จะยอมแพ้ได้ยังไง ทุกครั้งที่เราไปหาคุณแม่จนถึงวันที่โพสต์รูปคุณแม่ คุณแม่ยังอ้วนท้วน ขาวผ่อง คุณแม่ไม่ได้มีวี่แววจะไม่ไหวแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าคุณแม่ยังสู้ยังยิ้มขนาดนี้เราก็สู้ ถึงบอกว่าเวลาไปเยี่ยมพยายามอย่านำเพราะไม่อยากให้ใครร้องไห้ให้คุณแม่เห็นเลย

7 ปีที่คุณแม่อยู่ในโรงพยาบาล แรกๆ อาจจะสื่อสารได้บ้าง ตอนนี้ไม่ได้เลย เวลาเรามีความรู้สึกในใจหรือเรื่องอะไร เราบอกคุณแม่ยังไง?
ยุ้ย : ไม่บอกค่ะ คือไม่เอาเรื่องไม่สบายใจไปให้คุณแม่เลย ไปถึงก็ยิ้มกอดหอม มีแต่พลังบวก คือยุ้ยเป็นคนเก็บแล้วอยู่คนเดียว ไม่ได้ร้องไห้บ่อยด้วย แต่บังเอิญวันนั้นรู้สึกว่ามันเหนื่อยมากแล้วลูกก็เห็น คือจะไม่ค่อยร้องไห้ให้ใครเห็น น้อยมากจริงๆ

ถ้าหนูโตขึ้นมาจะดูแลแม่ยังไง?
พริมมี่ : หนูจะดูแลคุณแม่เหมือนที่แม่ดูแลหนู

วันนึงถ้าคุณแม่หายดีแล้วออกมาดูรายการย้อนหลัง อยากจะบอกอะไรแม่ทุม?
ยุ้ย : มันยากมากเลย คือมันเยอะมาก อยากให้แม่กลับบ้าน อยากให้แม่คุยกับเราเหมือนเดิม มันไม่มีใครแล้วที่เราพูดอะไรไปแล้วพร้อมจะให้คำปรึกษาได้โดยไม่ต้องมาแคร์ความรู้สึกเรา ให้คำปรึกษาที่มันใช่เลย โดยที่บางคนจะแคร์ความรู้สึก เราจะไม่พูดตรงๆ

ก่อนหน้านี้ยุ้ยค่อนข้างเป็นคนโรแมนติก แต่พอแต่งงานมีลูกแล้ว มุมนั้นหายไปเลยเหรอ?
ยุ้ย : หายไปเลย หายไปเยอะมาก แทบจะไม่มีเลย แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะแต่งงานนะ เป็นเพราะโด่ง (หัวเราะ) เค้าเป็นคนที่เป็นผู้ชายจริงๆ เค้าไม่โรแมนติกเลยจนเราซึมซับ เราก็เริ่มคุ้นชินกับนิสัยนั้น ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว

พี่โด่งมีหน้าที่เยอะมาก ทั้งดูแลลูก ดูแลแม่ตัวเอง แต่ก็ยังมีเรื่องให้ทะเลาะกันทุกวัน?
ยุ้ย : จริงๆ ไม่ได้ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวหรอก เถียงกันมากกว่า หลักๆ เป็นเรื่องลูก บางที่ความคิดเห็นเรื่องลูกอาจจะไม่ตรงกัน จริงๆ ยุ้ยกับโด่งนิสัยต่างกันมาก คนละขั้วเลย จูนกันตั้งแต่เริ่มคบกันจนถึงวันนี้จะ 30 ปีแล้วก็ยังต้องจูนกันอยู่

เติมความหวานให้กันบ่อยมั้ยในครอบครัว?
ยุ้ย : ถ้าว่างก็ไปเที่ยวทั้งครอบครัว คุณพ่อด้วย

คุณย่า (คุณแม่พี่โด่ง) ก็ป่วยเหมือนกัน?
ยุ้ย : เป็นหลายโรค หลักๆ ที่ต้องทำเป็นประจำคือฟอกไต ซึ่งเค้าก็จะค่อนข้างหนักไปส่งลูกที่โรงเรียน ก็ต้องไปรับแม่ไปฟอกไต แล้วก็ไปรับลูกที่โรงเรียน แล้วก็ไปรับคุณแม่จากโรงพยาบาล

อยากให้กำลังใจคนที่เจอปัญหาเหมือนกับเรา?
ยุ้ย : อย่างที่บอกมันค่อนข้างยากที่เราจะบาลานซ์ทุกอย่าง ในขณะที่เราต้องสร้างความสุขด้วย แต่เราก็เครียด แต่สิ่งที่จะช่วยเราได้จริงๆ ก็คือพยายามอยู่ในจุดที่ทำให้เรามีความสุข อะไรก็ตามหรือใครก็ตามที่เราไปอยู่กับเค้า หรือไปอยู่ตรงที่นั้นแล้วเรายิ่งทุกข์ ยิ่งลบ พยายามอย่าไปอยู่ตรงนั้น พยายามอยู่กับคนที่ทำให้เรายิ้มได้ บางทีทำให้เราลืมเรื่องทุกข์ๆ ไปได้ ตอนนี้ยุ้ยโชคดีที่มีน้องพริม (ชมคลิป คลิกที่นี่)

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อ่านเพิ่มเติม…

ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง
ขอขอบคุณ : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง