ย้อนปมปัญหาชีวิตคู่ เป็กกี้-ฐากูร เคยน้ำตาร่วงเปิดใจ ถึงสาเหตุทะเลาะหนักก่อนเลิก


ให้คะแนน


แชร์

ออกมาประกาศปิดฉากรักเป็นที่เรียบร้อย เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (28 ธันวาคม 2566) สำหรับพิธีกรสาวอารมณ์ดี เป็กกี้ ศรีธัญญา ที่ขอจบสัมพันธ์กับสามีรุ่นน้องอย่าง ฐากูร โดยที่ทั้งคู่ได้ตกลงตัดสินใจเลิกกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว 

ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยออกมาเปิดใจเล่าถึงชีวิตคู่ของตัวเอง ก่อนจะยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ชีวิตคู่มีปัญหา เพราะสามีติดจักรยานมากจนทำให้ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งวันนี้เราจะพาไปย้อนบทสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวดังกล่าว โดย เป็กกี้ และ ฐากูร ได้เปิดใจเล่าให้ฟังในรายการคุยแซ่บโชว์ว่า  

เป็กกี้กับฐาเคยทะเลาะกันหนักหน่วงมาก?

เป็กกี้ : ทะเลาะกันทุกไตรมาส ไตรมาสหนึ่งคือ 5 ปี ตอนนั้นเป็น 5 ปีแรก ทะเลาะกันเพราะการทำงานและความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน บางทีเราอยากให้การทำงานออกมาเป๊ะ แล้วเอาความกดดันไปทิ้งไว้ที่เขา เขาก็รู้สึกว่ามันขนาดนี้เลยเหรอ แล้วมีวันหนึ่งเขาก็พูดมาว่า ถ้าไม่ทำงานแล้วอยู่เฉยๆ ยังจะรักอยู่มั้ย ก็เลยมีปัญหากัน
เราก็เลยบอกว่า ถ้าเธอไม่ทำงาน ชีวิตเธอจะมีคุณค่าอะไร ก็เลยทะเลาะกัน เขาก็ออกไปไหนสักที่ เราก็รอ ระหว่างที่รอก็รู้สึกว่า เอาละ มันจะต้องเคลียร์กัน พอกลับมาก็ทะเลาะกัน เขาก็พูดขึ้นมาว่าไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้ว ทุบของในบ้านทั้งหมดหลายอย่าง เขาสติแตก

ฐากูร : จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ แต่จำได้แค่ว่าเคยทะเลาะกันใหญ่ๆ ที่บ้านนี้ครั้งหนึ่ง ด้วยทัศนคติที่เขาคิดว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดในชีวิต แต่ผมมองว่าการใช้ชีวิตจริงๆ ความสุขมันสำคัญกว่า เงินมันสามารถซื้อของที่ทำให้มีความสุขได้ก็จริง แต่สุดท้ายแล้วร่างกายเราไม่ดี สุขภาพไม่ดี เราก็จะเป็นโรค เงินก็เอามาใช้อะไรไม่ได้

พออาละวาดเสร็จ มันจบยังไง?

เป็กกี้ : ก็จบด้วยการแยกกันสักพักหนึ่ง ค่อยๆ คุยกันด้วยความซอฟต์ลง
ฐากูร : จบลงที่ว่าก็เคลียร์ ก็มุ่งหน้าทำงานให้ดีให้มากขึ้น

ปัญหาล่าสุดที่เป็กกี้งอนหนักมาก?

เป็กกี้ : อันนี้เรียกว่า มันเป็นสงครามเย็นที่มันเกิดขึ้น ตั้งแต่คบกันมา 10 ปี ฐาทำงานกับเป็กมาตลอด เขาก็ตั้งใจทำหน้าที่ของเขามาอย่างดี แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เราแต่งงานแล้ว บ้านสร้างเสร็จแล้ว มีความรู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวแล้วมั้ง เขาก็เลยไปค้นพบงานอดิเรกอย่างหนึ่ง

ฐากูร : คือการปั่นจักรยาน คือช่วงโควิดก็ทำหลายอย่าง ก็ไปเจอกิจกรรมปั่นจักรยาน รู้สึกชอบ ทำแล้วมีความสุข ตอนแรกไปปั่นจักรยานด้วยกัน แต่ด้วยแดด เขาคงไม่ชอบ

เป็กกี้ : ตอนแรกก็ไปทำด้วยกัน เพราะคิดว่าชีวิตคู่เรามีกันอยู่ 2 คน เราต้องไปทำด้วยกัน อย่างน้อยก็เป็นกิจกรรมคู่ ก็พยายามนะ ไม่ชอบหรอก แต่ก็ยินดีที่จะไป พอไปเขาก็รู้สึกว่าการปั่นตรงนี้ไม่เพียงพอ อยากลงถนน ชวนไปปั่นที่พัทยา แดดไม่แรง ออก 8 โมง ถึง 11 โมง แล้วระหว่างปั่นขึ้นเนิน แล้วรองเท้ามันติดอยู่ที่ที่ปั่น ก็ร้องให้เขาช่วย 2 รอบแรกเขาก็ช่วย แต่พอรอบต่อไป เราเห็นสีหน้าเขา รู้สึกว่าเขาอยากจะสนุกของเขา แล้วเราเป็นภาระ ไม่รู้จริงมั้ยนะ แต่ในสายตา รู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางของเรา พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ เป็กก็ขายจักรยานทิ้งเลย

เพราะการชอบปั่นจักรยานของฐากูร ทำให้มีปัญหากับชีวิตคู่?

เป็กกี้ : มันมีมาเรื่อยๆ มันค่อยๆ มา มีวันหนึ่งตื่นมาตี 3 จะเข้าห้องน้ำ แล้วไม่เห็นเขา ตกใจมาก นอนหลับๆ ตื่นๆ พอตื่นมาก็เห็นว่าเขาโพสต์ว่า ปั่นจักรยานเขาใหญ่มันสนุกและคุ้มค่ากับการมามากๆ เลยครับ เราก็คิดว่าเขาไปไหน ทำไมไม่บอก แต่มั่นใจว่าเขาไปปั่นจักรยาน มั่นใจในตัวฐาว่าเขาไม่นอกลู่นอกทาง แต่เรื่องปั่นจักรยานก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องผู้หญิงก็คงบ้าไปเลย

ฐากูร : บางทีบอกแต่เขาทำงานก็อาจจะลืม มันคือกีฬาที่ผมชอบ ก่อนหน้านี้ผมไม่มีเวลาทำอะไรเลยนอกจากทำงาน ทำบ้าน และตอนนี้ถึงช่วงที่ผมอยากจะทำอะไรที่ผมชอบจริงๆ วันที่เขาบอกว่า ให้รถกองมารับ คือมันมีงานด่วนเข้ามา จะรับมั้ย อาจจะต้องไปรถคันอื่น

เป็กกี้ : มันเป็นช่วงเวลาช็อกใจ อยู่ดีๆ ก็ปุ๊บปั๊บ เขาบอกว่าจะมีรถกองมารับ รู้สึกว่า อ้าว ทำไมไม่ปรึกษากันก่อน ถามว่าไปรถกองได้มั้ย หรือเอารถเราไปเอง เขาไม่ได้พูด เขาบอกว่าให้เราไปรถกอง

คือปกติเวลาจะไปไหน ฐากูรจะเป็นคนขับรถพาภรรยาไป?

เป็กกี้ : รู้สึกแย่ รู้สึกเศร้ามาก ว่าทำไมเขาไม่ปรึกษาแล้วเลือกจักรยาน ไม่เลือกเรา เราไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวนะ (เสียงสั่น) วันที่เห็นเขาไปปั่นจักรยานที่เขาใหญ่ รู้สึกแย่ แต่ก็เงียบ ไม่ได้ชวนทะเลาะ พยายามทำความเข้าใจอยู่ แต่ดวงจิตแตกคือวันที่มีรถกองมารับ ตอนนี้ก็พยายามหาตรงกลางระหว่างกันและกัน ใจเป็กไม่อยากจะห้ามฐานะ เห็นเขามีความสุขเราก็ยินดีนะ แต่บาลานซ์หน่อย อย่าทำให้เรารู้สึกแย่ เหมือนทอดทิ้งกัน เราทำงานหาเงินมาใช้ด้วยกันนะ อย่าทำเหมือนกับว่าทิ้งเราไปเลย แล้วเลือกทางนั้นไปเลย มันรู้สึกอย่างนั้น เราเจริญมาด้วยกัน

เห็นน้ำตาเขาแล้วรู้สึกอย่างไร?

ฐากูร : ก็จริงๆ แล้วมันก็มีแค่ครั้งเดียว เราวางแพลนไว้แล้ว ผมก็ถามเขาว่าจะรับงานมั้ย ก็ถามก่อน คือเราไม่ค่อยคุยค่อยเคลียร์กัน ใช้วิธีเงียบ

ฐาก็มีเรื่องน้อยใจเป็กเหมือนกัน?

ฐากูร : เราคอยซัพพอร์ตเขามาตลอดตั้งแต่เริ่มต้น จนวันหนึ่งชีวิตเรามันมีความสุขมากแล้วจนเริ่มรู้สึกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่พอจะมีแล้วเราก็มีความสุขกับมัน มันเป็นสิ่งที่ผมอยากเป็นแบบนั้น

ทะเลาะกันเป็นเดือนเลยที่ไม่คุยกัน ยังมีอะไรคาใจอยู่มั้ย?

เป็กกี้ : ไม่รู้จะเริ่มต้นที่อะไร เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูก เขาก็อยากไปทำในสิ่งที่เขารัก เป็กก็อยากทำงาน เป็กแค่กังวลเรื่องงาน ว่าจะไม่มีงาน กลัวว่าเขาจะไม่รับโทรศัพท์แล้วรับงานให้เป็ก อาจจะเป็นปมของเป็ก เพราะเคยไม่มีเงิน

ฐากูร : ตอนที่ไม่คุยกัน 1 เดือน แต่ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมอึดอัดนะ เศร้า แต่ว่ามันก็ต้องทำในสิ่งที่เราต้องทำ ทำหน้าที่ของตัวเองในส่วนของตัวเอง แต่เราไม่คุยกัน

เป็กกี้ : คุยเท่าที่จำเป็น คุยกันนะแต่ไม่ปกติ อยากให้มันดีกว่าเดิมนะ สุดท้ายก็อยากให้เขามีความสุขในพื้นที่ของเขา มีความสุขกับกิจกรรมที่เขาจะทำ ตัวเป็กก็ต้องหาความสุขในวันที่ไม่มีเขาให้ตัวเองโอเค มันถึงจะโอเค

พอมีปัญหากัน คิดจะเลิกกันมั้ย?

เป็กกี้ : เป็กไม่มีนะ แต่แค่รู้สึกเหนื่อย

ฐากูร : ไม่มีครับ ไม่เคยคิดจะเลิกเลย แต่ว่าคุยกันยังไม่ค่อยลงตัวในเรื่องนี้

เป็กกี้ : เมื่อก่อนเราจะมีกิจกรรมที่ทำด้วยกันในวันหยุด แต่พอเขามีกิจกรรมที่ชอบ พอวันหยุดเขาก็จะหายไปเลย ทุกวันหยุดทุกรอบเลย แต่เขาก็จะมีถามว่าจะทำอะไรมั้ย คือเข้าใจ เมื่อก่อนวันหยุดเราทำกิจกรรมด้วยกัน แต่พอเขาไปทำกิจกรรมที่เขาชอบ ความรู้สึกเราก็เกิดช่องโหว่

ฐากูร : ผมก็พยายามให้จบในช่วงเช้า แล้วก็กลับมาบ้าน

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2751219
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2751219