“วิน-เมธวิน” ใจฟู!แฟนๆชมได้พิสูจน์ฝีมือบท “กาย” หนุ่มนิ่งสุดคูล


ให้คะแนน


แชร์

ได้พิสูจน์ฝีมือทางการแสดงอีกครั้ง หลังพระเอกหนุ่มสุดฮอต “วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” รับบท “กาย” หนุ่มแสนดีที่แสนเย็นชาในซีรีส์รักโรแมนติกท็อปฟอร์มแห่งปี “Beauty Newbie หัวใจไม่มีปลอม จาก “GMMTV” ประกบคู่ครั้งแรกกับนางเอกสาวสวยฝีมือระดับท็อป “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” กำลังเข้มข้นออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง GMM25 และรับชมย้อนหลังเวลา 22.30 น. ทาง Viu กลายเป็นเคมีใหม่โดนใจ และยังเป็นบทบาทที่ท้าทายฝีมือหนุ่มวินสุดๆ ได้รับกระแสตอบรับดี แฟนๆพูดถึงการแสดงที่ละเอียดซับซ้อนขึ้นของ “วิน” รวมทั้งล่าสุดเพิ่งบินไปรับรางวัล “AFA Rising Star Award” บนเวทีสุดยิ่งใหญ่ “17th Asian Film Awards Ceremony” ที่ฮ่องกง โดยเป็นนักแสดงคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ทำเอาเจ้าตัวปลื้มสุดๆ

บทบาทของ “กาย” ในซีรีส์เรื่องนี้?

“เป็นบทบาทที่ท้าทายมากครับเพราะเค้าเป็นคนที่เย็นชาสุดๆจนกระทั่งได้มาเจอกับ “หลิว” นางเอก รับบทโดยพี่ใบเฟิร์น ก็สัมผัสได้ถึงจิตใจที่ดีงามของเธอ มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก จึงทำให้เค้าเลือกที่จะเคียงข้างคอยช่วยเหลือปกป้องเธออยู่เสมอ ด้วยความที่คาแรกเตอร์เป็นคนที่เย็นชา ไม่แสดงความรู้สึกให้คนอื่นรับรู้ ต้องใช้การสื่อสารอารมณ์ที่ต้องมีความธรรมชาติสุดๆ”

คนชื่นชมวินถึงความละเอียดทางการแสดงและอารมณ์ที่สื่อออกมา?

“ก็ขอบคุณครับ จริงๆตอนเวิร์กช็อปก็หากันอยู่นานมาก ด้วยความที่เราเคยเล่นแบบที่เราร่าเริงออกมาให้ทุกคนเห็น แต่กายเป็นตัวละครที่นิ่ง คูล ตึงอยู่มันก็ค่อนข้างยาก เพราะถ้าเกิดเราเล่นแบบไม่มีมิติมันก็จะดูเฉยๆนิ่งๆ มันต้องเล่นแบบนิ่งแต่ข้างในมันมีอะไรบางอย่างอยู่ เรื่องนี้เรามีโอกาสได้เวิร์กช็อปค่อนข้างเยอะ ทั้งที่เวิร์กช็อปกับพี่ใบเฟิร์นและเวิร์กช็อปเดี่ยว ก็ทำการบ้านเยอะเพราะเป็นคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่วินเคยเล่นมา ก่อนหน้านี้จะเป็นแนวน่ารัก สดใส ยกเว้น Enigma แต่อันนี้จะอยู่บนโลกความจริงมากขึ้น เป็นผู้ชายที่พูดน้อย แสดงออกไม่เป็นแต่ว่าข้างในมีเป็นล้านแปด ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้”

มีส่วนไหนตรงกับเราบ้าง?

“ผมว่าความคิดเยอะที่เหมือนกันแต่ตัวผมสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีกว่า ความเยอะของกายหมายถึงความรอบคอบของเค้ามากกว่า กลายเป็นคนฉลาดไม่ได้เป็นคนคิดฟุ้งซ่าน แต่สิ่งที่เค้าคิด เค้าอยากถ่ายทอดให้คนเชื่อให้ได้แต่ไม่รู้จะพูดยังไง”

ยากสุดในตัวละครกายคือตรงไหน?

“ยากสุดคือเค้าเป็นคนที่ข้างในพร้อมจะกระโจนออกไปแต่ข้างนอกเค้าแสดงออกมาอย่างนิ่ง สงบ ทั้งที่ข้างในเค้ามีความเป็นเด็ก มีความสนุก แต่เค้าไม่รู้จะจัดการตัวเองและความรู้สึกตรงนั้นออกมาให้เห็นยังไง”

ในเรื่องเวลากายพูดแต่ละทีคำพูดก็เชือดเฉือน ปากดี?

“ด้วยความที่เค้าไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้คนเข้าใจหรือว่าจะคอมโพรไมซ์คนยังไง เพราะฉะนั้นเวลาเค้าจะสื่อสารอะไรเค้าพุ่งเลย ไม่มีกลั่นกรองหรือชั้นเชิงในการพูดเท่าไหร่ พอเดินเรื่องมาเรื่อยๆผมว่าคนจะเข้าใจเค้ามากขึ้น แรกๆอาจจะมองว่าคนนี้ทำไมพูดตรงอย่างนี้ พูดแรงอย่างนี้ ปมเค้ามันเกิดจากอะไรมันจะค่อยๆเฉลย และจะรู้ถึงเจตนาของกายมากขึ้น”

เวลาคนดูมองเห็นในสิ่งที่เราสื่อสารมันปลดล็อกในตัวเรามั้ย?

“ก็ดีใจครับ เพราะมันเป็นโปรเจกต์ที่ใช้ระยะเวลานานในการถ่ายทำนานมาก การที่จะแมตช์คิวเราสองคนทั้งผมและพี่ใบเฟิร์นก็ค่อนข้างยากสำหรับกองนี้ ก็หายเหนื่อยที่ทุกคนชื่นชม คนชื่นชอบก็ดีใจ มันก็จะมีช่วงที่เราไปทัวร์แฟนมีต บินไปทำงานกลับมามีอีเวนต์ไปนู่นมานี่ พอกลับมาแสดงละครเป็นอะไรที่ต้องใช้สมาธิมากๆ ต้องเตรียมตัวดีมากๆ บางทีพอเราไม่ได้ถ่ายต่อๆกัน เราจะลืมดีเทลเล็กๆน้อยๆไปบ้าง เราก็ต้องรีบกลับมาจูนตัวเองกลับมา ก็ต้องเตรียมตัวกับซีน บวกกับมีพี่ใบเฟิร์นช่วยด้วย คือเค้าเสถียรมาก ไม่ว่าจะกลับมากี่ครั้งเค้าก็ยังเป็นหลิวคนเดิมได้อยู่ตลอด มันก็เลยทำให้เรายิ่งจูนง่ายและกลับไปเร็วง่ายขึ้น”

ร่วมงานกับใบเฟิร์นเป็นอย่างไรบ้าง มุมที่เรามีภาพใบเฟิร์นในหัวกับตัวจริงต่างกันมั้ย?

“คิดว่าเค้าเป็นคนเสียงดัง น่าจะสนุกดี พอมาเจอก็สนุก จริงๆ เค้าเป็นคนมีความตั้งใจ มืออาชีพสูงมากๆ หลังกล้องเฮฮาขนาดไหน เข้าซีนปุ๊บเป๊ะมาก การทำงานครั้งแรกร่วมกันแฮปปี้มาก”

มีติดความเป็นตัวละครกายติดตัวเรามาบ้างมั้ย?

“ผมว่าน่าจะเป็นจังหวะของกาย กายมีจังหวะแบบค่อยๆหัน ก็ติดมาบ้างเวลาไปงาน อยากทำเท่ๆ อยากเป๊ะทุกช็อต ผมเอากายมาใช้ในเรื่องมูฟเมนต์ ซึ่งเราต้องเวิร์กช็อปเพื่อเป็นกาย ผมเลยแอบหยิบวิธีการขยับร่างกายมาใช้เรื่องความเท่”

แปลว่ากายทำให้วินเท่ขึ้น?

“ใช่ ทำให้เรารู้จังหวะในการหัน ด้วยความที่จริงๆกายไม่ใช่คนขี้เก๊กนะ แต่เค้าแค่เป็นคนนิ่ง ทำให้มูฟเมนต์เค้าออกมาแต่ละอย่างเป็นแบบนั้นเราเลยเอามาใช้ในชีวิตจริงซะหน่อย เรื่องของความคิดกายเป็นคนที่เข้าใจคนมากๆและมองคนจากข้างในจริงๆ ทำให้เรามองเห็นโลกกว้างขึ้นว่ามันไม่ใช่การตัดสินคนแค่ภายนอกอย่างเดียวด้วย”

ยากมั้ยกับความเป็นวิน-เมธวิน แล้วต้องพิสูจน์ฝีมือการแสดง กว่าจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้นวันนี้?

“ก็ดีใจครับ เป็นแรงที่ทำให้เรามีกำลังใจที่อยากทำอะไรต่อไปเพราะก่อนหน้านี้อะไรที่เข้ามามันเกิดขึ้นเร็วมากๆ ชื่อเสียงกับประสบการณ์ในวงการมันแตกต่างกันมากเหลือเกิน เรารู้โจทย์นี้ตั้งแต่แรก สิ่งที่เราต้องทำคือเราต้องรีบพัฒนาตัวเองในทุกๆด้านจริงๆเพื่อให้ดีกับสิ่งที่ทุกคนชื่นชอบเรา”

ยากมั้ยสำหรับการที่ต้องพัฒนาตัวเองในวันที่เราแทบไม่มีเวลา?

“เราก็ต้องทำให้ได้ ด้วยจำนวนงานที่มันมากขึ้น อันนั้นก็คือสิ่งที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองเหมือนกัน เราไปลุยเลย เราไปเจอเลย มันก็ยิ่งทำให้เราเก่งเราแกร่งขึ้น คิดเร็วขึ้น ตัดสินใจเร็วขึ้น”

มีตั้งมาตรฐานไว้มั้ยกับการแสดงแต่ละเรื่อง?

“ไม่ได้วางขนาดนั้นแค่รู้สึกว่าทุกโปรเจกต์ที่เข้ามาเราพยายามจะตั้งใจกับมันให้ดีที่สุด พัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด อย่างซีรีส์ที่จบแล้วเราก็พยายามดูตัวเอง วันที่ถ่ายเราอาจจะรู้สึกอินแต่พอเรากลับมานั่งดูเราอาจจะรู้สึกอีกแบบนึงและเราจะรู้จุดที่เราน่าจะปรับปรุงต่อไปได้ ทุกๆผลงานเราก็จะคอยมานั่งดูฟีดแบ็ก ดูตัวเองเพื่อปรับปรุง”

ล่าสุดเพิ่งบินไปรับรางวัล “AFA Rising Star Award” ที่ฮ่องกงมา?

“ตื่นเต้นและดีใจมากครับที่ได้รับรางวัล “AFA Rising Star Award” มันเป็นกำลังใจที่ดีในการทำงานมากๆเลยครับ เพราะทุกชิ้นงานที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นด้านงานแสดงหรืองานเพลง ผมก็ตั้งใจทำงานทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด เพราะเหมือนสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งตอบแทนให้กับแฟนๆทำให้พวกเค้ามีความสุขที่คอยสนับสนุนผมตลอดมาครับ”

ชื่อเสียงและงานที่เข้ามาอย่างรวดเร็วมีช่วงที่ตั้งรับไม่ทันที่จะฝึกฝนตัวเองแล้วต้องโดดไปทำมั้ย?

“หูย ช่วงแรกๆนี่ก็หลายอย่างมาก ตั้งแต่ซีรีส์คั่นกู เรากลับไปนั่งดูคือเราเล่นอะไรไปวะ (ยิ้ม) มันเลยทำให้เราต้องรีบถีบตัวเอง รีบพัฒนาตัวเองจริงๆ ไม่ใช่แค่รองานเข้ามาแล้วก็ไปทำ ฝึกฝนเรียนเพิ่ม ช่วงแรกๆมี เรารู้สึกว่าทำไมเรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเลย ทุกครั้งที่เราไปร่วมงานข้างนอก ไปอีเวนต์คนเดียวจะรู้สึกว่าเราไม่พร้อม เราไม่กล้า เรายังขาดๆอยู่ เลย แต่ ณ ตอนนั้นก็ตัดสินใจทำไปก่อนแล้วมันก็ค่อยๆจูนปรับมาเรื่อยๆบวกกับประสบการณ์มันก็ทำให้เราแกร่งขึ้น เข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าวันนั้นเราตัดสินใจว่าเราไม่เอา ไม่ทำ เราก็จะไม่มีวันได้พัฒนาตัวเอง”

ถ้าย้อนกลับไปได้ก็ยังเลือกทำ?

“ใช่ครับ เพราะสุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้ทำอีกรึเปล่า สู้เราทำให้เต็มที่ที่สุด ณ ตอนนั้นที่เราทำได้ดีกว่า” มีช่วงที่รู้สึกว่าหนักเกินไป? “มันก็มีนะ ช่วงที่เรารู้สึกว่าเหนื่อยจังเลย หนักมากๆเลย แต่มันก็ไม่ได้ขนาดไม่อยากทำแล้ว แค่รู้ตัวว่าเราเหนื่อย เราก็อยู่กับเพื่อนๆ บ้าง ออกไปข้างนอกบ้างให้มันหลุดจากงานตรงนี้ ก็หาวิธีบาลานซ์”

วิธีการพักผ่อนของเราคืออะไร?

“ก็อยู่ในห้อง ซื้อของ ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด (ยิ้ม) บางทีผมรู้สึกว่าการซื้อของอะไรที่มันใหญ่ๆมันทำให้เรารู้สึกว่ามันคืออีกขั้นนึงที่เราประสบความสำเร็จ หายเหนื่อย ให้รางวัลตัวเอง มันก็มีแรงที่จะไปทำงานต่ออย่างเต็มที่”

ซื้อรถไปกี่คันแล้ว?

“ช่วงนี้ไม่ได้ซื้อแล้วครับ ช่วงนี้เปลี่ยนมาซื้อที่ดินแทน”

เป็นเศรษฐีที่ดินซื้อแถวไหน?

“ในกรุงเทพฯนี่ละครับ ด้วยความที่รถเราไม่ได้ขับเลย เรานั่งอย่างเดียว และรู้สึกว่ามันก็สบายดีนะไม่เปลืองเงินด้วยและไม่ต้องเปลี่ยนรถบ่อยๆ และอยากหาอะไรที่เป็นทรัพย์สินได้ด้วยและมีมูลค่าเพิ่มด้วย”

ทำไมถึงหันมาซื้อที่ดิน?

“เราอยากมองหาสินทรัพย์ที่สามารถสานต่อได้ และใช้ทำงานได้ด้วย เผื่อเรามีแพลนทำอะไรต่างๆในอนาคต” เล็งหาที่ดินยังไง? “เราก็ดูทำเลที่เราชอบ คิดว่าเป็นทำเลที่สานต่อได้”

วิน-เมธวิน วันแรกตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วกับวันนี้โตขึ้นแค่ไหน?

“รู้สึกโตขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เราได้การพัฒนาตัวเองจริงๆ มีเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น มีอนาคตที่เราต้องคิดถึงมันมากขึ้น ต่างจากสมัยเรียนที่เรียนให้ผ่านไป”

ปีที่แล้ว ไบร์ท-วชิรวิชญ์ คู่จิ้นเรา เลือกเส้นทางเปิดบริษัทเอง มันทำให้เราต้องแกร่งขึ้นด้วยมั้ย?

“ผมว่าเราก็เรียนรู้มาด้วยกันตั้งแต่แรก เพราะจริงๆเราก็ถือว่าเราเติบโตมาด้วยกัน ทำงานคู่กันมาตลอด จนถึงวันนึงที่ต่างคนต่างมีพาร์ตของตัวเองที่จะรับผิดชอบ ผมว่ามันก็ทำให้เราทั้งสองคนแกร่งขึ้นมาเรื่อยๆด้วย และพัฒนาตัวเองต่อไปทั้งคู่เรื่อยๆด้วย ก็มีอะไรที่เราทั้งสองคนต้องไปเจอกันเองอีกมากมาย”

ยังได้ปรึกษาหารือในงานต่างๆมั้ย?

“ช่วงนี้ได้เจอกันน้อยเพราะด้วยความที่เค้าบินตลอด และเรามีซ้อมคอนเสิร์ตด้วย บินด้วย แต่ก็มีนัดกันไปกินข้าวแต่ยังหาคิวที่ลงตัวได้ยากเพราะต่างคนต่างทำงานเยอะ”

4 ปีที่ผ่านมาคุ้มค่ามั้ย?

“คุ้มครับ มันอาจจะหนักก็จริงแต่มันก็ทำให้เราเรียนรู้และเติบโตได้ไวกว่าหลายคนที่อาจจะไม่เจออะไรที่หนักเท่านี้ วันข้างหน้าที่เราจะไปเจออะไรมันก็ทำให้เราผ่านไปได้ง่ายขึ้น”

เคยบอกว่ามองอนาคตตัวเอง มีวันที่อยากไปทำอย่างอื่น?

“เราเป็นคนชอบทำธุรกิจอยู่แล้ว ชอบทำอะไรที่สามารถสานต่อหรือสานต่อให้กับรุ่นลูกๆของเราต่อไปได้จริงๆ คือเราไม่ได้จะทิ้งตรงนี้นะ อยากทำไปทุกอย่างทั้งพาร์ตตรงนี้และพาร์ตธุรกิจ ตรงนี้มันก็คงมีระยะเวลาของมัน วันหนึ่งเราว่างขึ้นอาจจะมีเวลาไปทางธุรกิจมากขึ้น แต่ ณ ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องทำทั้งสองพาร์ต”

แล้วมองอนาคตตัวเองยังไงเรื่องมีครอบครัว?

“ใช่ๆ มีครอบครัว เนี่ยดูโรงเรียนลูกไว้แล้ว ดูค่าเทอม เตรียมเงินไว้แล้ว (ยิ้ม)”

มีหมดแล้วขาดอย่างเดียวคือ..?

“ก็คือคู่ครอง (หัวเราะ) คือผมเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นมากจริงๆนะ เลยให้คุณค่ากับคำว่าครอบครัวมากๆ พอยิ่งโตก็ยิ่งรู้สึก และความคิดนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย ก็ยังอยากมีครอบครัว อยากมีลูก มีลูกให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงหลาน”

อยากสร้างครอบครัวให้ดี?

“ใช่ครับ วางแพลนอย่างดี”

คู่ครอง คู่ชีวิตที่จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับวินต้องเป็นคนแบบไหน?

“เป็นคนที่เข้าใจ คนที่อยู่ร่วมทั้งทุกข์ทั้งสุขกับเราได้จริงๆ ไม่ได้แค่อยากมาอยู่กับเราเพราะมีแต่ความสุข ชีวิตคนเรามันมีทั้งสุขและเศร้า เราอยากเจอคนที่อยู่กับเราได้ทุกช่วงชีวิตของเราจริงๆ”.

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/novel/news/2772513
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/novel/news/2772513