‘ออกัส วชิรวิชญ์’ เผย ‘กันสมาย’ ทักให้มากราบเท้าขอโทษก่อนปล่อยแฉ
เป็นการออกมาเปิดใจครั้งแรกของ “ออกัส วชิรวิชญ์” หลังถูก “กันสมาย” ปล่อยแชทแฉว่าเป็นผู้ชายที่พูดถึงผู้หญิงลับหลังไม่ดี ซึ่งออกัสได้ใช้โอกาสนี้ออกมาพูด
“กัสขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการอธิบาย ชี้แจง เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเลยนอกจากออกมาขอโทษ ไม่ได้พูดในด้านของเราบ้าง”
รู้สึกยังไงที่เห็นโพสต์นั้น?
“ก็ตกใจครับ ผมคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า เรื่องที่เข้าใจผิดมันน่าจะเกิดมาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ที่ผมไปเที่ยวสงกรานต์กับเพื่อน 3 คน เป็นงานสงกรานต์เฟสติวัล ผมไปกับเพื่อนผู้ชายหมดเลย ผมก็อยู่ที่โต๊ะกันเฉยๆ นี่แหละครับ แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งทางเพื่อนผมก็ได้อนุญาต เพราะเขารู้จักกันมาก่อน แล้วก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนคนล่าสุดของคนที่โพสต์ ซึ่งพอผมได้ยินก็กลัวนิดนึง ค่อนข้างระวังตัวมาก เพราะผมเคยมีประเด็นกับคนที่โพสต์มาก่อน วันนั้นก็ไม่มีอะไร น้องเขาก็อยู่ที่โต๊ะไม่นาน ก็ขอตัวกลับไป ผมก็อยู่จนงานเลิก แยกย้ายกันปกติ
จนวันที่ 16 เมษายน คนที่โพสต์เขาก็ทักไลน์ส่วนตัวมาหาผม ยื่นข้อเสนอให้ผม 2 อย่าง คือ 1.ให้ไปกราบเท้าขอโทษ 2.จะแฉผม ซึ่งผมก็พยายามอธิบายทุกอย่างแล้วแต่เขาไม่ฟัง แล้วผมก็ให้เพื่อนสนิทผม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเขาด้วยที่อยู่ในเหตุการณ์วันสงกรานต์ช่วยยืนยันว่าไม่มีอะไร แต่ก็ไม่เป็นผล หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โพสต์ลงสตอรี่ พอผมเห็นก็โทรตรงไปหาเขาเลย พยายามจะอธิบาย แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาก็คือ คำขู่จากเพื่อนของเขา แล้วสุดท้ายก็ให้ไปกราบเท้าเช่นเดิม หลังจากนั้นเขาก็วางสายไป ผมก็ไม่ได้ตอบว่าจะไปหรือไม่ไป ผมไม่มั่นใจว่าการที่ผมไปแล้ว มันจะมีอะไรกระทบกับตัวผมไหม ไม่รู้ว่าผมจะเป็นนยังไงบ้างถ้าผมไป”
สิ่งที่เขาทักมาข้อความก่อนหน้านั้นคืออะไร?
“ไม่มีครับ (ส่งมาว่าให้ขอโทษ?) ใช่ครับ ส่งมาเขามีตัวเลือกให้ 2 อย่างแค่นั้นเอง”
สิ่งที่เขาเข้าใจก่อนหน้าส่งข้อความมาคืออะไร?
“ผมคิดว่าเขาก็น่าจะเข้าใจผิดในวันที่ 15 เมษายน (คิดว่าเรามีความรู้จักพิเศษกับผู้หญิง?) ไม่รู้จักครับ เพิ่งเคยเจอ ซึ่งทางเพื่อนผมยังบอกเลยว่าเป็นแฟนคนล่าสุดของคนนั้น ผมก็ยืนยันกับเขาแล้วให้เพื่อนสนิททั้งผมและเขาที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยยืนยัน ก็ไม่ฟัง”
เงื่อนไขที่บอกว่าจะแฉ เขาบอกก่อนไหมว่าเราต้องทำอะไรก่อน?
“ไม่ได้บอกครับ เขาบอกว่าให้เวลาถึงพรุ่งนี้ ซึ่งแต่มันยังไม่ถึงครับ แล้วก็ไม่ถึงชั่วโมงเขาก็โพสต์สตอรี่เลย (รู้ไหมจะแฉอะไร?) ไม่ทราบครับว่าจะแฉเรื่องอะไร เพราะเรื่องก่อนหน้านี้มันก็นานแล้ว 3-4 ปีแล้ว และคิดว่าการตัดเพื่อนของเขาไม่มีอะไรแล้ว เราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่ผมยังมองเขาเป็นเพื่อนอยู่นะ ถึงเขาจะตัดไปก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็ไม่ไปก้าวล่วง ไม่ไปยุ่งกับเขาอีกเลย ผ่านมา 3-4 ปี”
ตอนที่เขาส่งข้อความมา เราคิดไหมว่าเพราะอะไร?
“ตอนแรกผมคิดว่ามีคนอาจจะเห็นแล้วไปบอกเขา แต่ผมก็รู้มาว่าเป็นทางน้อง(ผู้หญิง)ไปบอกเขา แต่ไม่รู้ว่าบอกยังไง”
ลักษณะที่คุยกันในโต๊ะวันเกิดเหตุ มีท่าทีสนิทสนมหรือท่าทีว่าจีบ ทำให้ผู้หญิงเข้าใจผิดไหม?
“ไม่มีเลยครับ เพื่อนที่อยู่ที่โต๊ะกับผมก็ยืนยันได้”
ทำไมเรากังวลตั้งแต่น้องผู้หญิงมาที่โต๊ะ?
“พมผมรู้ก็กังวล เพระว่าทางโน้นเขาเคยมีประเด็นกับผม แล้วผมก็รู้สึกว่าเกินไปหน่อย บางทีเรื่องพวกนี้ผมว่ามันเคลียร์กันได้ถ้าหันหน้ามาคุยกันหรือนัดเจอก็ได้ มีประเด็น 3-4 ปีที่แล้ว ก็ไม่เคยมีอีก ผมก็เลยคิดว่าเป็นครั้งนี้วันที่ 15 เมษายนที่มีปัญหา ที่ผ่านมาไม่คุยกัน ไม่รู้เรื่องในชีวิตเขา ไม่เคยเจอกันเลย ตัดขาดกันไปเลย แล้วผมก็ไม่มีคอนแทคน้องผู้หญิงด้วย ผมเลยมั่นใจว่ามันไม่มีอะไร ถ้าผมไปคุยกับเขา ไปขอไอจี ขอไลน์ ผมก็คงจะรู้สึกว่าผมผิด (เซฟตัวเองพอสมควร?) ใช่ครับ ใช้คำว่าผมกลัวเลยดีกว่า เลยตั้งใจที่จะห่างและเซฟตัวเองมาก เพราะผมไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดอีก”
ตอนที่น้องมาอยู่ที่โต๊ะ มีการคุยกับเขาไหม?
“มีการคุยที่เขาคุยกับเพื่อนผมด้วย แต่โต๊ะมันเล็ก เขาถามว่าคนนั้นไม่มาเหรอ ผมก็ยังถามซ้ำกับเพื่อนผมว่ามาเหรอ ผมอยากเจอด้วยซ้ำ เพราะว่าผ่านมา 3-4 ปีแล้ว เราลืมไปแล้ว ในมุมผมอยากเจอแล้วคุยด้วยซ้ำ (ไม่มีเผลอเลอคุย?) ไม่มีครับ ตอนนั้นไม่มีแก้วครับ วันนั้นผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรแน่นอน เพื่อนที่อยู่ด้วย 2 คน ก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร ผมเชื่อตอนนี้ทางคนโพสต์รู้แล้วว่าไม่มีอะไร เพื่อนผมอธิบายแล้ว ตอนนั้นเขาน่าจะไม่ฟัง ตอนนี้เขาน่าจะมั่นใจแล้วว่าผมไม่ผิดแล้วก็ให้เกียรติจริงๆ”
คิดจะใช้กฎหมายหรือไม่?
ในส่วนของผมคงไม่ไปอะไรกับเขาแล้วครับ เพราะสิ่งเกิดขึ้นมันได้เสียหายไปแล้ว ถึงผมจะไปทำอะไรเขาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น อันนี้ต้องเป็นเรื่องกับทางบริษัทผม เพราะเสียหายเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพรีเซ็นเตอร์ อีเวนต์ ลูกค้าซีรีส์ แฟนมีตติ้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทุกอย่างมีการเลื่อนและยกเลิกด้วย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเสียใจกับทางบริษัทครับ เสียใจกับทางครอบครัวผม เพราะผมก็เป็นผู้ชายคนนึงที่เป็นเสาหลักของครอบครัว”
เรื่องนี้ให้บทเรียนเรายังไงบ้าง?
“เรื่องนี้ทั้งหมด เวลาจะทำอะไร พิมพ์อะไร ต้องมีสติ คิด แล้วความเป็นส่วนตัวของผมก็คงจะไม่มี”
ถ้าย้อนกลับไปข้อความของเราเจตนาของเราคืออะไร?
“ผมต้องขอโทษจริงๆ คือตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่ามันรุนแรงด้วยเราแชร์เราคุยอะไรกันแบบนี้ ด้วยความที่ผมก็รู้ว่าจะคุยอะไรยังไงกับคนไหนได้ เราก็ทำงานมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มันก็มีการพูดคุยเรื่องนี้กันบ้างสำหรับผู้ชาย”
ยืนนันว่าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแค่คุยเล่นกับเพื่อน?
“ใช่ เป็นการคุยเล่น”
เราสนิทกันมาก?
“ก็ในซีรีส์มันก็สนิทกันทุกคน ก็พอรู้นิสัยใจคอกันว่าเราจะพูดอะไรกันได้”
พอมีเรื่องวันนั้นก็เลยห่างกัน?
“ใช่ครับ พอมันไปกระทบจิตใจของทางเขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเลยครับเลือกที่จะขอโทษแล้วก็เกิดการ บล็อก ผมก็ทั้งโทร ทั้งเปลี่ยนช่องทางในการติดต่อขอโทษ แต่ก็ไม่สำเร็จ เลยให้เพื่อนที่สนิททั้งผมและเขาในซีรีส์นี้มากกว่า 2-3 คน ให้ติดต่อเขาให้หน่อยเพื่อขอโทษ ก็ไม่สำเร็จ อย่างน้อยนัดเจอกันไหม เคลียร์กันไหม หรือจะทำอะไรผมด้วยความโกรธก็เอาเลย แต่ว่าผมไม่อยากตัดเพื่อน ผมมองว่าเรื่องพวกนี้เพื่อนมันสำคัญกว่า”
คิดว่าเขาตั้งใจดิสเครดิตเราไหม เพราะแชตนี้นาน 3 ปี แล้วแต่เขายังเก็บไว้อยู่?
“ผมไม่ทราบความคิดเขาเหมือนกัน แต่สำหรับผมแชตหายไปนานแล้ว ผมไม่รู้แล้ว ผมก็อยากไปดูว่าผมผิดพลาดมากน้อยแค่ไหนเหมือนกัน”
วันนี้คิดว่าจะมีทางกลับมาเคลียร์กันไหม?
“ส่วนตัวผมยังมองเขาเป็นเพื่อนเสมอ แต่ว่าเรื่องมันก็เสียหายไปเยอะครับ ไม่ใช่แค่ผม แล้วจริงๆ ผมอยากออกมาชี้แจงเรื่องที่มันเกินจริงไปด้วย ที่บอกว่าผมยังไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้คืออะไรก่อน ถ้าเป็นเรื่องนั้นคือไม่ใช่ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็ไม่จริงนะครับ แล้วก็เรื่องที่ผมไปมีอะไรกับแฟนเก่าเพื่อน ผมไม่เคยนะครับ เวลาผมจะจีบใครผมจะถามก่อนเสมอว่ามีแฟนอยู่หรือเปล่า ถ้ามีผมไม่เคยยุ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นของเพื่อนด้วยซ้ำ ไม่ว่าของใครก็ตาม ผมก็ไม่ยุ่ง เพื่อนสนิทรอบข้างผมก็จะรู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมเต๋มที่และเต็มร้อยกับเพื่อนเสมอ”
ที่ผ่านมาเราอยากเคลียร์มาตลอด แต่วันนี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เรายังอยากเคลียร์อยู่ไหม?
“เอาจริงๆ วันแรกๆ 2 วันแรกก็ยังอยากเคลียร์อยู่นะ แต่พอหลังจากนั้นเรื่องมันใหญ่ครับ แล้วผมไม่ได้ออกมาชี้แจงอะไรเลย แล้วผมก็ได้เข้าไปอ่านในโซเชียลคนมองผมไปในทิศทางที่มันไม่ใช่ความจนิง ผมอ่านแล้วก็เจ็บ ผมก็อดทนไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่วันที่ 16 จนวันนี้ 3-4 วัน ก็ทั้งเจ็บและอึดอัด”
มีร้องไห้บ้างไหม?
“เมื่อวานครับ”
ครอบครัวว่ายังไงบ้าง?
“เขาให้กำลังใจอย่างเดียวครับ”
หลังพูดครั้งนี้อาจจะมีอะไรโผล่ออกมาอีก เราพร้อมรับมือไหม?
“ผมรู้สึกว่าผมไม่มีอะไรแล้วนะ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้แล้วด้วย”
คิดว่าไม่มีใครเอาอะไรมาแฉเราได้อีก?
“ไม่มีนะครับ เพราะเรื่องผิดศีลธรรมหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้องผมก็ไม่เคยทำ อันนี้สุดท้ายแล้วผมอยากจะขอบคุณคนที่ให้กำลังใจผมและรักผม ถึงสถานการณ์ตอนนี้มันจะเป็นสิ่งที่ยากสำหรับทุกคนมากที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวผม ผมขอบคุณจากใจมากๆ ที่ยังอยู่ข้างๆ กันอยู่”
มีอะไรจะบอกสำหรับมองเราเปลี่ยนไป?
“สำหรับคนที่ไม่เข้าใจผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้แต่ผมอยากบอกเอาไว้อยากให้ทุกคนได้ลองฟังความทั้งสองด้านก่อนแล้ว ค่อยตัดสินใครสักคนนึงครับ”
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.komchadluek.net/entertainment/thai-entertainment/573281
ขอขอบคุณ : https://www.komchadluek.net/entertainment/thai-entertainment/573281