SeoulStation : ‘แบมแบม กันต์พิมุกต์’ ผู้ยกระดับมาตรฐานศิลปินทั่วโลก!


ให้คะแนน


แชร์

อันยองแฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ที่น่ารักทุกคน มาพบกับ “นูน่าเมี้ยน” กันแล้วนะคะ สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง เรียนหรือทำงานเหนื่อยเครียดกันไหม เอาเป็นว่าสัปดาห์นี้เราผ่อนคลายความเครียด ความเหนื่อยล้าไปกับคอลัมน์บันเทิงสุดปังอย่าง “SeoulStation” กันดีกว่า ซึ่งนักข่าวสาวตัวน้อยๆ อย่างนูน่าจะพาแฟนๆ มาอัปเดตข่าวสารของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลี ในรอบสัปดาห์แบบพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟเป็นประจำ และในสัปดาห์นี้ข่าวฮอตสุดร้อนแรงที่ทำเอาทั่วโลกแทบลุกเป็นไฟ และแฟนคลับทั่วทุกด้อมต่างพากันพูดถึงแน่นโลกออนไลน์ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่อย่าง “2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR ENCORE [AREA 52] in BANGKOK Presented by Xiaomi” คอนเสิร์ตปิดท้ายเวิลด์ทัวร์เดี่ยวครั้งแรกของ “แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” หรือ “แบมแบม GOT7” ศิลปินเกาหลีสัญชาติไทย และ “ตาหนู” ของเหล่า “อากาเซ่” (ชื่อแฟนคลับ) ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2567

ซึ่งคอนเสิร์ต “2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52] in BANGKOK” ครั้งก่อนก็ระเบิดความมันส์สร้างปรากฏการณ์สุดร้อนแรง จัดเต็มจัดใหญ่ แถมแบมแบมร้อง เต้น แร็ป และเอ็นเตอร์เทนเก่งนัมเบอร์วันสนุกสุดมันส์คุ้มค่าจนสาวกเคป๊อปชาวไทยพูดถึงกันไม่หยุดว่าสุดปัง ตอกย้ำความนิยมในไทย และสร้างสถิติใหม่ขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยวชายเกาหลีคนแรกจัดคอนเสิร์ตสเตเดี้ยมกลางแจ้ง SOLD OUT 2 รอบการแสดง แถมงานนี้ยิ่งเพิ่มความสมบูรณ์แบบทะลุ 100% กันเลยทีเดียว เพราะได้ผู้จัดมากฝีมือ “ไอมี่ไทยแลนด์ (iMe Thailand)” ที่ทุ่มไม่อั้นเพื่อความสมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ เนรมิตรแสง สี เสียง และโปรดักชั่นระดับเวิลด์ สแตนดาร์ดกันเลยทีเดียว จนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์จนทุกวันนี้

สำหรับคอนเสิร์ตปิดท้ายเวิลด์ทัวร์เดี่ยวครั้งแรกของแบมแบมในครั้งนี้ เรียกได้ว่าถูกพูดถึงไม่หยุดเลยตั้งแต่วันที่ประกาศการจัดคอนเสิร์ตจนถึง ณ ตอนนี้ เพราะเป็นการ “ยกระดับ” การจัดงานคอนเสิร์ตในประเทศไทยที่ “ใส่ใจแฟนคลับมาเป็นอับดับ 1” ตั้งแต่เรื่องการกดบัตร ราคาบัตร สถานที่ จำนวนคนในหลุม (บัตรยืนในคอนเสิร์ต) ที่จะแน่นจนเกินไป รวมไปถึงผังเวทีคอนเสิร์ตที่สามารถเข้าถึงแฟนคลับได้ทั่วทุกโซน อีกทั้งยังมีเบเนฟิตที่บอกได้เลยว่าโดนใจทุกคนอยากแน่นอน นี้ยังไม่รวมการจัดการเพิ่มเติมที่หลายคนชื่นชมอีกมายมาย นั่นก็คือการอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาร่วมชมคอนเสิร์ต แน่นอนว่าแบมแบมไม่สามารถลงไปแก้ไขในส่วนเส้นทางการสัญจรได้ แต่ก็ได้อำนวยความสะดวกให้แฟนๆ เป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องสถานที่จอด การเดินทางระหว่างคอนเสิร์ตกับขนส่งสาธารณะ รวมไปถึงขึ้นป้ายแจ้งเตือนให้ผู้ใช้เส้นทางที่อยู่โดยรอบให้หลีกเลี่ยงการจราจร ซึ่งคอนเสิร์ตในครั้งนี้ผ่านกระบวนการคิด การแก้ปัญหา เพื่อจัดการ “อุดรอยรั่ว” สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตอื่นๆ ก่อนหน้านี้ด้วย และบอกได้ว่าแบมแบมแทบจะเป็นศิลปินคนแรกๆ เข้ามาจัดการในส่วนของพาร์ทอื่นๆ นอกเหนือจากการแสดงโชว์ เป็นการทำ “Consumer Insight” (การเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าหรือผู้บริโภคเชิงลึก) ที่แข็งแรงมาก ซึ่งหาได้ยากในสังคมปัจจุบันที่ “วางศิลปินไว้เหนือผู้ซื้อ” 

บอกเลยว่านี่เป็นเพียงข้อมูลการจัดการส่วนหนึ่งที่ทางผู้จัดแชร์ออกมา และเหล่าชาวเน็ตต่างพากันพูดถึงสำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้ แต่ก็ยังมีเรื่อง “หลังบ้าน” อีกหลายอย่างที่เราไม่ทราย และถูกจัดการเพื่ออำนวยความสะดวกให้เหล่าแฟนคลับ และผู้ชมทุกท่าน ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่งที่แบมแบมกลายเป็นศิลปินที่ได้รับความรัก และความชื่นชนจากแฟนคลับในด้อม และรวมไปถึงแฟนคลับนอกด้อมอย่างมากมาย งานนี้ก่อนจะไปพบกับความยิ่งใหญ่ของคอนเสิร์ตปิดท้ายเวิลด์ทัวร์เดี่ยว “นูน่าเมี้ยน” ก็เลยจะมารวบรวม “ความน่ารัก ความใส่ใจ” ของแบมแบมที่ต่อเหล่าแฟนคลับ จนทำให้ให้ต่อใครหลายๆ คนที่พบเห็นจะต้องพากันพูดถึง และตกหลุมรักมากยิ่งขึ้นแน่นอน

สำหรับ “แบมแบม” กว่าจะมาเป็นศิลปินที่มีความสามารถมากมายจนทั่วโลกต่างยอมรับ เส้นทางชีวิตกว่าจะมาเป็นไอดอลเกาหลี ไม่ง่ายเลย แบมแบม เริ่มต้นความฝัน จากการที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตของ ซุป’ตาร์เกาหลีอย่าง “เรน” (Rain) จากนั้นตัวเขาจึงเริ่มสนใจ หันมาฝึกเต้นตั้งแต่เด็ก เพราะอยากเท่เหมือนพี่เรน จึงเป็นเหมือนไอดอลที่จุดประกายความฝันของแบมแบม จนทุกวันนี้ที่ผ่านมากว่า 10 ปีแล้วหลังจากที่เดบิวต์ แบมแบมเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกๆ ปี จากหนึ่งในสมาชิกของวง GOT7 สู่ศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่หลายคนชื่นชมในตัวแบมแบมคือ “ความภูมิใจของชาวไทย” เพราะเขาเป็นศิลปินสัญชาติไทยที่ไปโด่งดังถึงต่างประเทศ แต่ก็ไม่เคยลืมความเป็นไทย คอยนำเสนอความเป็นไทยให้กับเหล่าเมมเบอร์ในวง รวมถึงแฟนๆ ทั่วโลกด้วย แบมแบมที่เรารู้จักเป็นคนที่เก่งมาตั้งแต่เด็ก เดินสายแข่งเต้นในรายการและงานต่างๆ ไม่หยุด แถมยังสเต็ปเทพมาตั้งแต่ตัวนิดเดียว รวมถึงความทุ่มเททุ่มเทในการทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย เดินทางไปเกาหลีด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่อายุสิบกว่าปี

อีกหนึ่งจุดเด่นของแบมแบมคือเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความชัดเจนในตัวเองมากๆ แม้แบมแบมจะอายุมากขึ้น แต่ความเป็นแบมแบมที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้แฟนๆ ตกหลุมรักก็ยังคงอยู่ไปพร้อมกับเติบโตขึ้นตามอายุ ซึ่งเพิ่มดีกรีความน่าหลงของแบมแบมให้ทวีคูณขึ้นไปอีก รวมไปถึงความรักที่มีต่อครอบครัว ซึ่งเหตุผลที่แบมแบมตัดสินใจไปเป็นเด็กฝึกที่เกาหลี นอกจากรักในการเต้นแล้ว แบมแบมเป็นลูกที่น่ารัก กตัญูญู รักครอบครัวที่สุด ซึ่งเขาเคยบอกคุณแม่ว่า “แบมอยากหาเงินเยอะๆ แม่จะได้สบาย”, “ถ้าแบมเป็นนักร้องแบมจะมีเงินใช่ไหมครับ” ถ้าใครที่ติดตามแบมแบมจะรู้ว่าแบมแบมรักครอบครัวมาก เป็นลูกกตัญญูและรักพี่น้องสุดๆ แบมแบมตั้งใจทำงานอย่างหนักเลี้ยงครอบครัว และยังสร้างและสนับสนุนธุรกิจ รวมถึงความชอบของครอบครัว ซึ่งดูเหมือนว่าแบมแบมสามารถพิสูจน์ให้ได้เห็นแล้วว่าเขาทำได้แบบนั้นจริง ๆ นอกจากนี้ ความน่ารักของแบมแบมที่แสนเป็นกันเอง ก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลายแม้จะโด่งดังขึ้นก็ตาม

“อากาเซ่” รู้กันดีว่าแบมแบมขึ้นชื่อในเรื่องของการเซอร์วิสแฟนคลับ จนหลายคนยกให้เป็น “Fan Service King” ที่ติดดินเป็นกันเองกับแฟนคลับที่สุด เพราะอยากลดช่องว่างระหว่างศิลปินกับแฟนคลับ และแบมแบมเคยบอกว่าเคยอยู่จุดที่เป็นแฟนคลับมาก่อนจึงรู้ว่าเป็นอย่างไร และนอกจากนั้นแบมแบมยังรับรู้ตลอดว่าแฟนคลับทำอะไรให้กับตัวเองบ้าง คอยสอดส่องโซเชียลอยู่เสมอ ทั้งใส่ใจและน่ารักมาก นอกจากนี้หลายๆ ก็จะรู้ว่าแบมแบมเป็นคนเอาใจใส่คนรอบข้าง คอยให้กำลังใจเวลาเพื่อนร่วมวงเหนื่อยล้า มีปัญหา หรือท้อแท้ จนถึงทุกวันนี้ แบมแบมก็ยังคงไม่เปลี่ยน และมักมีเรื่องเล่าความน่ารักของแบมแบมออกมาจากคนที่ได้ร่วมงานเสมอ หนึ่งในนั้นคือ ศิลปินไทยอย่าง “กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่” ซึ่งมีโอกาสได้ร่วมงานกับแบมแบม เล่าถึงความน่ารักว่า “แม้จะโด่งดังระดับโลก แต่ไม่ถือตัวว่าเป็นศิลปินดัง ภายใต้ความฉลาดเขาห่อหุ้มความอ่อนน้อม ภายใต้ความพยายามเขาฉาบปิดด้วยความถ่อมตัว ไม่โอ้อวด ทั้งยังให้เกียรติครอบครัวตนอีกด้วย” และนอกเหนือจากความสามารถแล้ว ตัวแบมแบมเองก็ยังมีทักษะที่โดดเด่นทางด้านพิธีกรที่ดีอีกด้วย ช่วงแรกที่เข้าวงการมาไม่นาน แบมแบมก็ได้รับเลือกให้เป็นพิธีกรในรายการเพลง “M COUNTDOWN” ของช่อง Mnet ซึ่งก็ทำได้ดี เป็นพิธีกรช่วงพรมแดงในงานประกาศรางวัล “41st Blue Dragon Film Awards” ซึ่งเป็นงานประกาศรางวัลระดับบิ๊กของทางเกาหลี รวมถึงงานประกาศรางวัล “Seoul Music Awards ครั้งที่ 33” ที่จัดขึ้นในประเทศไทยด้วย แบมแบมก็ได้โชว์สกิลพูดภาษาอังกฤษ เกาหลี และไทย ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่แบมแบมจะได้เป็นพิธีกร เพราะแบมแบมเป็นคนช่างพูด พูดเก่งมาก และยังเป็นคนขี้เล่น สนุกสนาน เรียกว่ามี DNA ความเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์อยู่เต็มเปี่ยม เอ็นเตอร์เทนเก่งสุดๆ

และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้แฟนคลับทุกด้อมต่างพากันชื่นชมหนักมาก นั่นก็การลุกขึ้นมาเป็น “กระบอกเสียง” ให้กับแฟนคลับ เกี่ยวกับประเด็น “ราคาบัตรอัป” ที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ในประเทศไทยของเขาเอง จนทำให้ทุกคนต่างประทับใจในการใช้พื้นที่ และกระบอกเสียงที่ดังของเขา เป็นตัวแทนเรียกร้องแทนแฟนคลับ และแบมแบมนั้นก็แทบจะเป็นศิลปินคนแรกๆ ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เรื่อง “ราคาบัตรอัพ การกดบัตรคอนเสิร์ตของแฟนๆ ในไทย” เป็นเรื่องราวที่มักจะเกิดขึ้น และถูก “หมักหมม และถูกหยั่งรากลึก” มานานหลายปี โดยที่ไม่มีใครเข้ามาจัดการ และไม่มี “ศิลปินคนไหนเคยออกมาพูด” ซึ่งเรื่องนี้หากแบมแบมจะนิ่งเฉย ไม่ต้องมาพูดถึง หรือใส่ใจเรื่องพวกนี้ก็ได้ เพราะเป็นเรื่องปัญหาที่เกิดมาจากระบบ และ “วัฒนธธรมการติ่งของบ้านเรา” ซึ่งไม่เกี่ยวเพอร์ฟอแมนการโชว์ของศิลปินเลย และอีกอย่างปัญหาพวกนี้ เป็น “ปัญหาที่หยั่งรากลึกมายาวนาน และไม่มีใครแก้ไขมันเลย” เพราะหากใครที่เป็นแฟนคลับศิลปินก็จะทราบดีว่าปัญหาพวกนี้จะเกิดขึ้น “แทบกับทุกคอนเสิร์ต” ซึ่งศิลปินก็น่าจะพอทราบเรื่องพวกนี้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ออกมาพูดถึงอะไร เพราะสุดท้ายเป็นเรื่องระบบที่ “คนทำควรจัดการ” แต่ในกรณีนี้แบมแบมเลือกที่ “ไม่นิ่งเฉย” เพื่อต้องการให้ “แฟนๆ ที่รัก และสนับสนุน” ในตัวเขา ไม่ถูกเอาเปรียบ และได้เข้ามารับชมโชว์คุณภาพที่เขาเตรียมมาเพื่อแฟนๆ อย่างสบายใจ

ซึ่งแบมแบมเคยให้สัมภาษณ์ในเรื่องที่เขาเป็นกระบอกเสียงให้แฟนคลับด้วยว่า “จริงๆ ก็ดีใจครับผม เดี๋ยวนี้โลกเรามันก็เปลี่ยนไปแล้ว ผมว่าคนดูเดี๋ยวนี้เขาดูเป็นครับ ทั้งเรื่องโปรดักชั่น เรื่องเสียง เรื่องเสื้อผ้า ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราขึ้นมาเต้นและร้องแล้วเขาก็พอใจแล้ว มันไม่ใช่ยุคนั้นแล้วเนอะ ผมก็เลยต้องตามโลกหน่อย และอีกอย่างหนึ่งสิ่งที่ผมคิดว่าควรจะต้องทำก็คือไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตของเมืองนอกหรือเมืองไทยหรือเคป๊อปก็ตาม ถ้าทำทั้งทีมันก็ต้องทำให้ดีกว่าคนอื่น ผมก็เลยพยายามที่จะทำทุกอย่างให้มันออกมาดีที่สุดครับ” และนี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทุกครั้งที่แบมแบมพูดว่า “รักอากาเซ่” ไม่ใช่เพียงแค่ “ลมปาก” ที่พูดออกมาให้รู้สึกฟินเท่านั้น แต่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของเขาจริงๆ อย่างที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ “อากาเซ่” ซัพพอร์ต “GOT7” มาตลอดตั้งแต่ช่วงแรกที่วงเดบิวต์และไม่ได้ดังมาก แต่ด้วยพลังสนับสนุนของแฟนคลับ ส่งผลให้ GOT7 เป็นที่รู้จัก และได้รับความรักอย่างท่วมท้นจากแฟนคลับทั่วโลกมากมายมาโดยตลอด นี่คงเป็นสิ่งหนึ่งที่ตัวแบมแบมเองตั้งใจที่อยากจะลุกขึ้นมาเป็น “กระบอกเสียงที่ดัง” เพื่อแฟนคลับของเขา และตอบแทนความรักที่มีให้เสมอมา อย่างที่ใครหลายคนเคยบอกไว้ว่า “ไม่ต้องพูดคำว่ารักตลอดเวลา แต่แค่ทำให้รู้ว่ารักก็พอ”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเส้นทางของแบมแบมที่ผ่านมานั้นมันไม่ได้เรียบง่าย และถูกโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเลย แต่ด้วยความสามารถของแบมแบม และความพยายามที่ต้องการพัฒนา และพังทลายขีดจำกัดของตัวเอง ในวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสำเร็จของหนุ่มคนนี้ไม่ได้มาเพียงเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความสามารถ ความเพียรพยายาม ที่มาพร้อมหัวใจที่อ่อนโยนแต่ก็แข็งแกร่งของเขา ที่สู้โดยไม่ยอมแพ้ แบมแบมสมควรกับความรักที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างมอบให้อย่างท่วมท้น และเหมาะสมกับกับรางวัล “Dailynews Star 2024” รางวัลอันทรงเกียรติที่ทางเดลินิวส์มอบให้กับศิลปินที่เป็นที่รักของแฟนคลับทั่วโลก เหตุผลทุกข้อที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นประจักษ์แก่สายตาไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น!..


คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/3401183/
ขอขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/3401183/