การพิสูจน์ตัวตนครั้งนี้รู้สึกกดดันมั้ย?

“ก็มีเล็กๆ แต่พอเรามีภูมิคุ้มกันในระดับหนึ่ง เลยรู้สึกว่ามันมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบอยู่แล้ว ซึ่งคนไม่ชอบ ต่อให้เราเล่นดีให้ตาย มันก็ต้องหาจุดที่รู้สึกว่าเป็นจุดบกพร่องอยู่แล้ว เราก็ยินดีรับฟังทุกคำติชมอยู่แล้วค่ะ ถ้าอันไหนที่เรานำไปพัฒนาได้ ปรับปรุงได้ ส่วนอะไรที่เป็นท็อกซิกด้านลบ ก็ปล่อยผ่านได้อยู่แล้ว”

ต้องฝึกฝนแค่ไหน เวลาเราก็จำกัด?

“จริงๆ น่าจะเป็นประสบการณ์มากกว่าค่ะ ด้วยความที่ก่อนหน้าที่จะมาเล่น เราถ่ายภาพยนตร์มาก่อน เราก็ได้ประสบการณ์จากตรงนั้นมาใช้ในละคร ก็เป็นการเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์จริงที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงท่านอื่นด้วย”

ดูมอนิเตอร์แล้วให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่?

“จริงๆช่วงแรกๆมีแอบนอยด์เหมือนกัน เรานึกว่าเราเล่นดีแล้ว แต่พอไปเล่นรวมกับคนอื่น เราดูน้อย ก็มีช่วงแรกที่จูนตัวละครกุหลาบไม่ติด เหมือนเรายังสลัดตัวเก่าไม่ออก เพราะมันต่อกันเลย แต่พอเล่นไปเรื่อยๆก็เริ่มสนุก ทีนี้ก็เลยลื่นไหล ก็ทำให้เราเข้าใจหลักการแสดงว่ามันไม่ได้ง่าย แต่จริงๆกุหลาบนิสัยส่วนตัวไม่ได้ต่างจากเรามาก เขาแคร์เฉพาะคนที่รักเขา แต่เรานี่แคร์ไปหมด เหมือนแบกทั้งโลก แต่ความกุหลาบคือไม่ว่าอะไรก็ตาม ถ้าเจอคนที่ไม่ชอบหรือคนที่เกลียด กูช่างแม่งได้ แคร์เฉพาะคนที่กูรักจริงๆ มันก็สามารถเอาข้อดีตรงนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันเราได้ ทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้นด้วย”

ที่เราโพสต์ข้อความผ่าน X ถึงข้อเสียของตนเองที่แก้ไม่หาย?

“ก็มีบ้างนิดนึงค่ะ หนูว่าหลังๆหนูโพสต์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตประจำวันหรอก แต่คนที่ไม่ได้ตามไลฟ์สไตล์ชีวิตเราจริงๆ ก็จะคิดว่าเราเศร้า แต่จริงๆไม่ได้เศร้าหรอก”

มันมีอะไรมาจี้จุดเราหรือเปล่า?

“หนูว่าน่าจะเป็นช่วงอารมณ์มากกว่า สมมติวันนี้เหนื่อยมาก มันก็จะมีช่วงที่เซนซิทีฟนิดหนึ่ง”

ทุกวันยังเก็บมาคิดมั้ย หรือปล่อยไปเหมือนตัวละครแม่กุหลาบ?

“ก็มีบ้างที่สามารถใช้ได้ แต่บางทีก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน หนูว่าตามธรรมดาของมนุษย์ เวลาที่เหนื่อยมากๆ มันจะมีช่วงที่เซนซิทีฟนิดหนึ่ง เพราะช่วงนี้เราทำงานทุกวัน ตื่นเช้า นอนน้อย งานที่ทำมันสวิงไปสวิงมา วันนี้อเลิร์ท วันนี้เศร้า เลยทำให้มีช่วงนึงที่อารมณ์รวนเหมือนกัน เราก็พยายามนอนเยอะๆ เล่นโซเชียลให้น้อยลง ดูเรื่องคนอื่นให้น้อยลง (หัวเราะ) บางทีดูดราม่าก็เก็บมาคิดมาก เพราะชอบไปคิดแทนเขา ก็พยายามให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้”

ตัวละครแม่กุหลาบก็เป็นครูของเรา?

“ช่างแม่งก็ช่วยได้นะ ถ้าเมื่อก่อนเห็นคนมาว่าเรา เราก็จะ เอ๊ะ ทำไมต้องว่าเรา เราไม่ได้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเราอยู่กับฟิลลิ่งของกุหลาบมาก มันก็จะเป็นฟีลแบบช่างแม่ง ไม่สนใจ ไม่อ่าน ไม่ตอบโต้ ไม่ให้ค่า”

คนรอบข้างไม่ตกใจเหรอ?

“เขาก็ตกใจนะ เขารู้สึกว่า อุ๊ย นี่มันคือคำพูดของกุหลาบ ทำไมเอา มาใช้บ่อยจัง เราก็ เอ้าเหรอ ไม่รู้ตัว”

ปิดกล้องไปแล้ว ยังจะเอาความเป็นกุหลาบมาใช้ต่อมั้ย?

“ต้องค่อยๆ สลัดออก เพราะมีเรื่องใหม่เข้ามาแล้วที่ตอนนี้กำลังถ่ายทำอยู่”

เล่นกับชาล็อต?

“ก็ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปค่ะ เพราะตัวละครใหม่ก็ฟิลลิ่งไม่ได้ต่างมาก เป็นเหมือนคนแบกทุกสิ่งทุกอย่างไว้เหมือนกัน”

ภาพฟิตติ้งวันแรกหลายคนก็ฮือฮา?

“หนูว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งพาร์ตที่ทำให้รู้สึกว่าเราโตขึ้นทางด้านการแสดง คนก็จะได้เห็นว่าเล่นเรื่อง 1 2 มา แล้วเรื่องที่ 3 มันพัฒนาขึ้นไหม ผลการตอบรับเป็นยังไง”

กลับมาร่วมงานด้วยกันเป็นยังไงบ้างต่างคนต่างไปเล่นของตัวเองมา?

“หนูว่ามันก็เหมือนเดิมเวลาทำงาน ด้วยความเป็นมืออาชีพเวลา 1 2 3 4 ก็ให้ฟีลเคมีที่เหมือนเดิม เหมือนที่เคยเล่น ไม่ต้องจูนกันใหม่ อาจจะด้วยเนื้อเรื่องที่มันไม่ได้เป็นฟีลสดใสมาก คลับฟรายเดย์มันจะมีความโตขึ้นเยอะมากๆ ต้องมีความนิ่งด้วย”

คลับฟรายเดย์เขาเล่นจริง เราเตรียมใจไว้แค่ไหน?

“ไม่ได้เตรียมใจเลย รู้สึกว่าพอเราเล่นมาหลายๆเรื่อง มันก็จริงหมดเลย เลยรู้สึกว่าถ้ามันจะต้องจริงอีก ก็เอาให้คนดูได้อรรถรสมากที่สุด เราก็โอเค”

จะมีอะไรให้ได้ติดตามเพิ่มอีกมั้ย?

“น่าจะเป็นพาร์ตด้านการแสดงที่จะมีภาพยนตร์ที่กำลังจะตามมาในเดือนสิงหาคม สำหรับ The Marriage ที่เล่นกับเจฟ ซาเตอร์ ก็เป็นอะไรที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเช่นเดียวกัน แล้วก็ซีรีส์หยดฝนกลิ่นสนิม รวมถึงคลับฟรายเดย์ ที่จะออนแอร์เดือนมิถุนายนนี้ค่ะ”

ใช้คำว่านักแสดงท่านหนึ่งได้เลย?

“รัวเลยช่วงนี้ (ยิ้ม)”.