เหมือนจะเดือด? ‘หนิง ปณิตา’จี๊ดฟาดประโยคเด็ด ด้าน ‘พี่ชายพีเค’ตอบกลับแซ่บ!


ให้คะแนน


แชร์

เรียกได้ว่าทำเอาผู้จัดคนสวยอย่าง “หนิง ปณิตา” รู้สึกจี๊ดกลางใจทันที เมื่อได้ติดตามข่าวพิธีกรรุ่นพี่คนสนิท “พีเค ปิยะวัฒน์” อยู่ในขณะนี้ หลังได้อ่านข้อความของ “หนุ่ม-ชลธิศ เข็มเพชร” พี่ชายของพีเค ที่ได้ออกมาโพสต์เตือนสติน้องเกี่ยวกับดราม่าที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยใจความตอนหนึ่งว่า “เงินทองถูกเอาไปหมดก็แล้วไม่เป็นไร เขาอยากได้ให้เขาไปจะได้จบ” ซึ่ง หนิง ปณิตา จึงได้ออกมาโพสต์ระบายผ่านเฟซบุ๊กว่า

“วันนี้สายโทรศัพท์แน่น คนโทรฯ มาถามข่าวว่ารู้อะไรไหม???!!! (ไม่ใช่ข่าวตัวเองนะ) จนต้องไปหาอ่าน แล้วสะดุดหูประโยคที่ว่า “เงินทองถูกเอาไปหมด ใครอยากได้ให้เขาไป“ โอ๊ย จี๊ดกลางใจ สุดๆ มีคนคิดกันแบบนี้อีกแล้ว มันเพราะอะไร?? เขาถึงคิดกันได้แบบนั้น

  1. อคตินำล้วนๆ ถูกก็แค่เสมอตัว/ผิดคือจมธรณี (รักผิดๆ คนของฉันถูกเสมอ)
  2. ฟังความแค่ข้างเดียว ยึดเหตุผลฝั่งตน คือถูกต้อง โดยอาจจะไม่ค่อยเป็นกลาง ลืมคิดไปไหมว่า เรื่องที่มันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเกิดอะไร และเพราะอะไร ทำอะไรลงไปถึงมีเรื่อง ที่สำคัญเหตุผลของอีกฝั่ง มันคืออะไร ลองฟังเขาอย่างเป็นกลางและเมตตาหรือยัง??
  3. หัวโบราณคิดว่าผู้หญิงเลิกกับผู้ชาย (แบบผู้หญิงไม่มีความผิดด้วยนะ) และเขาได้ใช้สิทธิปกป้องตัวเองตามข้อกฎหมายเพราะทราบดีว่าพูดกันไปดีแค่ไหนก็ไม่มีวันรู้เรื่องและเข้าใจ คือ “การอยากได้เงิน หน้าเงิน” ทั้งๆ ที่มันคือความรับผิดชอบที่เป็นสากลโลกเขาทำกัน

ถ้าทางกลับกัน ผู้หญิงลองมีคนอื่นบ้าง เพราะผู้ชายคนนั้นทำแบบที่ผู้ชายกล่าวหาผู้หญิง ว่าสาเหตุที่มีคนอื่นเป็นแบบนี้ แบบนี้!!?? ฝั่งผู้ชายยังจะคิดแบบเดิมไหม ใจเขาใจเรา ยุคนี้มันยุคที่ทุกคนเท่าเทียมกันหมดแล้ว คำว่า “เอาไปหมด” หมด = ไม่เหลืออะไรเลย โห!!!! ข้อหาแรงจัง ศักดิ์ศรีแทบไม่เหลือ (ถามจริงๆ มีเยอะขนาดนั้นให้เอาจริงๆ ไหม) เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ ตราบใดที่คนทำผิดไม่รู้ความผิดตัวเองก็ยากที่จะแก้ไขปรับปรุงให้มันดีขึ้น

กระดุมเม็ดแรกติดผิด มันก็ผิดหมด และทุกการแก้ตัวโดยไม่รู้ความผิดตัวเอง = โยนความผิดให้คนบริสุทธิ์ โยนไปก็เหมือนบูมเมอแรงสะท้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง แต่ท้ายสุด #ความจริงก็คือความจริง อยู่วันยังค่ำ เป็นลูกผู้ชายอะเลิกกันแล้ว ไม่ปกป้อง ก็อย่าปากดี #ทำร้าย กันอีกเลย ที่ทำไปมันมากพอแล้ว”

ซึ่งต่อมาทาง หนุ่ม ชลธิศ ได้ทำการแคปโพสต์ดังกล่าวของหนิงมาโพสต์หน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับระบุแคปชั่นว่า “ตื่นแต่เช้า พี่เห็นคนส่งอะไรมาเยอะมาแยะ แต่มาสะดุดสิ่งนี้ โดยส่วนตัวพี่ชื่นชอบน้องหนิงนะ เพราะเห็นป้ายโฆษณาบนทางด่วนแล้วคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้สวยมาก เครื่องหน้าดีมาก .. และน้องก็เคยสวัสดีพี่หนึ่งหนแบบเปิดกล้อง ไม่เป็นไร น้องมีความคิดเห็นได้เลย ถ้าด้วยเพราะไม่รู้อะไรคือความจริง หรืออะไรคือเนื้อใน ใดๆ คือพี่ไม่ใคร่อยากยุ่งเรื่องของใคร

ไม่ได้พูดถึงใคร เอ่ยชื่อใคร กับเก่ากับไม่เก่าก็ไม่มีอะไรกันส่วนตัวทั้งสิ้น สื่ออะไรก็มาถามเชิญไปออกเยอะแยะไปหมด แต่พี่ตัดสินใจไม่ไปเพราะออกทีวีไม่ได้ พี่ตอแหลไม่เป็น เดี๋ยวมาจี้แล้วของขึ้นเล่าหมดเปลือก (ชีวิตพี่ตอแหลมาตลอดตอนทำงานเพราะบางทีเพื่อนเจ้านายเข้ามา พี่นึกว่าลูกครึ่งเห็ดเผาะกะจิงโจ้น้ำผสมกันพี่ก็ต้องชมว่าสวย) พอลาออกมาเลยอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าพี่จะไม่ตอแหลอีกแล้วเพราะแขยงปาก แล้วเราก็เป็นลูกศิษย์คุณแม่บุญเรือนเหมือนกัน ท่านทูตหลายท่านโทรฯ มาบอกว่าปกติหนุ่มพูดจาเพราะ ทำไมคำว่าโจยี่ ถึงเป็นไวรัลในหมู่น้องๆ เก้ง กวาง กะเทย เลยเรียนท่านว่าพิมพ์ตอนเครื่องบินจะออก ลบไม่ทันอยู่บนอากาศขาด WiFi พอดี

น้องหนิงขา เราเจอกันกอดกันได้นะ ได้เลยนะจริงๆ #ส่วนเกรียนคีย์บอร์ดก็เอาที่สบายใจอากาศมันร้อนเศรษฐกิจมันแย่พี่เข้าใจ #ไม่มีใครรู้ข้างในนอกจากเจ้าตัวและครอบครัว #ก็ต๊ะติ๊งโหน่งอ่ะเนอะ #หลายอย่างอยากได้ต้องทำเอาทำเองทำบุญทำใจทำอะไรก็ทำไปยกเว้นทำร้ายคนอื่น #เอาดีเข้าตัวเอาชั่วโยนฟรึบใส่คนอื่นมันไม่ดีไม่ดีบาปนะ”..

ขอบคุณภาพประกอบ : Ning Panita, Noom Kempetch

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/3421884/
ขอขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/3421884/