‘สมรักษ์’ เปิดใจเครียดจนอยากจบชีวิต ‘เบสท์ ‘ ร่ำไห้ตั้งแต่เกิดพ่อไม่เคยทำให้ลำบาก!


ให้คะแนน


แชร์

“เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์” ควงคู่คุณพ่อ “สมรักษ์ คำสิงห์” มาเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW ถึงเรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้น ลั่น! เป็นช่วงชีวิตที่ตกต่ำสุด เครียดหนักจนอยากจบชีวิตแต่ดึงสติกลับมาได้ เผยเรื่องการหย่าร้างเกิดขึ้นก่อนมีคดีความ เบสท์หลั่งน้ำตา ชีวิตตั้งแต่เกิดมา พ่อแม่ไม่เคยทำให้รู้สึกลำบาก

ชีวิตที่ผ่านมา พี่สมรักษ์เจอมาเยอะมากเลย จุดที่พีคสุดน่าจะเป็นตอนได้เหรียญทองใช่ไหม แล้วถ้าพูดถึงจุดต่ำสุด?

สมรักษ์ : ผมว่าช่วงนี้แหละคือต่ำสุด

เรื่องข่าวคราวที่ผ่านมา สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้?

สมรักษ์ : เราต้องออกมาสู้ความจริง ตอนเกิดข่าวใหม่ๆ ก็แทบบ้าเหมือนกัน แทบฆ่าตัวตายไม่อยากอยู่เลย แต่พอไตร่ตรองนึกภาพทบทวนเหตุการณ์ว่าเราผิดตรงไหน ประกอบกับชาวบ้านแฟนคลับเขาก็หาข้อมูลต่างๆ มาหาเราเยอะ ก็เก็บไว้เพื่อไปสู้กันในศาล ก็สบายใจขึ้น

ช่วงที่เรารู้สึกแย่ตอนนั้นคือยังไง?

สมรักษ์ : ไม่ได้ดูสื่อเลย อยู่ทุ่งนาเลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย

ความคิดที่อยากฆ่าตัวตายเกิดขึ้นจากอะไร?

สมรักษ์ : ก็เพราะมีข่าวนี่แหละ เพราะว่าจริงๆ แล้ว ชีวิตผมทำงานเพื่อสังคมเยอะนะ พอรู้ว่าโดนแจ้งความ เราก็โทรฯ หาตำรวจเลย จะให้ผมไปตอนไหน จะไปให้ปากคำอย่างเดียวเลย มาเห็นข่าวอีกทีก็จะออกหมายจับผมแล้ว เราผิดร้ายแรงนะ ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรม

จากเหตุการณ์ครั้งนั้นรู้สึกยังไงกับพ่อ?

เบสท์ : อย่างที่ตอบไปในสื่อ ก็คือสุดท้ายแล้ว เราไม่สามารถรู้หรอกว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวเบสท์นะคะ หมายถึง ประชาชน นักข่าว หรือชาวเน็ต เพราะว่าเหตุการณ์นั้นมีแค่พ่อกับผู้เสียหายอยู่ด้วยกัน ฉะนั้นก็อยากให้คอมเมนต์เบาๆ เพราะเราไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ใครพูดความจริง 100% อย่างที่หนูตอบไปเลย นั่นคือความรู้สึกหนู ก็รู้สึกแบบนั้นมาจนถึงตอนนี้ ก็ต้องรอทางกฎหมายพิสูจน์

แล้วตอนที่เป็นข่าวเราเจอหน้าพ่อคุยกันยังไง?

เบสท์ : คือจริงๆ พ่อโทรฯ มาคุยตลอด คือหนูรู้คนแรกเลยค่ะว่ามีเหตุการณ์นี้ พ่อก็โทรฯ มาบอกว่าโดนแล้ว บอกว่าจะมีน้องไปแจ้งความคดีนี้นะ เราก็ไม่เชื่อค่ะ อะไรของพ่อเนี่ย แล้วพอตกเย็นมาเป็นข่าวจริงๆ โดนแจ้งความจริงๆ ตอนแรกเราคิดว่าพ่ออาจจะวิตกกังวลไปเอง

คนมาถามเบสท์เยอะไหม?

เบสท์ : อย่างที่บอก ตอนนั้นหนูก็อยากรู้ความจริง พอเราไม่รู้ความจริงก็ไม่รู้จะตอบกับนักข่าวยังไง นี่คือสิ่งที่หนูเครียดมากว่าจะตอบยังไงดี ก็เลยคิดว่าโอเค เราก็ตอบตามที่เราตอบได้ ตามความเป็นจริงก็คือเราไม่รู้

แล้วคนก็ต้องสงสัยเพราะมีเรื่องแม่อีก เกี่ยวกับการหย่าร้าง ตกลงเกิดอะไรขึ้น?

เบสท์ : คือเขาหย่ากันก่อนเกิดเรื่องค่ะ พอหย่าก็มาเกิดเรื่องนี้อีก คนก็เลยโยงเรื่องหย่ามาด้วย แล้วหนูกับน้องชายคือรู้อยู่แล้วว่าเขาหย่ากันแล้ว ทุกคนก็โอเค ไม่อยากให้พ่อรู้สึกว่าพอเขาแก่แล้วเราทิ้งเขาหรือเปล่า ก็เลยคุยกันด้วยความเข้าใจว่า หย่าแต่ให้พ่ออยู่ที่บ้าน ใช้รถ ใช้เงินอะไรปกติ อยากจะกินอะไรก็บอกแม่บ้าน คือทำตัวปกติเหมือนไม่ได้หย่า คนก็เลยไม่รู้

เรามีแอบนอยด์พ่อไหม?

เบสท์ : ไม่นอยด์เลยค่ะ เป็นเคสตัวอย่างด้วย คือเบสท์รู้สึกว่าในกรณีของพ่อหลายๆ กรณี ไม่ว่าจะคดีอะไรก็ตาม มันมีเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว อย่างพี่นิกกี้ก็มาบอกว่า พ่อเราเป็นกรณีตัวอย่างให้กับดาราสมัยก่อนที่เขายังเที่ยวอยู่ เราก็เลยรู้สึกว่าจริงเหรอ มีคนเป็นประมาณนี้เหรอ เขาบอกเยอะ เวลาไปเที่ยวกลางคืน ในโลกความเป็นจริงคือมีเหตุการณ์นี้เยอะ เราก็รู้สึกว่าดีเหมือนกัน ให้คนได้ระวังตัวเอง

เจอกระแสสังคมในโซเชียล เวลาเราเห็นคนด่าพ่อรู้สึกยังไง?

เบสท์ : คือหนูเข้าใจในเรื่องที่เขาด่าหรืออะไรอย่างนี้ เพราะว่าด้วยข่าวตอนนั้นออกมา เขาเขียนไปทางนั้น ด้วยคดีด้วยอะไรยังไม่ได้กระจ่างเท่าไหร่ คนก็เลยอาจจะแบบตีความไปต่างๆ นานา หนูก็บอกพ่อว่า บางทีมันก็ต้องยอมรับ เพราะว่ามันไปทางนั้น

พ่อเขาเป็นคนนิสัยสนุกสนาน แต่รู้ไหมว่าเขารักคุณขนาดไหน?

เบสท์ : รู้ค่ะ พ่อแม่หนูคือเขาตามใจทุกอย่างเลย ตั้งแต่เด็กคือไม่เคยทำให้รู้สึกลำบากเลย ทั้งๆ ที่เขาเป็นหนี้ (ร้องไห้) เราไม่เคยรู้สึกว่าพ่อไม่มีตังค์ หรือว่าไม่มีตังค์ส่งบ้าน คือบ้านเขาซื้อตอนที่ได้เหรียญมาแล้ว เขาไม่มีตังค์ส่งบ้าน แล้วหนูอยู่บ้านหลังนั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าบ้านจะโดนยึด เขาไม่ทำให้รู้ นั่นคือทำให้เป็นหนูอย่างทุกวันนี้ ที่พ่อเขาลำบากขนาดไหน แม่ลำบากขนาดไหน ในขณะที่หนูสบายมาก..

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/3422342/
ขอขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/3422342/