แซม ยุรนันท์ หันหลังให้การเมืองถาวร อยู่ตรงนั้นไม่มีความสุขมีแต่ขัดแย้ง


ให้คะแนน


แชร์

เราเลือกงานมากขึ้นด้วยในการรับละคร?

“ไม่ได้เลือกงานรับละคร แต่ว่าเลือกรับแล้วมีความสุข ไม่ได้หมายถึงว่าไม่เอาอันนั้น ไม่เอาอันนี้ พี่ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่พี่เป็นผู้เลือกมากเหมือนแต่ก่อนนะครับ แค่มีคนอยากทำงานด้วยก็ดีใจแล้ว ไม่ถึงขนาดกับว่าไม่เอาอันนั้น ไม่เอาอันนี้ เพราะว่าเราก็เข้าใจว่าเราไม่ได้อยู่ในจุดนั้น แค่นี้ที่มีบท ยังได้รับบทพระเอกในวัยนี้ พี่ก็ว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อของเมืองไทย ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นหรอก

เมื่อก่อน 30 กว่า ก็เป็นพ่อเป็นแม่หมดแล้วครับ โอกาสในวันนี้มันทำให้มีโอกาส ทั้งคนดูแล้วก็คนเล่น คนดูก็มีโอกาสดูหลากหลายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน มีช่องที่หลากหลาย มีละครที่มีหลายแนว มีช่องทางในการดู นอกจากดูหน้าจอทีวี ดูในมือถือ ดูย้อนหลัง ดูอะไรก็ได้

พี่ว่ามันเป็นยุคที่คนดูเลือกที่จะดูได้ในสิ่งที่ตัวเองชอบ คนเล่นก็เหมือนกัน ก็มีโอกาสได้แสดงบทบาทมากขึ้นนะครับ ผู้จัดก็มีโอกาสได้หยิบคนที่เหมาะสมมากขึ้น เพราะงั้นก็เป็นยุคของคนที่ใช่ในบทนั้นมากกว่าแต่ก่อน เพราะว่าเลือกดูที่ดารา ไม่ได้เลือกดูที่บทบาท” 

มีแฟนคลับรุ่นเด็กมากขึ้นด้วย?

“มากกว่า ลูกกลับมาบอกว่าคนที่เสิร์ชหาพ่อเป็นล้านๆ คน วันนี้คือคนอายุ 18-25 ซึ่งคนเหล่านี้ ไม่รู้จักพี่ไปแล้ว มาดูละครเรื่องนั้น แล้วก็แบบชอบ ใครอ่ะๆ เค้าก็เลยอยากรู้จักเรา เพราะว่าพี่ไม่ได้อยู่ในหัวเค้า เค้าไม่รู้จักคนๆ นี้ไปแล้ว แล้วพี่ก็ออกจากวงการบันเทิง แล้วก็ห่างไปเลย

ไม่มีแม้กระทั่งไอจี เฟซบุ๊ก ไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ไปเลย ไปทำแต่ธุรกิจอย่างเดียว มุ่งหน้าแต่ธุรกิจตัวเอง แล้วก็คิดว่าวันหนึ่งเป็นคลื่นกระทบฝั่งครับ เด็กรุ่นใหม่ก็เกิดมา คนก็ลืมเราในที่สุด คนรุ่นใหม่ก็คงไม่รู้จักรุ่นเก่า เค้าก็คงมีดาราใหม่ให้เค้าชื่นชอบไปแล้ว ปรากฏไม่ใช่ เพราะโลกโซเชียลมันทันสมัยขึ้น” 

ในไอจีก็มียอดฟอลโลว์เพิ่มขึ้น?

“ครับ แล้วคนก็ดูย้อนหลัง บางเรื่องดูย้อนหลังเป็นล้าน บางเพลงที่เราร้อง ฟังย้อนหลังเป็นล้าน ไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ เค้ายังอยู่กับเรา เพียงแต่ก่อนเค้าไม่มีพื้นที่ให้ออกมา แล้วเราก็ไม่สามารถนับจำนวนได้จากอะไรก็แล้วแต่ เราก็ไม่รู้ว่าคนที่ชอบเราเค้าอยู่ไหน วันนี้กลายเป็นลูกเข้าใจว่า เนี่ย พระเอกที่แม่ชื่นชอบมาก ลูกไม่เข้าใจ แม่ยังคงมีลูกอยู่ ก็ไม่เข้าใจว่าแม่ชอบอะไรในคนนี้

วันนี้ลูกเค้ากลับมาบอกว่าเค้าเข้าใจแม่แล้ว คราวนี้ทั้งแม่ทั้งลูกมาหาพี่ กลายเป็นแฟนคลับเราทั้งคู่ แสดงว่าพี่ยังสามารถเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งสองวัยได้ พี่ก็ขอบคุณมาก สำหรับนักแสดงเก่าๆ คนนึง พี่ก็ไม่ได้ยึดติดว่าการเป็นนักแสดงมันจะอยู่ค้ำฟ้า ก็ต้องมีคลื่นลูกใหม่มา แต่วันนี้สิ่งที่ได้เกินคาดก็คือว่า พี่ได้กลับมาก็คือความเป็นนักแสดง แต่ก่อนเราเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ไปแบกรางวัลที่มีอยู่มากมาย ไปแบกละครทั้งเรื่อง” 

สลัดคำว่าพระเอกเบอร์ต้นๆ กลายเป็นนักแสดงธรรมดาได้ยังไง?

มันสลัดจริงๆ เราก็ต้องเข้าใจว่าพี่หยุดที 10-20 ปี มันไม่ได้หยุดแค่ 1-2 ปี เรายังรู้สึกเสียดายสิ่งที่เราเป็นอยู่ ไปเล่นตัวรองได้ไง เราเป็นพระเอกมาก่อน คิดอย่างงี้ เมื่อก่อนไม่เคยถึงจุดที่เป็นตัวรอง ตอนที่เลิกเล่นยังเป็นพระเอกเบอร์ต้นอยู่ ไม่ได้เลิกเพราะว่าไม่มีใครเอาแล้ว คนก็ช็อกที่หยุด พี่พอแล้ว 200 กว่าเรื่อง เพลง 14 อัลบั้ม พี่ไม่รู้จะร้องอะไรแล้ว” 

เมื่อก่อน อันดับหนึ่งคือชื่อแซม ยุรนันท์?

“แล้วมันหลายปีไงครับ รางวัลเหมือนกันเมขลา 3 ปีซ้อน ก็มีอยู่คนเดียว บางทีรับ 3 ปีติดเลยหรอ พี่ว่าพี่แบกรางวัลเยอะไป พี่ก็เลยรู้สึกว่าเพราะพี่หยุดได้แล้ว พี่อยากขึ้นรถไฟฟ้า คนก็เริ่มคุ้นๆ ใช่ ไม่ใช่ พี่ก็รู้สึกว่าพี่อยู่ในโลกนี้มากขึ้น ยังไงก้ต้องขอบคุณที่ทุกคนยังให้ความสนใจ พี่ยังทำหน้าที่นักแสดงให้ดีที่สุด และสมบทบาทที่เค้ามอบหมายมาให้”

คิดจะกลับไปเล่นการเมืองอีกมั้ย?

“จริงๆ พี่ไม่ได้คิดว่าจะเล่นอีกหรือไม่เล่นอีกแล้วอะไร เพียงแต่ว่าตอนนี้พี่ตอบชีวิตตัวเองมาหลายปี ว่าพี่จะเลือกทำแต่สิ่งที่พี่ทำแล้วมีความสุข เพราะว่าเราทำอะไรที่เรามีความสุข เราเองก็มีความสุข แล้วคนที่เค้ารับผลมันก็จะมีความสุขด้วย การเมืองก็เป็นส่วนหนึ่ง พี่เรียนด้านนี้มา ก็แค่อยากลองทำดู พอทำไปแล้วเราไม่มีอะไรข้องใจ

เริ่มไม่มีความสุขที่จะทำ เพราะว่ามันมีความขัดแย้ง ไม่ได้โทษว่าใครจะผิดยังไง พี่ก็คิดว่าถ้าเราทำแล้วไม่สุข ก็เชื่อว่าสิ่งที่เราทำมันก็ไปไม่สุดเช่นกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครนะครับ เพียงแต่ว่าเราก็มีอย่างอื่นที่เราอยากทำเช่นกัน งานธุรกิจก็เป็นเรื่องที่เราเรียนมา ลงทุนไป ก็ยังสุขทุกวันที่ได้ทำ

พอมาวันนึงเราทำธุรกิจมา 10 ปี มันก็อยากทำอย่างอื่นบ้าง กลับมาทำบันเทิงก็สุขมาก มีความสุขทุกวัน ได้กินข้าวกองถ่าย ได้เจอทุกคน ได้ออกจากบ้าน แล้ววันนี้ได้เล่นฉากอะไร มันมีความสุขมาก บางทีเลิกกองนั่งคุยต่อ มันเหมือนดึงชีวิตเก่าๆ กลับมา จนกระทั่งภรรยาบอกว่า แซมเล่นอีกเถอะค่ะ ดูมีความสุขจังเลย

พี่ก็คิด เออเนาะ สุดท้ายเงินทองไม่ใช่คำตอบที่สุดในชีวิตนะ พี่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเค้านะ พี่คิดว่าความสุขต่างหาก แล้วพี่ก็ไม่ได้เป็นคนคาดหวังอะไรเกินตัว ไม่ได้อยากได้อะไรที่มันเกินเอื้อม พี่ว่าพี่สุขในสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพี่จะไม่หาทุกข์มาใส่ตัว ทำอะไรที่มีความสุข ชีวิตพี่จะเลือกมีความสุขกับเรื่องที่ไม่ต้องใหญ่มาก

อย่าไปกำหนดความสุขว่าต้องได้อันนั้นมา อันนี้มา แต่จริงๆ แล้ว เราเลือกความสุขได้ทุกวัน ไม่ต้องใหญ่โตมาก อย่างไปทริปครอบครัวที่ต่างประเทศ มีความสุขทุกวัน ความสุขมันอยู่ที่ว่าเรากินกับใคร บรรยากาศแบบไหน พี่ว่าแค่นี้ชีวิตคนเราก็มีความสุขแล้วครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง
ขอขอบคุณ : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง