กว่าจะมีวันนี้ “ครูเทียม” เผย เคยเป็นกรรมกร พร้อมเคลียร์ประเด็นถูกลูกศิษย์เนรคุณ


ให้คะแนน


แชร์

กว่าจะมีวันนี้ / ครูสอนเต้นชื่อดังอย่าง ครูเทียม ชุติเดช ทองอยู่ ที่ตอนนี้กลายเป็นครูสอนเต้นตัวท็อประดับประเทศ แต่ชีวิตวัยเด็ก จากลูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ต้องไปอยู่บ้านนอก ทำนา เป็นกรรมกรทำงานก่อสร้าง อีกทั้งยังถูกลูกศิษย์ศิลปินดังเนคุณดังแล้วลืมตัว ล่าสุด ครูเทียม มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธกร

กว่าจะมีวันนี้มาร่วมพูดคุยในรายการ

ชีวิตของครูเทียมก่อนเข้าวงการ เคยทำนามาก่อน?
“ใช่ครับ เด็กๆลำบากมาก่อน คล้ายๆคนดังหลายๆคน ที่มามันลบศูนย์หมด เราค่อยๆหาทางที่จะเดินยังไง ทำนาก็ทำ แต่ก่อนจะทำเคยเป็นลูกคหบดีมาก่อน สมัยก่อนย้อนหลังไปนานมากมีรถขับ หลังจากคุณพ่อเสียชีวิตเราเป็นลูกเมียน้อย แม่ก็หอบลูก 6 คน มาบ้านนอก ควายเราเคยเห็นแต่ไม่เคยเลี้ยง เคยนั่งรถแต่ต้องมาขี่หลังควาย คือต้องมาลำบากอยู่บ้านนอก เรียนหนังสือบ้านนอกด้วย เมื่อก่อนเรากับคุณพ่อไปแจกของเด็กยากไร้ แต่พอคุณพ่อเสียเราต้องไปนั่งรับของแจก พออายุ 12-13 เริ่มคิดแล้วว่าลำบาก กางเกงนี่ปะแล้วปะอีก รองเท้าไปโรงเรียนแทบไม่มี ครูใหญ่เขาเป็นลูกศิษย์พ่อ เขาเจอเราเขาจะร้องไห้ตลอด เราไม่รู้ว่าเขาร้องไห้เรื่องอะไร แต่เรารู้ว่าความลำบากเริ่มมาเยือน เมื่อเราโตขึ้น อยู่ ม.1-ม.2 ต้องนั่งรถเกือบ 20 กิโล ไปเรียน ความอดอยากเริ่มเกิดขึ้น คุณแม่ต้องดูแลลูก 6 คน ฉะนั้นอยู่บ้านนอกไม่ได้แล้ว ปิดเทอมก็ต้องเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานก่อสร้าง ตอนนั้นอายุ 14 เริ่มเข้ากรุงเทพฯ แล้วกลับไปเรียนหนังสือ เมื่อเข้ากรุงเทพฯ มันเหนื่อยมากนะทำงานก่อสร้าง แต่เหนื่อยด้วยความสนุก คนจนไม่มีสิทธิ์จะร้องไห้ คนจนทำทุกอย่าง แล้วจะมีเรื่องราวหนึ่ง คือมีวงดนตรีลูกทุ่งเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย เราก็เลยไปดู เห็นเขาเปิดรับสมัคร เพราะเราเคยรำมาก่อน แต่พอไปสมัครแต่เขาไม่รับ เพราะเราไปสมัครเป็นนักร้อง เรามีความฝันอยากเป็นเหมือน ยอดรัก, สายันต์ มีเงินมากมายแล้วกลับไปบ้านช่วยพ่อ แม่ ของเรา เราไปสมัครไปหลายๆ วงแต่ไม่ได้เลย พอถึงวงสุดท้าย ศรเพชร ศรสุพรรณ เราก็แบบไม่ได้แล้ว ไม่ได้เป็นนักร้อง ทำอะไรก็ได้ เขาบอกว่าเป็นคอนวอย ตอนนั้นเราก็ไม่เก็ตว่าคอนวอยคืออะไร ก็ยกของ แบกตู้ ทุกอย่าง”

แล้วตอนที่เรารู้ว่าคอนวอยคือการแบกหามทุกอย่าง เรารู้สึกยังไงบ้าง?
“จริงๆน้ำตาจะเล็ด แต่ความจน เดินก้าวมาข้างหน้าจะไม่ถอยหลัง ก็แบก ทำทุกอย่าง แต่คราวนี้วงดนตรีก็จะมีห่างเครื่องเต้น เราเห็นเราก็ทำได้นี่ว่า เราก็เต้นตาม พี่ที่สอนเต้นเขาเห็น มันมีโอกาสทองเกิดขึ้น คนขาด ป่วย ไม่มา เขาก็ถามว่าไหวไหม แล้วเต้นคู่กับเมีย ศรเพชร ศรสุพรรณ”

ตอนที่เขาเรียกเราไปต้องซ้อมก่อนไหม?
“ไม่ต้องเลย จับขึ้นได้เลย แล้วสมัยก่อนมีโอกาสทองฉันต้องทำ ฉันต้องอิน เข้าคู่ จนกลับมา พี่ตุ่ม เมียศรเพชร ศรสุพรรณ ลงมาทะเลาะกัน เพราะคิดว่ากิ๊กกัน”

แล้วเราทำยังไง ตอนที่เขาหาว่าเราไปกิ๊กกับเมียเจ้าของวง?
“เราพูดอะไรไม่ได้ไง กลัวเขาอย่างเดียว”

ตอนนั้นเขามองเราไม่ออกหรอ?
“ตอนนั้นแมนๆ นะคุณ ไม่คิดเรื่องนี้เลย ไม่ชอบเลย สมัยก่อนเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นยากมาก มันน้อยมาก”

ครูเทียมมารู้ตัวเองตอนไหน?
“ค้นพบตอนที่เราเป็นครูสอนเต้น ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแล้ว แล้วปรากฎการณ์เราต้องอยู่กับผู้หญิงทั้งหมด แต่ถ้าเราเป็นแมนเราทำไม่ได้เลย นั่นลูกมีพ่อ มีแม่ แตะเนื้อต้องตัวมันบาปมาก มันไปพลิกผันตอนอยู่เชียงใหม่ เราเป็นครูสอนเต้นครั้งแรก หลังจากเราอยู่ตรงนี้ ทำวงดนตรีลูกทุ่งหลายวงมาก พอวงที่สาม เริ่มถูกไว้วางใจให้เป็นผู้ช่วยครูสอนเต้น เริ่มดีขึ้น เชื่อไหมความที่เราเป็นคนขยันมาก อยู่วงดนตรี ต้องซักเสื้อผ้า เราไม่มีหน้าที่แต่เราช่วยทุกอย่าง ทำทุกอย่างจนครูสอนเต้นตั้งให้เป็นผู้ช่วย หลังจากนั้นก็กระเถิบตัวเอง แล้วครูของเรา ชื่อครูดอกรัก ไปสอนเชียงใหม่ แล้วพาเราไปด้วยเป็นผู้ช่วย พอไปถึงเชียงใหม่ ครูรับเงินเสร็จต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ด่วน แล้วทิ้งเราให้ดูวงดนตรีลูกทุ่ง เราก็เป็นครูสอนเต้น คุมงานทั้งหมด มันก็ต้องถูกเนื้อต้องตัว แล้วคนเหนือเขาถือ เราแมนไม่ได้ เราก็รู้สึกว่าต้องมาทางนี้ไหม เราได้อาชีพ เพราะถ้าแมนๆ ทำอาชีพนี้ไม่ได้เลย แต่จริงๆ ครูสอนเต้นมีแมนๆ เยอะมาก แต่ถ้าจะเอ็นจอยงานโชว์ต้องมาแบบนี้ไหม เราก็เลยทดลองเดินทางอีกสายหนึ่ง”

หลังจากที่เราปลดล็อกมันเป็นยังไง?
“มันก็อยู่ในชั้นเชิงของเรา เป็นแบบนี้ ถึงได้เป็นครูเทียม เดินให้คนไหว้ ได้อย่างสนิทใจ”

ครูเทียมมีความภาคภูมิใจแบบสูงสุดเลยใช่ไหม ที่ได้ร่วมงานกับแม่ผึ้ง?
“ช่วงที่ทำงานกับพุ่มพวง ดวงจันทร์ ใช่ไหมครับ จากเรามีชื่อเสียงที่หอมฟุ่งอยู่แล้ว แล้วมีคนที่แนะนำและชักจูงให้ไปหากัน เมื่อก่อนมันไม่มีมือถือ มันมีโทรศัพท์บ้าน เขาบอกเดี๋ยวคอยรับสายนะ เดี๋ยวคุณพุ่มพวงจะโทรมา 10 โมง ก็ได้ทำงานด้วยกัน 1 ปีเต็มๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต”

ครูเทียมเป็นคนทำโชว์ให้กับแม่ผึ้งเป็นคนสุดท้าย ความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?
“เสียเขาไปเราเฟลหมดเลย เราเป็นคนที่ดร็อปในชีวิตการทำวงดนตรีเลย คือหมดพุ่มพวงไม่ทำใครแล้ว เรารู้สึกว่าฮอตสุดแล้ว”

ครูเทียมอยู่ในวงการมานาน มีนักร้องเข้ามาหาแล้วขอให้พาเข้าวงการไหม?
“เยอะมาก เราเคยทำบริษัทเพลงด้วย ทุกวันนี้ยังทำอยู่ แต่ตอนแรกมีคนจ้างขึ้นบริหารบริษัทแล้วบริษัทล้ม เราเลยอุ้มนักร้องต่อมา อันนี้รุ่นที่เราทำ แต่รุ่นก่อนนั้นที่เราไปร่วมจอยกับทุกคน แล้วร่วมสร้างกับทุกคนให้โด่งดัง ถึงวันหนึ่งที่เขาพีคขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องเป็นคนอื่น”

เป็นคนอื่นในที่นี่คือยังไง?
“มันก็ต้องเดินจากกัน บางทีนักร้องทำคู่เรามาแล้วโดนจนเปรี้ยง นี่หลายคนมากนะ แต่ถึงจุดพีคน้องก็เปลี่ยน ความรู้สึกของทุกคนเปลี่ยนได้ในช่วงของพีคก็จะมีคนนู้น คนนี้เข้ามา เราก็เป็นส่วนเกินที่ต้องเดินจากไป”

แล้วมีน้อยใจบ้างไหม?
“คุณเชื่อไหมว่าเส้นทางนั้น ขับรถ 5 ชม. ถึงกรุงเทพฯ เราขับเกือบ 5 วัน ไปตรงไหน นั่งไปก็น้ำตาไหลไป คือเหมือนเราทำทุกอย่าง เราเทด้วยหัวใจ แต่เมื่อใจไม่แลกใจ เราเป็นคนที่เดินต่อออกมา มันค่อนข้างเจ็บ เจ็บแบบนั้นเจ็บยิ่งกว่าผัวเมียเลิกกัน”

เคยเจอถึงขั้นที่จะใช้คำว่าเนรคุณได้ไหม?
“คำนี้แรง ถ้าเป็นครู มันมีกตัญญูกับอกตัญญู คำว่ากตัญญูกับเด็กรุ่นใหม่มันหายากมาก คำว่าไมกตัญญูมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เขาบอกว่าผู้สร้างต้องอยู่คู่กับน้ำตา ครูเทียมก็โดนแบบนั้นตลอดเวลา ถามว่าร้องไห้ไหม หมดน้ำตา คนเป็นครูเขาจะไปทางไหนก็ช่าง แต่ ณ วันหนึ่งเขาจะกลับมาหาเราเหมือนเดิม ณ วันหนึ่งที่เขาดาวน์ลงมาทุกคน ถือกระเช้ามากราบทุกคน”

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

คลิปสัมภาษณ์ ครูเทียม ชมได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : บันเทิง Archives – ข่าวสด
ขอขอบคุณ : บันเทิง Archives – ข่าวสด